Wednesday, December 17, 2008

บริการเลขหมายเดียวทุกระบบ จุดเปลี่ยนฮัลโหลมือถือ?

การประกาศของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ว่าจะผลักดันบริการคงสิทธิ์เลขหมาย (นัมเบอร์ พอร์เทบิลิตี) ออกสู่ประชาชนได้ช่วงต้นปีหน้า เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือที่มีอยู่กว่าค่อนประเทศใน ปัจจุบัน สามารถเลือกใช้โปรโมชัน หรือ ระบบมือถือ ตามความพึงพอใจ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเบอร์ใหม่

อย่างที่รู้กันดีว่า ผู้ใช้มือถือหลายคนต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมใช้เบอร์เดิม แม้ว่าจะหมดความนิยมในตัวค่ายมือถือนั้นแล้ว เนื่องจากไม่ต้องการเปลี่ยนเลขหมายที่ใช้มาเป็นสิบๆ ปี ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเบอร์ประจำตัวหรือเบอร์ที่ถูกโฉลกมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นการผลักดันนัมเบอร์พอร์ตของกทช. ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน ทั่วโลก จะช่วยทำให้ผู้ใช้บริการโทรคมนาคมได้รับประโยชน์สูงสุด ถือเป็นหน้าที่หนึ่งของกทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมเช่นกัน

บริการเลขหมายเดียวทุกระบบ จุดเปลี่ยนฮัลโหลมือถือนั่น หมายความว่า นับจากนี้ไปหากผู้ใช้บริการไม่พอใจโปรโมชันหรือเครือข่ายการใช้งานที่ไม่ ครอบคลุม หรือบริการที่มีอยู่ไม่โดนใจ ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ระบบอื่นได้ทันที ภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องเสียเงินครั้งละ 200-300 บาท ซึ่งกทช. อยู่ระหว่างการสรุปว่าควรจะเรียกเก็บที่ราคาใดจึงจะเหมาะสม

แม้บริการ นัมเบอร์พอร์ต จะเป็นเรื่องที่ดีต่อผู้ใช้บริการ แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียวที่กทช. จะแจ้งเกิดได้อย่างสวยงาม เพราะปัจจุบันพฤติกรรมของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือได้เปลี่ยนแปลงไปกว่าเดิมมาก โดยเกือบ 90% เป็นผู้ใช้ในระบบ พรีเพด (เติมเงิน) ซึ่งแสดงออกได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ต้องการการผูกพันเรื่องการคอยตามจ่ายค่าบริการในทุกๆ เดือน แต่สะดวกว่าเงินหมดเมื่อไร ก็หาซื้อเติมเงินตามร้านสะดวกซื้อ หรือช่องทางการเติมเงินรูปแบบต่างๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้พรีเพดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งไม่ยึดติดกับความเป็นแบรนด์ใดทั้งสิ้น แต่พร้อมจะเปลี่ยนระบบทันทีที่มีโปรโมชันดีกว่า ถูกกว่า หรือโดนใจมากกว่า และการซื้อซิมใหม่ เบอร์ใหม่นั้น มีราคาถูกกว่าค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนเลขหมายหลายเท่านัก ดังนั้นการเก็บค่าบริการในการเปลี่ยนเลขหมายครั้งละ 200-300 บาท จึงอาจเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ผู้ที่อยากเปลี่ยนต้องคิดใหม่อีกครั้ง

ขณะผู้ใช้บริการมือถือใน ระบบรายเดือน (โพสต์เพด) ซึ่งเป็นส่วนน้อยที่เหลือนั้น กลายเป็นลูกค้าระดับแพลทินัมของทุกค่ายมือถือ เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีปริมาณการใช้งานรายเดือนค่อนข้างสูง สร้างรายได้ต่อเลขหมาย (ARPU) สูงกว่าพรีเพดมากนัก และส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความภักดีในแบรนด์ (แบรนด์ลอยัลตี) สูง คือใช้มาเนิ่นนาน ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เริ่มมีโทรศัพท์มือถือในเมืองไทยใหม่ๆ หรือตัดสินใจแล้วว่าชอบบริการของค่ายนี้ จึงเลือกที่จะเป็นลูกค้าแบบถาวร และไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงระบบกันได้ง่ายๆ

นอกจากนี้ ค่ายมือถือแต่ละรายพยายามรักษาลูกค้าให้อยู่ในระบบได้นานที่สุด หรือที่เรียกกันว่า กลยุทธ์บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (ซีอาร์เอ็ม) ที่จะมีการนำเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายแบบครบวงจร ทั้งกิน ดื่ม เที่ยว สุขภาพ ครอบครัว ยิ่งอยู่ในระบบนานเท่าไร ก็ยิ่งได้รับความคุ้มค่าและผลตอบแทนจากการเป็นลูกค้าได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นแรงจูงใจหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไป ใช้ระบบอื่นแต่อย่างใด

ท้ายสุดแล้ว นัมเบอร์พอร์ตอาจเป็นเพียงการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ ซึ่งอาจไม่ได้รับผลตอบรับในทางที่ดีก็ได้

สนับสนุนข้อมูลโดย...

Thursday, December 11, 2008

ทำนายทายทัก : ดวงชะตาปี 2552 โดย หมอทรัพย์สวนพลู


ทำนายทายทัก : ดวงชะตาปี 2552 โดย หมอทรัพย์สวนพลู
จะ เข้าปีใหม่แล้ว ใครๆ ก็คงอยากรู้ ว่าดวงชะตาในปี 2552 นี้ของตัวเองจะเป็นยังไง แม่นไม่แม่นอันนี้ไม่รู้ ที่รู้ๆ ลองมาดูกันดีกว่า...มาเช็คดวงปี 2552 ของคุณไปพร้อมๆ กันเลยจ้า

ดูดวง, ดูดวงราศี



ราศีเมษ 13 เมษายน – 14 พฤษภาคม
ใน ปี 2552 นี้ ท่านที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวรักความก้าวหน้าจะสร้างตนเองอย่างทะมัดทะแมงแข็ง ขัน ไม่ว่าจะมีพื้นฐานของชีวิตระดับไหน จะพบลู่ทางไปสู่อนาคตอันสดใสเพราะวันเวลาที่ผ่านมา มีคุณค่าเท่ากับท่านได้สะสมวัสดุก่อสร้างและเงินค่าจ้างไว้พร้อมที่จะจ้าง ช่างมาลงมือดำเนินการตามความมุ่งหมายได้เลย ถ้าองค์ประกอบของกิจนี้สมบูรณ์ บ้านหรืออาคารที่ท่านปรารถนาย่อมสำเร็จโดยประสงค์ใครได้มาเห็นอาจคิดว่าต้อง กับรสนิยมอุดมคติของตนเอง ไม่ยินดียินร้ายในความสำเร็จหรือล้มเหลวที่เข้ามาก่อวินาศกรรมแก่เจตนารมณ์ ของท่านและหมู่คณะ ชีวิตอันเป็นกำไรของท่านไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยต้อยต่ำเพียงไร จึงเฉิดฉันท์สง่างามตามความหมายในความรู้สึกฝ่ายสูงของมนุษย์เรา และสามารถเล่าให้ลูกหลานฟังได้อย่างวีรบุรุษกับยุวชน

ดาวพฤหัสบดีพระเคราะห์สำคัญที่สุดในระบบสุริยะ ย้ายราศีจากธนูขึ้นมังกรตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคมปีกลาย (2551) และโคจรในราศีมังกรถึง 20 เมษายน 2552 จึงย้ายขึ้นสู่ราศีกุมภ์ ส่งผลให้วงการเมืองเกิดกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาพักหนึ่ง ท่านได้รับเชิญชวนให้สมัครรับเลือกตั้งหรือมีตำแหน่งที่ปฏิเสธมาได้ แต่ท่านก็อย่างเดียวกับเจ้าป่าจะยอมอยู่ใต้กฎของป่าและธรรมชาติเท่านั้น ถ้าต้องแกร่วอยู่ในเขาดินหรือเขาเขียวคงทนไม่ได้ เพราะท่านถือว่ามนุษย์คือเสรีภาพ แต่ดาวพฤหัสบดีจะย้ายกลับลงมาในราศีมังกรอีกในวันที่ 15 สิงหาคม มีความเปลี่ยนแปลงต่างๆในสังคม พวกที่อยู่คนละฝั่งกับท่านจะข้ามมาผูกมิตร โดยอาจใช้วิธีการตามวิธีชนะมิตรและจูงใจคน

ปีใหม่นี้ดาวเสาร์ซึ่งย้ายเข้าราศีสิงห์ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2550 จะย้ายเข้าราศีกันย์วันที่ 30 กันยายน 2552 ตลอดเวลา 2 ปีเศษที่เสาร์โคจรในราศีสิงห์ท่านมีเรื่องยุ่งยากวิตกกังวลมากน้อยต่าง ๆ ที่บริวารก่อขึ้น แต่บางเรื่องก็ร้ายแรงมากแต่ที่ไม่แตกหักเพราะท่านไม่ทราบ ทั้ง ๆ ที่มีบริวารบางคนของท่านเอางูเห่ามาเลี้ยงไว้ในห้องนอนของเขา ในโลกนี้มีเรื่องเสียหายเป็นอันมากที่ไม่กระทบกระเทือนถึงชีวิตความเป็นอยู่ และอารมณ์ความรู้สึกของผู้เกี่ยวข้องเพราะไม่รู้เหมือนของหายแต่เราไม่รู้ และตราบเท่าที่เราไม่รู้ก็ไม่มีอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งของนั้นเราทอดทิ้งจนลืมแล้วก็ยิ่งไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์แต่ประการใด เมื่อดาวเสาร์ย้ายไปราศีกันย์หรือภพที่ 6 (อริ) ท่านอาจมีโรคเรื้อรัง เช่นโรคกระเพาะลำไส้หรือโรคไต เงินจำนวนหนึ่งของท่านจะจ่ายเพื่อบำบัดโรคของคนมีเงิน และสามารถหายเป็นปกติได้ แต่อย่างไรก็ตามเคราะห์ร้ายที่จะมาจากดาวเสาร์เป็นอริ อาจทุเลาเบาบางได้มากในกรณีที่ท่านมีชื่อจริงตัวแรกเป็นอักษรในวรรคจันทร์ (ก ข ค ฆ ง) ซึ่งเปลี่ยนเสาร์ให้เป็น “ศรี” หรือใช้ผ้าปูที่นอนเป็นสีของวันจันทร์ (เหลืองขาวนวล) ก็คงพอฟาดเคราะห์ไปได้บ้าง หรือบูชาพระนาคปรกซึ่งผู้เป็นประธานการสร้างเป็นผู้มีบุญและบริสุทธิ์ยิ่ง ประเสริฐสำหรับบรรเทาทุกข์โทษภัยอันจะเกิดจากดาวเสาร์ ซึ่งอาจให้โทษแก่ดวงของท่านในช่วงเดือนตุลาคม 2552 เพราะเล็งฉกาจกับดาวมฤตยู ซึ่งหมายถึงอุบัติเหตุจากเครื่องยนต์กลไกและจากเรือที่แล่นเร็ว คำทำนายในเรื่องเคราะห์ร้ายต่าง ๆ นี้เป็นเพียงเตือนให้ท่านดำรงชีพโดยไม่ประมาทเท่านั้น ผู้ใดมีความรู้สึกระลึกตัวอยู่เสมอ ผู้นั้นเป็นคนมีสติ และปลอดภัยเสมอ

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2552 ราหูซึ่งโคจรในราศีมังกรมาปีเศษ ย้ายลงราศีธนู ท่านจะเดินทางไปต่างประเทศหรือเดินทางไกลในประเทศบ่อยขึ้น โดยมีผลประโยชน์ที่สำคัญเป็นเหตุผลที่ท่านไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ปลอดภัยทุกเส้นทางและทุกภารกิจ เว้นแต่จะทำให้เป็นการเอิกเกริกก็เกิดปัญหาที่นึกไม่ถึงขึ้นได้ และแม้ในชีวิตประจำวันก็ไม่ควรให้ปกติซ้ำซากจำเจเกินไป ควรมีการเดินทางที่ไม่กำหนดล่วงหน้านานๆ ไม่มีใครรู้ที่หมายของท่านแบบเดียวกับทหารเรือไม่รู้ว่าจะไปไหนแม้เรือเดิน อยู่ในทะเล นอกจากผู้บังคับการเรือและผู้ที่จำเป็นต้องรู้เท่านั้น

ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2552 ท่านได้ลาภยิ่งใหญ่มโหฬาร เป็นการยากที่จะระบุให้ว่าท่านจะได้อะไร จึงปลาบปลื้มดื่มด่ำถึงเพียงนั้น แต่ขอให้ท่านมีความสุขกับความสำเร็จและโชคดีโดยไม่ต้องเบียดเบียนผู้ใด ศัตรูจงพินาศไป ด้วยอำนาจกุศล


ราศีพฤษภ 15 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน
ในปี 2552 นี้ ท่านมีความสุขกว่าหลายปีที่แล้วมา ต้นไม้มีดอกหอมไกลซึ่งเพื่อนบ้านปลูกไว้ เมื่อออกดอกครั้งใดท่านจะมีอาการแพ้รุนแรงทุกครั้ง โดยไม่สามารถที่จะขอร้องอะไรจากเขาได้นั้นก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะไม้ต้นนั้นตาย หรือมีคนโรคจิตทรามมาอยู่ใกล้บ้านแล้วพูดจากหยาบโลนกันวันยังค่ำ เรื่องเหล่านี้จะจบสิ้นลงอย่างไม่มีปี่ขลุ่ยเหมือนลิเกหอบเครื่องทรงและ ดนตรีหนีค่าเช่าวิก ดวงของท่านก็ดีขึ้นเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ แต่

ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม – 31 พฤษภาคม ศกนี้ ท่านจะมีโชคดีเป็นอันมาก เป็นโชคที่เกิดจากได้ลาภใหญ่โตมโหฬารโดยสุจริตจากบุญของท่านที่สร้างไว้โดย ไม่ประสงค์สิ่งตอบแทนใดๆ อนึ่งในช่วงเวลาอันดีแสนดีนั้น มีอาทิตย์พุธและมฤตยูจรย้ายเข้าราศีมีน ท่านจึงคงจะได้ลาภโดยมีการเสนอหลายทางและหลายๆข้อผูกพัน นอกจากทางหนึ่งที่ว่าท่านจะได้โดยวาสนาบารมีของตนเอง จึงไม่มีพันธะอะไร ท่านอย่ารับเงินที่ได้โดยเหตุผลทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ เงินที่ได้จากญาติของท่านไตหาย เช่น ท่านพาเขาไปผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบก่อนผ่าตัดยังมีไต 2 ก้อน หลังจากนั้นเหลือก้อนเดียว เพราะตอนดึก ๆ คืนนั้นพวกของซีอุยแอบลักตัดไปกิน เพราะถ้าท่านรับเงินก็เท่ากับท่านขายไตเพื่อนโดยทุจริต เงินที่พ่อตาแม่ยายพี่เมียน้องเมียของมหาเศรษฐีแอบนำมาฝากไว้กับท่าน จะเพื่ออะไรก็ตาม จงตัดความเกรงใจทิ้งเสีย อย่ารับฝาก เพราะกิจกรรมอย่างนี้ไม่ถูกโฉลกกับโชคชะตาของท่านไม่ว่าจะบริสุทธิ์แค่ไหน

ชาวราศีพฤษภมีดาวประจำราศีคือดาวศุกร์ เป็นดาวที่สวยงามที่สุด ท่านจึงเพศตรงข้ามคอยเอาอกเอาใจเสมอ ถูกกับพี่น้องและเพื่อนฝูงที่เป็นเพศตรงข้าม หมายถึงการขอความช่วยเหลือและหยิบยืมสตุ้งสตางค์ตามอัตภาพด้วย เช่น ท่านได้เงินเดือน 2,000 บาท แต่ท่านมีเพื่อนเป็นมหาเศรษฐี ท่านจะไปยืมเงินเขาเป็นล้านเขาคงไม่ให้ หรือเกินเงินเดือนของท่านก็อาจไม่ได้ด้วยซ้ำไป ความรักก็เหมือนกัน ควรพิจารณาท่านเป็นใคร เขาเป็นใคร บางคนกล้าที่จะกล่าวว่าถึงเขาจะยากจนเข็ญใจอย่างไร แล้วดาราฮอลีวูด อลิซาเบธ เทย์เลอร์ มาขอแต่งงานด้วย เขาจะไม่ยอมเด็ดขาด ด้วยเชื่อว่าดวงไม่สมพงษ์กัน ยกเว้นผู้มีบุพเพสันนิวาสกันมาในชาติก่อน

กลางเดือนธันวาคม 2552 พฤหัสบดีย้ายไปราศีกุมภ์ ชีวิตและงานของท่านเจริญรุ่งเรือง ความดีความชอบที่ทำไว้ในทางการงานและนิสัยความประพฤติส่วนตัวของท่านยิ่งส่ง เสริมให้มีโอกาสทำงานให้สำเร็จในระดับสูงยิ่งๆ ขึ้นไป

ดาวเสาร์ย้ายไปราศีกันย์ตั้งแต่ 30 กันยายน และโคจรอยู่เป็นเวลาประมาณ 2 ปีเศษ ถ้าท่านรับอาหารเรื่อยเปื่อย ไม่ออกกำลังกายและไม่รักษาอารมณ์ให้แจ่มใสสดชื่นเสมอแล้วจะมีน้ำหนักเพิ่ม ขึ้นอย่างน่าหวาดเสียว ญาติมิตรที่ไม่ได้พบท่านเพียงปีเดียวอาจจำท่านไม่ได้ เรื่องเช่นนี้ไม่มีผลร้ายใดๆ ถ้าท่านซื่อตรงต่อตนเองในการรักษาพลานามัยและสุขภาพจิตให้จริง

ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552 ราหูย้ายลงสู่ราศีธนู ศัตรูในที่ซุ่มซ่อนและภัยมืดต่าง ๆ ที่เคยเขย่าขวัญสั่นประสาทหรือสร้างความรำคาญความอัปยศอดสูหดหู่ใจให้ท่านมา นาน ๆ จะจบสิ้นไปเอง โดยธรรมดา


ราศีมิถุน 15 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม
ในปี 2552 นี้ ท่านอยู่ในวัยใดก็ตาม จะเกี่ยวข้องกับไร่นาสวนและการช่างไม้ต่าง ๆ สะสมไม้ดอกไม้ใบไม้ประดับเป็นงานอดิเรก หาความสุขความชื่นใจจากธรรมชาติและไมตรีจิตมิตรภาพที่ปราศจากเลศนัย ซึ่งนับวันมีแต่จะหายากยิ่งขึ้น เป็นหนึ่งในร้อยที่โชคดีโดยไม่ต้องต่อสู้แข่งขันหรือขวนขวาย มีลาภโดยไม่มีศัตรู

การเงินรายได้และผลประโยชน์ของท่านจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้วๆ มา หรือแม้ได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายลดลงมาก เคยซื้ออะไรก็ไม่ต้องซื้อมีผู้นำมาให้โดยเคารพ ไม่มีเงื่อนไขและข้อเรียกร้อง ต้นไม้ที่ท่านปลูกทิ้งๆ ไว้เพื่อช่วยให้ร่มรื่นก็ออกผลให้นำไปรับประทานและแบ่งปันญาติมิตรได้ เหลือก็ขาย ท่านจึงมั่งคั่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเงินนั้นเป็นของแปลก ใครยิ่งมีก็ยิ่งมีมากขึ้นเพราะสามารถเรียกร้องหรือดึงดูดกันมารวมกันได้มาก ๆ คนที่รู้จักเก็บออมจึงมีเงินมากเสมอ เว้นแต่เล่นการพนัน ลุ่มหลงเพศตรงข้ามแบบทาสเทวี มีเท่าไรก็หมด แต่ท่านหาเป็นเช่นนั้นไม่ จัดการกับเงินได้ดีเสมอ

ในปี 2552 ญาติมิตรที่ห่างเหินไปเพราะความจำเป็นในงานอาชีพ หรือระแวงแหนงใจกับท่านด้วยเหตุผลข้อใดๆ ก็ตาม จะเข้าใจท่านและมาคืนดีเหมือนเดิม จะมีการเดินทางไปมาหาสู่พี่น้องและเพื่อนๆ ที่อยู่ห่างไกล

แต่หลังจากวันที่ 30 กันยายน 2552 แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องของท่านจะอพยพมาอยู่ใกล้ ๆ กันโดยบังเอิญและชื่นชมยินดีต่อกันเป็นอย่างยิ่ง

ท่านจะไม่ยุ่งยากเดือดร้อนหรือวิตกกังวลเพราะบริวารหรือเด็กในปกครองบังคับ บัญชา พวกเขาจะอยู่ในโอวาทและปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความศรัทธาเชื่อมั่นในตัวท่าน แต่ท่านจะเจ็บไข้ไม่ได้เป็นอันขาด งานที่ท่านทำเองหรือจ้างวานใช้สอยใครก็ตาม ท่านต้องอยู่ดูแลโดยใกล้ชิดจึงเรียบร้อย ท่านที่มีบุตรหรือน้องๆ ไม่ควรทิ้งให้อยู่ในความดูแลของผู้อื่น

ความรักของท่านเป็นสิ่งสวยงาม คนรักของท่านรูปร่างหน้าตากิริยาดี มีความรู้ในกิจการงานอาชีพของท่านพอสมควร โดยมากท่านปรึกษาหารือเขาได้ แต่ท่านไม่ค่อยมีความคิดเห็นให้เขา นอกจากความรักที่ท่านไม่มีเหลือไว้สำหรับผู้ใดในโลกนี้ คือท่านเป็นคนใจเดียวตลอดกาล คนรักของท่านก็ไม่ชอบเบ่ง ชอบอยู่เงียบๆ รักความสงบและยุติธรรม แต่กล้าหาญ แต่ความรักของท่านมักมีต้นเหตุมาจากความสงสารเห็นใจ แล้วจึงเกิดเป็นความรักและความเข้าใจต่อกัน อันเป็นรักที่ยืนยงคงทนตลอดไป

ปลายปีนี้อาจแต่งงานแบบรักแรกพบ คู่สมรสของท่านอาจเป็นหม้าย คนที่มีสถานภาพทางความรักเช่นนี้ ควรมีทัศนคติว่า “หัวเราะทีหลังดังกว่า”


ราศีกรกฎ 16 กรกฎาคม – 16 สิงหาคม
ในปี 2552 นี้ ท่านยังดำเนินชีวิตและทำงานด้วยการเล็งผลเลิศ วางแผนอย่างละเอียดลึกซึ้งและรอบคอบ 2 ชั้นขึ้นไป ถ้าชั้นแรกพลาดยังมีชั้นที่ 2 รองรับ เป็นเหตุให้ท่านคาดการณ์ได้แม่นยำ ไม่ค่อยมีข้อบกพร่อง และท่านก็เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2538 คือชะตาชีวิตของท่านรุ่งโรจน์ด้วยการใช้วาทศิลป์

วันที่ 10 สิงหาคม 2550 ดาวเสาร์ย้ายจากราศีกรกฏลงราศีสิงห์ ท่านมีความคล่องตัวมากในเรื่องของงาน เงินและความรัก ท่านอาจเปิดสาขาร้านค้าขึ้นเป็นอันมาก มีแหล่งทรัพยากรที่จะตักตวงเอามาใช้จ่ายได้ไม่รู้จักหมด แต่ดาวเสาร์นี้ก็จะต้องย้ายราศีในวันที่ 30 กันยายน 2552 และเล็งกับดาวมฤตยูซึ่งย้ายเข้าราศีมีนก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2552 การที่ดาวเสาร์ย้ายราศีและเล็งมฤตยู อาจช่วยให้ท่านได้เดินทางบ่อยขึ้น อาจย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ หรือเป็นผู้จัดรายการทัศนาจรนำเที่ยวในประเทศต่างประเทศ นั่นเป็นอิทธิพลของดาวมฤตยูในภพที่ 9 ของชาวราศีกรกฎซึ่งนับเป็นอาทิตย์ลัคนา ถ้าท่านยังไม่ใช้รถยนต์เห็นจะซื้อหลังเดือนกันยายน 2552 ไปแล้ว และได้รับความสุขสบายตามอัตภาพของผู้ที่มีรถเอง

26 มกราคม 2552 เป็นวันจันทร์ดับเล็งราศีกรกฎ ท่านอาจเกิดเข้าใจผิดกับหุ้นส่วนผู้ร่วมงานหรือคู่หมั้นคู่สมรสถึงขั้นแตก ร้าวกันได้โดยไม่มีเหตุผล และวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 จันทร์ดับในราศีกรกฎราว 4 องศาเล็งราหู อาจเกิดสุริยคราสที่มองเห็น ใน 2 ช่วงเวลาดังกล่าวท่านอย่าไปดู โปรดอยู่ในบ้าน

ชาวราศีกรกฎมีดวงจันทร์เป็นดาวประจำราศี ชีวิตความเป็นอยู่จึงเหมือนดวงจันทร์ คือ เป็นจุดสนใจของสังคม ท่านเด่นในหมู่พี่น้อง

ในปีใหม่นี้ดาวพฤหัสบดีซึ่งเล็งราศีกรกฎมาตั้งแต่ 4 ธันวาคมปีกลาย (2551) นี้ โคจรในราศีธนูถึง 19 เมษายน ระยะหนึ่ง กับถอยจากราศีกุมภ์ลงมาโคจรในราศีมังกรตั้งแต่ 15 สิงหาคม ถึง 14 ธันวาคม 2552 อีกช่วงหนึ่ง เวลาที่พฤหัสบดีเดินหน้าถอยหลังในราศีมังกรก็เล็งราศีกรกฎ ซึ่งน่าจะอำนวยโชคดีแก่ราศีนี้ตามวาสนา (ดวงเดิม) โดยมากดาวดีเดินปกติก็ให้คุณในเรื่องปกติ ถ้าเดินถอยหลังมักให้คุณในเรื่องงานอดิเรก งานนโยบาย งานแก้ไขสถานการณ์คับขันที่ผู้อื่นก่อขึ้นไว้แล้วทิ้งให้ญาติมิตรรับผิดแทน ดาวพฤหัสบดีเล็งราศีของผู้ใด ผู้นั้นมักโชคดี ชาวราศีนี้ที่รักษาความเป็นโสดมานานๆ มักสละโสดในช่วงเวลาที่ดาวพฤหัสบดีเล็ง เพราะถูกผู้ใหญ่บังคับบ้างหรือบางทีก็เกรงใจคนที่จะต้องแต่งด้วย

อนึ่งตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม ถึงสิ้นปี 2552 ดาวอังคารเข้ามาโคจรในราศีกรกฎ บางช่วงเล็งราหูและดาวพฤหัสบดี ควรระวังไฟและการเป็นคดีความ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2552 ราหูย้ายลงธนู ปัญหาสำคัญจะจบลง ศัตรูลึกลับต่าง ๆ ก็ลาโรงม้วนเสื่อกลับภูมิลำเนา


ราศีสิงห์ 17 สิงหาคม – 16 กันยายน

ท่านชาวราศีสิงห์ผู้ยิ่งใหญ่ผ่านปี 2551 มาอย่างมหัศจรรย์ ได้แก่ราศีของท่านมีดาวเสาร์มาโคจรอยู่ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2550 ให้โทษมากน้อยตามสภาพ

นับแต่ 17 สิงหาคม 2551 แม้ดาวอังคารจะย้ายไปจากราศีสิงห์แล้ว ยังมีอาทิตย์ยกลงมาร่วม เป็นอาทิตย์ พุธ ศุกร์ เสาร์ และพระเกตุรวม 5 องค์ ทั้งนี้โดยมีดาวมฤตยูและพระราหูเล็งจากราศีกุมภ์ เสาร์เล็งราหูกามเทพคงส่งแฟนให้อย่างลึกลับหรือเป็นเรื่องที่ต้องปิดๆ บังๆ ด้วยถ้าท่านอายุเยาว์มักได้แฟนเป็นผู้อาวุโสสูง ถ้าท่านชราแล้วคงได้แฟนละอ่อน บางทีก็ได้ไร่นาสวน อาคารบ้านเรือนที่เหมาะแก่ฐานะที่แท้จริงของท่าน 17 กันยายน 2551 ราศีสิงห์เหลือเสาร์ดวงเดียว โดยมีมฤตยูเล็ง 2 มีนาคม 2552 ดาวมฤตยูย้ายขึ้นราศีมีน ไม่เล็งเสาร์ในราศีสิงห์อีก ชีวิตและงานของท่านมั่นคงแน่นอนยิ่งขึ้น 30 กันยายน 2552 เสาร์ย้ายลงราศีกันย์ ท่านเหมือนจันทร์เพ็ญบนเวหาซึ่งไม่มีเมฆบดบัง

ต้นปี 2552 การเงินของท่านอ่อนแอ เพราะมีรายจ่ายพิเศษจำนวนมาก

ท่านจะถูกโฉลกกับการย้ายสถานที่ทำงานบ่อยๆ หรือทำงานไม่อยู่เป็นที่ ซึ่งวิถีชีวิตนี้กลับถูกโฉลกกับชะตาของท่าน การดำรงชีวิตแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ เป็นการสะเดาะเคราะห์ไปในตัว

การเป็นคนเชื่อมั่นในตนเอง มีรากฐานที่แข็งแรงในการดำรงชีพและมีความรู้มีสติปัญญา จะทำให้ท่านตกเป็นเหยื่อผู้ที่ท่านคิดว่าโง่หรือไร้เดียงสาได้ ท่านทำคุณกับใครก็ทำไป แต่อย่าเป็นหนี้บุญคุณใคร อย่ารับความช่วยเหลือโดยไม่จำเป็น


ราศีกันย์ 17 กันยายน – 16 ตุลาคม

ในปี 2552 นี้ ท่านจะอายุสักเท่าไรก็ตาม จะอยู่ในสมาคมที่มีสมาชิกมาก มีการติดต่อกับญาติมิตรอย่างกว้างขวาง มีชื่อเสียงแพร่หลาย ได้มีโอกาสแสดงความรู้ความสามารถอันมีอยู่เฉพาะของท่าน วิถีชีวิตของท่านจะมีการเปลี่ยนแปลงที่โลดโผนพิสดารพอสมควร แต่ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในหลักสำคัญเหมือนกับเป็นคนช่างคิดช่างอ่าน กล้าริเริ่มทำความคิดเห็นของตนเองด้วยความจริงใจ ข้อควรระวังคือเมื่อท่านทำผิดจะไม่มีใครแนะนำตักเตือน นับว่าเป็นความอาภัพของท่านอย่างรุนแรง แต่ปัญหาในใจของท่านที่แก้ไขยากคือ เมื่อญาติมิตรที่เคยตกทุกข์ได้ยากและท่านช่วยเหลือเต็มที่นั้นกลับเจริญ รุ่งเรืองขึ้นโดยวาสนาของเขาเอง ท่านกลับไม่พอใจและเป็นศัตรูกับผู้นั้นอย่างแรง

ท่านจะได้ลาภจากผู้ใหญ่ หรือได้ร่วมงานกับกลุ่มชนหรือสมาคมที่มีอุดมการณ์เพื่อสังคม วันที่ 2 มีนาคม 2552 ดาวมฤตยูย้ายจากราศีกุมภ์ขึ้นราศีมีน และอาจมีดาวหรือพระเคราะห์อื่นอีกซึ่งมีคุณและโทษตามสภาพของดาวในดวงกำเนิด นั้น แต่สภาพในครอบครัวของท่านจะผันแปรพอสมควร ท่านจะมีกำลังเงินสูงขึ้นกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา

บ้านท่านจะมีผู้ย้ายเข้าย้ายออก แฟนท่านอาจไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ท่านยังไปด้วยไม่ได้ ระหว่างที่ย้ายแยกกันความไว้ใจกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ท่านที่ย้ายบ้านบ่อยๆ ซึ่งย่อมหมายถึงผู้ที่ไม่มีบ้านของตนเอง ปีใหม่นี้ท่านจะพร้อมยิ่งขึ้นในการหาบ้านที่เหมาะสม ราหูซึ่งโคจรในราศีมังกรช่วยให้ท่านได้ลาภจากบริวารบุตรหลานมาเป็นเวลานาน บางทีปีใหม่นี้ท่านอาจไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา เพราะท่านช่วยตัวเองได้อย่างเต็มที่ ท่านจะอยู่ที่ไหนทำงานอะไรก็ตาม คนที่มาอาศัยท่านอยู่อาจเป็นเหตุให้ท่านย้ายบ้านบ่อย ๆ ก็ได้

ราศีกันย์มีพุธเป็นดาวประจำราศี ทุกครั้งที่ดาวนี้โคจรถึงราศีกันย์ก็มีฐานะเป็นมหาอุจ คือ ท่านทำอะไรไม่นานก็เบื่อ และทอดทิ้งงานที่ทำนั้น จนกว่าจะมีผู้อื่นมาเก็บไปทำได้ผลดีท่านจึงรู้สึกเสียดายว่าไม่ทำให้ตลอดรอด ฝั่ง ถ้าท่านทำอะไรจริง ๆ ก็จะประสบความสำเร็จอยู่ในแถวหน้าของผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง

4 พฤศจิกายน 2552 พระราหูย้ายลงมาโคจรในราศีธนูปีเศษ อย่ารับคนจรเข้าบ้าน และถ้าจะซื้อบ้านปลูกบ้านต่อเติมบ้าน ควรไตร่ตรองให้ดี แล้วท่านจะมีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป


ราศีตุล 17 ตุลาคม – 15 พฤศจิกายน
ในปี 2552 ท่านจะได้รับความพอใจในสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวัน มีดาวมฤตยูย้ายจากราศีกุมภ์ไปราศีมีน 2 มีนาคม ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได ้รับผลกระทบจากดาวมฤตยูตามวาสนา สิ่งใดที่คิดว่าจะได้กลับไม่ได้แต่ถ้าได้มาจริง ๆ ก็ไม่ดี และสิ่งใดที่คิดว่าไม่ได้กลับได้และเป็นประโยชน์อย่างมาก

ดาวพฤหัสบดีจะย้ายข้ามราศีไปมาระหว่างราศีมังกรกับราศีกุมภ์ และขณะที่โคจรในราศีมังกรก็ร่วมกับราหู ให้ผลในเรื่องความมืดมนของปัญหาชีวิต ซึ่งท่านจะรักษาตัวให้พ้นภัยได้ด้วยคุณงามความดี มีความจริงใจต่อตนเองและผู้อื่น

ดาวเสาร์ซึ่งโคจรอยู่ในราศีสิงห์ตั้งแต่ วันที่ 10 สิงหาคม 2550 ก็จะย้ายในปี 2552 นี้ด้วยเช่นกัน คือวันที่ 30 กันยายน 2552 เข้าราศีกันย์ นับว่าเป็นวินาศ แก่ราศีตุล เสาร์จะเป็นวินาศกับชาวราศีตุลไปเป็นเวลา 2 ปีเศษ ดาวเสาร์จะเป็นอุปสรรคขัดข้องในด้านความอืดอาดไม่ทันเหตุการณ์ เบื่อง่าย มีใครมารักมาชอบก็เข้มงวดจนเปิดหนีไปหมด แต่ในด้านดีคือท่านจะไม่ผลีผลาม ไม่ตื่นเต้น

ชีวิตการงานของท่านในปีใหม่นี้มีช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองรวดเร็วเกินความ คาดคิด และมีช่วงเวลาแห่งความสงบสุข ชาวราศีตุลมีดาวประจำราศีคือศุกร์ เป็นดาวที่สวยงามที่สุดในบรรดาดาวดีๆ ด้วยกัน ชาวราศีนี้จึงสวยหรือมีเสน่ห์ ท่านจึงเป็นผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูง ไม่ว่าท่านจะมาจากภาคส่วนใดย่อมไปสู่ จุดสุดยอดแห่งความปรารถนาของมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น สุดแท้แต่ท่านจะเลือก

ในวันที่ 24 พฤษภาคม ถึง 5 กรกฎาคม 2552 จะมีเรื่องขัดแย้งกับหุ้นส่วนผู้ร่วมงานในระดับเดียวกัน แต่ไม่เป็นไร เพราะสามารถชำระสะสางให้เรียบร้อยได้ แต่ท่านที่มีคนรักหรือคู่สมรส อาจพูดกันให้เข้าใจไม่ได้และเกิดทิฐิมานะ ไม่มีใครยอมใครเป็นเหตุให้ต้องแยกย้าย กันไปคนละทางไม่มีวันพบกันได้อีกต่อไป แต่ปกติแล้วชาวราศีตุลมีสถานภาพความรัก และการสมรสที่มีเสถียรภาพ รักกับใครก็ดูกันนาน ๆ แน่ใจแล้วจึงแต่ง และแต่งแล้วก็อยู่กันไป จนหลงจำหน้ากันไม่ได้เพราะแก่หง่อม

4 พฤศจิกายน 2552 ราหูย้ายลงมาราศีธนู ท่านมีลาภลอยก่อนสิ้นปี จึงสรุปได้ว่าปีใหม่นี้ท่านมีชีวิตและงานราบรื่นแจ่มใส ร่ำรวย และเกลียวกลมกับคนรักอย่างมาก


ราศีพิจิก 16 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม

ในปี 2552 นี้ ท่านโชคดีตั้งแต่ต้นปี ได้มรดกตกทอดจากเพื่อนสนิทยกให้ท่านครอบครองดูแลต่อไปในขณะที่เขาเดินทางไป ต่างประเทศหรือมีภาระมากเกินกว่าจะจัดการได้ ท่านก็เหนื่อยหน่อย มีเกณฑ์ว่าท่านจะรับภาระหน้าที่แทนเพื่อน หรือเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปรักษาการแทนนายซึ่งเกษียณหรือย้ายไปกินตำแหน่งสูงก ว่า เก่า ท่านอาจขยายกิจการงานโดยวิธีลัด เช่น รับเซ้งกิจการของผู้อื่น และท่านทำแล้วก็รุ่งเรืองดี ไม่ใช่การหัวเราะทีหลังดังกว่า แต่เป็นเรื่องของการงานหรืออาชีพ ซึ่งอาศัยปัจจัยต่าง ๆ เป็นอันมาก และรวมถึงโชควาสนาด้วย

ท่านได้ลาภสำคัญอย่างหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2551 และสิ่งนั้นก็ยังอำนวยโชคแก่ท่านจนปัจจุบัน ทำให้ท่านสดชื่นเบิกบานเป็นอย่างยิ่ง และอาจรู้สึกว่าในบรรดาผู้ที่โชคดีด้วยกันแล้ว ท่านเหนือชั้นกว่าเยอะ ท่านเป็นผู้มีโชควาสนาชะตาชีวิตน่าพิศวง ท่านเป็นบุคคลที่ดีของสังคม รวมถึงในยามที่ญาติมิตรของท่านแก้ปัญหาไม่ได้ ท่านก็มีคำตอบให้ชนเหล่านั้น ถ้าท่านคนเดียวแนะนำไปแล้ว คนทั้งหมดก็ทำตาม ท่านย่อมระงับความโกรธทุกกรณี

รายได้การเงินและผลประโยชน์ของท่านราบรื่นไปอีกนาน แต่จะมีสถานการณ์พิเศษเกิดขึ้นตั้งแต่ 30 กันยายนถึงปลาย ๆเดือนตุลาคม ดาวเสาร์ย้ายเข้าราศีกันย์ ท่านจะได้ลาภลอยซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงฐานะความเป็นอยู่จากหน้ามือเป็นหลัง มือหรือจากคนเดินดินกินข้าวแกงเป็นเศรษฐีได้

วันที่ 2 มีนาคม 2552 ดาวมฤตยูย้ายขึ้นราศีมีน มีความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับบริวารที่เป็นสิ่งที่ยากแก่การคาดหมาย

ท่านที่ยังเรียนอยู่ไม่ว่าระดับใด จะมีความก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป ถ้าต้องชิงทุนไปทำปริญญาในต่างประเทศก็จะสมความประสงค์

ท่านที่ยังอยู่ในวัยที่มีความรัก หรือยังโสด ความรักของท่านปีนี้แปลก คือท่านอาจไปรักกับแฟนเพื่อนซึ่งเลิกกันแล้วมาอยู่กับท่าน เพราะท่านไม่รู้มาก่อนว่าใครเป็นใคร จนได้กันแล้วเพื่อนมาเจอจึงรู้เรื่อง แต่แก้ไขอะไรไม่ได้ คนที่รักจริงหวังแต่งจึงควรให้เวลาความรักได้พิสูจน์ตัวเองและหัวใจนานพอ สมควรว่าคนที่ท่านรักไม่ได้มาหาท่านเพราะโกรธกับแฟนเก่าหรือประชดแฟนเก่า ถ้าท่านแต่งงานกับคนที่เคยมีแฟนมาแล้ว ก็ต้องทำใจให้หนักแน่น คิดถึงพรหมลิขิตไว้บ้าง

ดาวเสาร์ย้ายจากราศีสิงห์ การงานของท่านจะมั่นคงและรุ่งเรืองขึ้นมาก ท่านที่ยังไม่ได้ทำงานจะได้งานทำ และชีวิตแจ่มใสมีโชคดีตั้งแต่ 30 กันยายน 2552 เป็นต้นไป


ราศีธนู 16 ธันวาคม – 14 มกราคม

ในปี 2552 นี้ ท่านพบการเปลี่ยนแปลงในด้านความเป็นอยู่ซึ่งส่งผลถึงจิตใจด้วย หมู่บ้านหรือชุมชนอันเป็นที่อยู่อาศัยอย่างสงบสุขมานาน จะมีห้างสรรพสินค้าหรือตลาดสดมาอยู่ใกล้ๆ เป็นเหตุให้ระบบนิเวศน์ผันแปรไป

ท่านมีรายรับรายจ่ายและเงินออมเป็นปกติมานานนับ 10 ปี แต่ในปีหนึ่งหรือสองปีที่แล้วมานี้ตลอดจนปี 2552 นี้ด้วย ท่านมีรายจ่ายพิเศษมากผิดปกติ ค่าครองชีพของท่านสมดุลจริงแต่ค่าสังคมของท่านสูงขึ้นมาก ท่านอาจมีผู้ที่ต้องช่วยเหลือตามฐานานุรูปของเขา ต้องรับธุระให้แก่พวกพ้องเพื่อนฝูงที่มาขอให้ช่วยหรือแม้มิได้ขอก็ตาม ท่านจึงเป็นผู้หนึ่งที่สดชื่นอยู่ในหัวใจของญาติมิตร แต่ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาท่านอาจเสียเพื่อนหลายคน และเสียพี่น้องสนิทไปตามธรรมดาของโลก และหมายถึงรายจ่ายจรสูงขึ้นด้วย

ราหูอยู่ในภพการเงินของท่านตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2551 จะย้ายลงราศีธนูซึ่งเป็นราศีเกิดของท่าน ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2552 ท่านจะจ่ายน้อยและรับมากขึ้นตามอัตภาพ แต่การที่ท่านเมตตาผู้น้อยและเอื้อเฟื้อเรื่องการเงินตามมีตามเกิด อาจเป็นเรื่องที่คนระดับเดียวกับท่านหรือสูงกว่าในสังคมเดียวกันทำไม่ได้ รับไม่ได้ ท่านย่อมถูกริษยาและต่อต้าน โดยส่งบริวารที่เจ้าเล่ห์มาขอสตางค์ท่าน ถ้าท่านให้ก็ไปพูดว่าท่านอ่อยเหยื่อ ปีใหม่นี้ท่านจะช่วยเหลือผู้น้อยที่เป็นเพศตรงข้ามต้องคิดให้ดี

ท่านชาวราศีนี้ที่ทำงานในฐานะผู้ใหญ่ที่มีผู้อยู่ในบังคับบัญชา หรือมีบุตรหลานคนรับใช้ ปีใหม่นี้หลังวันที่ 2 มีนาคม 2552 ไปแล้ว ดาวมฤตยูขึ้นไปโคจรในราศีมีนหลายปี ท่านอาจผจญกับการทรยศหักหลังคดในข้องอในกระดูกของผู้น้อยบางคน แม้คนในบ้านก็อาจจะละเลยไม่สนใจดูแลบ้านเรือนให้เรียบร้อย แต่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าท่านระวังตัวดี

งานอาชีพของท่านเป็นภาระมากขึ้น ใช้แรงงานไม่มากแต่ใช้ความคิดหนัก เงินมากขึ้น ท่านอาจถูกกล่าวหาเรื่องเงิน จึงไม่ควรเกี่ยวข้องกับเงินของผู้อื่น จึงไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มิใช่ธุระของท่าน รวมถึงพรหมลิขิตของผู้อื่นด้วย

ท่านที่ยังโสดหรือไม่รักใครหรือไม่มีใครรักก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2552 ดาวศุกร์ย้ายเข้าราศีมีนเป็นมหาอุจ อยู่ไปจนถึง 1 มิถุนายน 2552 ระหว่างเวลานี้ กามเทพจะยิงลูกธนูเกสรดอกไม้อาบน้ำผึ้งวิเศษเข้ามาทางหน้าต่างบ้านท่าน คนที่ท่านจะรักคงเป็นคนในบ้าน อาจเป็นญาติห่าง ๆ ที่มาอาศัยอยู่จนเห็นใจกัน หรือคนที่มาอาศัยอยู่ในบ้านท่าน แม้ในระหว่าง 28 เมษายน ถึง 1 มิถุนายน จะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น แต่ตั้งแต่ 1 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคม 2552 ท่านก็จะพบรักหรือมีการสมรสอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ แต่ท่านควรพิจารณาไตร่ตรองให้คู่ควรหน่อย ท่านจะพบรักอย่างสายฟ้าแลบ นานมาแล้วท่านเคยอกหักนิดหนึ่งแต่เวลาเป็นโอสถวิเศษรักษาท่านให้หายและลืม ความชอกช้ำระกำใจได้ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่กล้ารักใครเพราะเข็ดหลาบ แต่ปีนี้เวลาดังกล่าว ดวงดาวบีบคั้นให้มีเรื่องรักใคร่

ท่านที่ถูกย้ายไปทำงานในต่างถิ่น เพราะผู้ใหญ่ไม่ชอบหน้า แต่ปีใหม่นี้ ดาวเสาร์ย้ายวันที่ 30 กันยายน ท่านหมดเคราะห์ที่เคยมี กลับสู่สถานะเดิมและดีขึ้นอย่างผู้หมดเคราะห์


ราศีมังกร 15 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์

ในปี 2552 ชีวิตและงานที่เคยมีอุปสรรค จะเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมผันแปรไปไม่มีใครแก้ไขได้ หลายปีที่ผ่านมาศัตรูของท่านเข้ามาอยู่ใต้โต๊ะทำงาน ในลิ้นชักหรือแม้แต่เพดานห้องได้โดยความช่วยเหลือของใครก็ตามที่ไม่อยากเห็น ท่านได้ดี หรือเป็นพวกที่คิดว่า ถ้าเขาทำร้ายใครไม่ได้ก็ทำร้ายพวกพ้องของท่าน เพื่อให้เจ็บร้อนถึงกัน แต่ในเมื่อท่านเป็นคนที่มีความรู้สึกช้า หรือไม่รู้สึกสะเทือนใจเอาเสียเลย แผนของพวกนั้นก็ล้มเหลว

ใครที่ปรารถนาดีต่อท่านบังอยู่ไม่ได้นาน ด้วยถูกข่มเหงรังแก คำทำนายในข้อที่กล่าวถึงศัตรูและผู้ประสงค์ร้ายต่อท่านจะย้ายภูมิลำเนาเป็น การถาวรหลายคน ดาวมฤตยูเนปจูนและพลูโตรักษาท่านให้ปลอดภัยมาได้หลายสิบปี ศัตรูที่ยังอยู่เย็นเป็นสุขจะมีอาการผิดปกติขึ้นเอง ท่านอย่าคิดบัญชีกับเขาให้เป็นหน้าที่ของพรหมลิขิต แล้วตัวท่านก็จะปลอดภัยด้วย คนที่ไปเร่งความพินาศหายนะของผู้อื่น มักพินาศเอง

การเงินของท่านจะดีขึ้นในเวลาสั้น ๆ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนสิงหาคม 2552 จนกลางเดือนธันวาคม 2552 การเงินของท่านจะมั่นคงดี

มีความเป็นไปได้ที่ท่านอาจย้ายบ้านหรือภูมิลำเนา ทั้ง ๆ ที่ท่านอาจเพิ่งย้ายเมื่อเร็วๆ นี้ หรือแม้จะไม่ได้ย้ายเลยก็ตาม ต้นเหตุอาจมาจากแมวของท่านไปกินปลาในบ่อของเพื่อนบ้านเท่านั้นเอง

ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2552 ราหูจากราศีมังกร ชาวมังกรที่เคยเชื่ออะไรง่าย ๆ กลับกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อถือหรือนับถืออะไรง่าย ๆ อีกต่อไป คือมีและใช้วิจารณญาณของตนเองเต็มที่ ไม่เป็นเครื่องมือของใคร

ดาวเนปจูนย้ายจากราศีธนูมาราศีมังกรวันที่ 6 ธันวาคม 2538 ย้ายไปราศีกุมภ์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552 ก่อนที่ดาวเนปจูนที่เคยให้โทษเมื่อย้ายมาใหม่ๆ ตั้งแต่ปี 2538 จะให้คุณแก่ท่านก่อนที่จะจากไปคือ ท่านจะมีลาภใหญ่ก่อนสิ้นปี 2552 นี้ คำทำนายนี้อาจผิดเพราะดาวเนปจูนนั้นลึกลับ ถ้าท่านขาดจริยธรรมแม้เล็กน้อยดาวนี้ก็อาจกลับให้โทษก่อนย้ายได้อีก

ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2552 ดาวอังคารโคจรในราศีกรกฎ และจะอยู่ต่อไปจนสิ้นปียังไม่ย้าย ดังนั้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ท่านจึงมีเรื่องยุ่ง ๆพอสมควร อาจเผชิญหน้ากับศัตรูที่อาจทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านเดือดร้อนถึงที่สุด แต่ก็ทำร้ายท่านได้ไม่มากนัก


ราศีกุมภ์ 13 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม

ในปี 2552 นี้ ท่านจะพบการเปลี่ยนแปลงในชีวิตและงาน 2 แบบคือเป็นไปโดยกะทันหันแบบหนึ่ง หรือนำท่านไปสู่สิ่งแวดล้อมที่มหัศจรรย์แบบหนึ่ง หรือบางทีก็ทั้ง 2 เพราะดาวมฤตยูเป็นเรื่องของความไม่นึกไม่ฝัน แต่เป็นความจริงที่จำต้องรับโดยหลีกเลี่ยงไม่พ้น

ชาวราศีกุมภ์ตามปกติเป็นผู้ที่เอาใจยาก เดาใจก็ยาก มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ไม่เหมือนใคร และใครๆ ก็จะทำให้เหมือนก็ยาก ท่านไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใดเลย ดวงท่านแข็งแรงพอที่จะยืนหยัดตามลำพัง

ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน ถึง 15 สิงหาคม 2552 ท่านจะได้ทำงานทางวิชาการ ได้รับตำแหน่งแทนหรือรักษาการแทนผู้ที่ย้ายไป งานที่ท่านทำตามใจเพื่อน ๆ หรือคิดว่าเป็นงานอดิเรกจะให้ผลดีอย่างงานอาชีพโดยแท้จริง แต่เรื่องของงานวิชากรและความเป็นนักสังคมสงเคราะห์ของท่านจะมีอุปสรรค หลังวันที่ 15 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป บางทีเป็นเพราะงานที่ท่านทำมีการเปลี่ยนผู้บริหาร และผู้บริหารต้องการเก้าอี้ของท่านไปให้คนของเขาทำ แต่ท่านก็ยังได้รับการนับถือและเชื่อถือจากโลกของการงานอยู่ และจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นหลังวันที่ 14 ธันวาคม 2552 เป็นต้นไปจากระยะเวลายาวนาน

ดาวเสาร์ซึ่งเล็งราศีเกิดของท่านตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2550 ซึ่งเท่ากับเล็งอาทิตย์กำเนิดซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความระแวงกันในครอบครัว และคนใดคนหนึ่งระหว่างท่านกับแฟนต้องแยกกันอยู่เพราะหน้าที่การงาน แบบออกร่อนเร่ในกลางทะเลทรายหลาย ๆวัน จึงจะได้กลับบ้านเสียที มิใช่ทิ้งขว้างร้างหย่ากัน แต่การพลัดพรากจากกันบ้างของคู่สมรสเป็นการสะเดาะเคราะห์โดยอัตโนมัติ แต่เมื่อดาวเสาร์ย้ายเข้าราศีกันย์จึงเล็งดาวมฤตยูซึ่งย้ายขึ้นไปราศีมีน ก่อนตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2552 แล้ว ราศีมีนเป็นตัวแทนแห่งการเงินรายได้ประโยชน์ของท่าน ในปีใหม่นี้ท่านคงมีรายจ่ายสูง ถ้าท่านมีลูกซึ่งเรียนจบแล้วเขาก็ต้องดิ้นรนขวนขวายให้ท่านส่งไปเรียนต่อ ต่างประเทศให้ได้ ซึ่งคงเป็นไปในปีนี้ เว้นแต่เขาจะสมรสก่อน แต่ก็มีคู่สมรสบางคู่ พอแต่งเสร็จก็ขึ้นเครื่องบินไปทำงานเมืองนอกเลย

ปีนี้อังคารโคจรในราศีเกิดของท่านโดยวิถีปกติ ตั้งแต่ 7 มีนาคม ถึง 15 เมษายน 2552 คือเดินหน้าลูกเดียว จะให้โทษให้คุณก็เป็นไปตามปกติ จะผ่าตัดก็ผ่าหนเดียวจบ ดาวอังคารเป็นดาวร้ายเมื่อมีจังหวะสัมพันธ์กับราศีใดก็ทำให้คนราศีนั้น มุทะลุดุเดือด ใครร้ายมาจะร้ายตอบทันที และข้อสำคัญจะถือความคิดของตนเองเป็นใหญ่ แม้แต่การสารภาพหรือขอความรักก็มิได้มีความนุ่มนวลเสียเลย ดังนั้นในระยะเวลาเดือนเศษแค่นั้น ถ้าท่านสำรวจวาจาอารมณ์ให้ราบรื่นได้ก็จะเป็นการดี

ท่านเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต มีคู่ครองเป็นคนดี แม้จะลึกลับนิดหนึ่งก็ยังอยู่ในเงื้อมมือหรือโอวาทของท่าน ลูก ๆ แม้จะพึ่งได้หรือไม่ค่อยได้ ก็มีวิชาติดตัวพอที่ท่านจะไม่ต้องห่วงว่าจะอยู่ในโลกอันยอกย้อนและลึกลับนี้ ไม่ได้ ไม่ทันคนอื่น เป็นปีที่ดีมากของท่านด้วย


ราศีมีน 15 มีนาคม – 12 เมษายน

ในปี 2552 นี้ ท่านสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามาก ชีวิตและงานของท่านเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหลายครั้ง ดาวประจำราศีชองท่าน “พักร์” ในราศีมังกรอันเป็นราศีที่พฤหัสบดีอับแสงซึ่งกลับให้คุณแก่ดวงของท่านในกรณี เกิดวิกฤตในทางวิชาการหรือจริยธรรม ซึ่งท่านจะออกมาแก้ไขให้ทุเลาเบาบางลงได้หรือกลับสู่สภาพปกติ วันที่ 4 ธันวาคม 2551 ดาวพฤหัสบดีย้ายเข้าราศีมังกร คืออับแสงร่วมกับราหู จนวันที่ 20 เมษายน 2552 พฤหัสบดี ย้ายขึ้นราศีกุมภ์จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2552 ถอยกลับมาราศีมังกรอีกจนถึง 14 ธันวาคม 2552 จึงย้ายไปราศีกุมภ์อีก ท่านจึงออกจะมีชีวิตความเป็นอยู่และความคิดจิตใจที่โลดโผน มีเพื่อนใหม่ ๆ หรือเพื่อนเก่าแต่เขามาในมาดใหม่ชี้นำให้ท่านทำธุรกรรมที่ต้องลงทุนด้วยเงิน หรือความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงของท่าน ซึ่งถ้าเป็นกรณีเช่นนี้มักถอนทุนไม่ขึ้น แล้วพวกเพื่อนๆตัวดีเหล่านี้จะหายเข้ากลีบเมฆไปหมด แต่ดาวดวงนี้ก็ให้คุณแก่ท่านตลอดชีวิต

วันที่ 30 กันยายน 2552 ดาวเสาร์ย้ายจากราศีสิงห์ลงมาราศีกันย์ในฐานะดาวร้ายธรรมดา ๆ ดวงหนึ่ง แม้จะเล็งราศีเกิดของท่านก็ให้ร้ายแบบสามัญไม่รุนแรงเหี้ยมโหดอย่างที่ดาว เสาร์มักจะกระทำเมื่ออยู่ในราศีที่ทำให้เด่นหรือเสื่อม

ชาวราศีมีนได้ผ่านการถูกราหูทับมาแล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2548 ถึง 29 กันยายน 2549 ในช่วงเวลาปีกว่า ๆ เช่นนั้นท่านได้อะไรมาและต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง ถ้าจำได้ก็อาจช่วยให้วินิจฉัยสถานการณ์ที่จะเกิดจากราหูเข้าราศีที่เป็นภพ กรรมะ (งาน) ของท่านได้พอสมควร หรือบางทีก็ไม่ได้อะไรเลย

ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2552 ดาวศุกร์ย้ายเข้าราศีมีนเป็นมหาอุจ ดาวศุกร์นี้เป็นดาวแห่งความรักเสน่หายาใจ เป็นดาวที่นำความปลาบปลื้มดื่มดำมาสู่ผู้คน เป็นดาวแห่งความกลมเกลียวสมสนิทในไมตรีจิตภาพ ดาวศุกร์นี้จะโคจรในราศีมีนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2552 ชาวราศีนี้และราศีที่มีศุกร์เป็นดาวประจำราศีคือพฤษภและตุลจะมีความสุขอย่าง มาก แม้คนที่อาภัพที่สุดก็จะรื่นรมย์สมหวังในความปรารถนาต่าง ๆ อย่างนึกไม่ถึง ช่วยให้คนยากจนเป็นคนมั่งคั่งได้โดยสุจริต และโชคดีเรื่องความรักอย่างพระสังข์ทองได้รจนา ไม่มีใครริษยาและต่อต้านได้

ท่านชาวราศีมีนเป็นคนที่มีจิตใจละเอียดสุขุมประณีต รักษาอนามัยดีและเป็นคนสะอาดทั้งใจและกาย มีระเบียบวินัยดูแลตนเองได้ สุภาพต่อผู้อื่นแม้จะเป็นผู้อาภัพอับวาสนา แต่ราศีที่อยู่ข้างหน้าราศีมีนเป็นราศีเมษ ท่านจึงโกรธเก่งที่สุด ถ้าเป็นมิตรก็เป็นกัลยาณมิตร ถ้าเป็นศัตรูก็หฤโหดและไม่อภัยให้แก่ใครใด ๆทั้งสิ้น เหมือนคนไม่มีหัวใจ บทจะรักก็รัก ไม่รักก็เกลียดเลย เป็นเพื่อนกันก็ไม่เอา ปีใหม่นี้ท่านดวงดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา ไม่พูดให้ร้ายผู้อื่นแล้วจะดีที่สุด




ข้อมูล : Forward Mail

Jennifer Love Hewitt

Jennifer Love Hewitt

ภาพลิเดีย ลิเดีย สวย เซ็กซี่



ฺำBefore

Tuesday, December 9, 2008

ภาพมันฟ้อง กอล์ฟ กับ โดม ซดเกาเหลาแย่ง พลอย

ภาพมันฟ้อง กอล์ฟ กับ โดม ซดเกาเหลาแย่ง พลอย

พอรู้ตัวตื๊อ พลอย - เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ คนเคยรักไม่สำเร็จแน่ๆ โดม - ปกรณ์ ลัม ออกปากรำพึงรำพันอาลัยรัก น้องพลอย ไม่ขาดปาก เลยโดนหมายหัวเป็นตัวถ่วงหวงก้าง เพราะ พลอย ตัดใจจากคนรักเก่าได้สำเร็จ โดยเปิดประตูหัวใจให้ กอล์ฟ - พิชญะ นิธิไพศาลกุล นักร้องหนุ่มรุ่นน้อง คอยเยียวยารักษาแผลใจให้นั่นเอง

ภาพมันฟ้อง กอล์ฟ กับ โดม ซดเกาเหลาแย่ง พลอย
ภาพมันฟ้อง กอล์ฟ กับ โดม ซดเกาเหลาแย่ง พลอย


แล้วจู่ๆ สองหนุ่มทั้ง โดม และ กอล์ฟ แจ็กพอตแตก ถูกจับขึ้นสังเวียน เอ้ย! ขึ้นเวทีร่วมร้องเพลงในรายการ ตีสิบ บันทึกเทปปีใหม่ ที่เซ็นทรัล พระราม 2 ด้วยกัน เลยถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดย กอล์ฟ - ไมค์ ขึ้นร้องเพลงก่อน ต่อด้วยคิว ไอซ์, แก้ม เดอะสตาร์, ป๊อบ แคลอรี่ส์ บลา บลา และปิดท้ายด้วย โดม โชว์ลูกคอ

ทางฟาก กอล์ฟ มีอากัปกิริยาทำหน้าเมินไม่รู้ไม่สน จนต้องรวมร้องเพลงหมู่ โดม - กอล์ฟ อยู่คนละฝั่งโดยมี แก้ม และ ไอซ์ เป็นกำแพงคั่นกลาง พอคัตแรกปุ๊บ โดม ไม่ร่วมวงเสวนาเดินเข้าข้างเวทีทันที เทกต่อๆ มา กอล์ฟ ทำเฉยชิ่งหนีเป็นฝ่ายหันหลังเดินเข้าเวทีบ้าง ช่วงที่ กอล์ฟ หมุนตัวเข้าเลยอ้อมหลัง โดย โดม เป็นฝ่ายหันไปมองแต่ไม่มีการหยุดเจรจาตามประสาศิษย์รุ่นน้อง-รุ่นพี่ ค่ายแกรมมี่ จนมาถึงเทกสุดท้ายร้องเพลงหมู่จบปุ๊บ กอล์ฟ อยู่ใกล้ทางเข้าเวทีที่สุดเดินหมุนตัวเข้าหลังม่านทันที พอหลังจากนั้นต่างหลบฉากชิ่งหนีนักข่าวที่ตั้งกล้องรอทันที

ภาพมันฟ้อง กอล์ฟ กับ โดม ซดเกาเหลาแย่ง พลอย
ภาพมันฟ้อง กอล์ฟ กับ โดม ซดเกาเหลาแย่ง พลอย


แหม ... ของมันแน่อยู่แร้วว์ เสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันม่ายด้ายร้อก! แต่พอถาม กอล์ฟ บอกว่า ... งานตีสิบ เจอก็ทัก ก็ไหว้พี่เค้า เดี๋ยวจะโดนข่าวว่าไม่ไหว้ ก็อยู่ห้องนั่งโต๊ะเดียวกัน โดยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ได้คุยกันอยู่แล้ว ไม่รู้จักกัน พลอยเขาก็บอกว่าเรื่องพี่โดมไม่มีอะไร ...

ปอย โต้เป็นสาวเสเพล

ปอย โต้เป็นสาวเสเพล

เรื่องความสวยของ ปอย - ตรีชฎา เป็นที่ยอมรับของผู้คนทั่วไปว่า เธอสวยจนผู้หญิงบางคนยังต้องอาย ฉะนั้นทุกครั้งที่ ปอย เยื้องกายไปทางไหนจึงไมแปลกที่มักจะมีหนุ่มเข้ามารุมจีบ

ปอย - ตรีชฎา เพชรรัตน์
ปอย - ตรีชฎา เพชรรัตน์


ล่าสุดก็มีข่าวว่าความสวยของหนู ปอย - ตรีชฎา เพชรรัตน์ เข้าตาหนุ่มๆ ที่ดริ้งแอนด์แดนซ์อยู่ในผับแถวย่านทองหล่อซะจริงๆ เพราะมะรุมมะตุ้มแย่งกันจีบ ปอย กันเลยทีเดียว จึงเป็นที่เมาธ์กันว่า ทุกค่ำคืนที่ ปอย ไปเที่ยวที่ผับแห่งนั้น เธอจะเปลี่ยนหนุ่มคู่ควงไม่ซ้ำหน้า แถมมีปาปารัสซี่แอบถ่าย ปอย ควงชายหนุ่มไปเที่ยวช้อปปิ้งออกมาให้เห็นบ่อยๆ

จึงเป็นที่มาของข่าวว่า ปอย เป็นหญิงสาวที่ใช้ผู้ชายเปลืองเหมือนกระดาษทิชชู่เช็ดแล้วทิ้ง เป็นสาวสวยเลือกได้ เมื่อเจอ ปอย จึงรีบเข้าไปไถ่ถามถึงข่าวเมาธ์ก็ได้รื่องว่า ... ผู้ชายที่เห็นไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ ค่ะ เป็นเพื่อนสาวของปอยเอง ( หัวเราะ) คนเข้าใจผิดบ่อยเลย เพราะไปกับเพื่อนคนนี้ทีไร คนจะนึกว่าเดินกับชายหนุ่มหล่อ เปล่าเลย เค้าเป็นเพื่อนสาวของปอยเอง

ส่วนเรื่องไปเที่ยว จริงๆ ปอยไม่ใช่เด็กเที่ยวนะ หนนั้นหนีคุณแม่ไปเที่ยวกับเพื่อน ซึ่งก็เป็นเพื่อนสาวอีกเช่นกัน คนก็จะนึกว่าปอยไปกับผู้ชาย แล้วปอยก็ไม่ได้ไปที่นั่นบ่อยเลย ไปแค่ 2 ครั้งเอง เพราะคุณแม่ไม่ชอบให้ปอยไปเที่ยวกลางคืนค่ะ เรื่องหวานใจก็คนที่คุยๆ กันอยู่ ทุกอย่างก็โอเคดูๆ กันไปก่อน มีคนมาจีบมาคุยเค้าก็หวงๆ นะ อย่างปอยจะไปถ่ายหนังที่เกาหลี เค้าก็บอกว่าไม่อยากให้ปอยเล่น เค้าก็หวงนะ

ล่าสุดปอยไปถ่ายชุดว่ายน้ำให้กับแฟชั่นหนังสือ mars แล้วปอยไม่ได้บอกเค้า แต่ปรากฏว่าเค้ามาเห็นรูปในคอมฯ เลยงอนหายไป 2 วันไม่คุยกับปอยเลย ก็เป็นปัญหากันไป แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็โอเคแล้วค่ะ คือจริงๆ เวลาที่ปอยจะถ่ายชุดว่ายน้ำปอยจะบอกที่บ้านขออนุญาติคุณแม่ก่อนทุกครั้ง แล้วพอไปถ่ายแล้วหวานใจปอยมารู้ที่หลังเค้าก็เลยงอน ตอนนี้ดีกันแล้ว แต่เดี๋ยวหนังสือวางแผงภายในเดือนธันวาคมนี้แหละค่ะ เดี๋ยวพอเห็นก็คงงอนอีก ...





ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก





Sunday, November 23, 2008

ทายนิสัยจากการอ่านหนังสือ

ทายนิสัยจากการอ่านหนังสือ




หนอนหนังสืออ่านทางนี้ เดลินิวส์ออนไลน์มีการทายนิสัยจากการอ่านหนังสือมาฝาก...

เปิดผ่านๆ อ่านคร่าวๆ

เป็นคนที่แสดงถึงอุปนิสัยที่เป็นคนวู่วามใจร้อน เวลาจะทำงานใดๆ มักจะไม่สนใจความละเอียดถี่ถ้วนนัก แต่จะสนใจเรื่องที่เป็นหลักใหญ่ๆ มากกว่า ไม่ชอบการวางแผนอะไรล่วงหน้า จะทำทุกอย่างเมื่ออยากทำ และทำตามใจตัวเอง จึงมักมีเรื่องให้ผิดหวังอยู่เรื่อยๆ จากการเป็นคนไม่รอบคอบของตัวเอง

เปิดอ่านแต่เรื่องที่สนใจ

ลักษณะนิสัยของคนที่ประเภทนี้ คือ เป็นคนที่มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวมาก เอาแต่ใจตนเอง ไม่ค่อยนึกถึงจิตใจผู้อื่นสักเท่าไหร่ แต่มันทำไปด้วยความไม่รู้เรื่องมากกว่า แต่อีกด้านนั้นจะเป็นคนใจดี ใจกว้าง ชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่มักจะไม่มีคนกล้าเข้ามาทำความรู้จักด้วย เพราะเป็นคนไม่มีมนุษย์สัมพันธ์สักเท่าไหร่

อ่านทุกหน้าทุกเรื่อง

เป็นคนที่แสดงถึงความเป็นคนใจกว้าง สามารถยอมรับความคิดใหม่ๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นความคิดของคนเป็นเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ และยังเป็นคนที่ให้โอกาสคนอื่นสูง มีความสนใจใฝ่รู้เป็นอย่างยิ่ง เมื่อสนใจเรื่องใด ก็จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรู้จักกับเรื่องนั้นอย่างจริงๆ จังๆ เป็นคนมีความคิดกว้างไกล มักได้รับการยอมรับจากผู้คนรอบข้าง

ชอบออกเสียงเวลาอ่านหนังสือ

ลักษณะนิสัยของคนประเภทนี้ คือ เป็นคนที่จริงใจ ซื่อสัตย์ต่อทุกคน ไม่ใช่คนที่จะมีพิษกับใคร นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่มีใจคอเปิดเผยและยังเป็นคนที่สามารถไว้ใจได้อีกด้วย รักสงบ ชอบชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ ไม่ใช่คนที่มีภูมิรู้อะไรมากนัก แต่ก็มีความน่านับถืออยู่ในตัวเอง โปรดปรานการได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และใฝ่ฝันถึงโลกในอุดมคติ

ชอบขีดเส้นข้อความในหนังสือ

บ่งบอกถึงอุปนิสัยว่า เป็นคนช่างจดจำ และยังค่อนข้างยึดมั่นถือมั่นอีกด้วย สิ่งไหนเป็นของตน ก็มักจะไม่ยอกให้ใครมาครอบครองง่ายๆ นอกจากนี้ ยังเป็นคนทำงานได้ดีและเก่ง เพราะเวลาทำอะไรก็มักจะทำจริงจังเสมอไม่ชอบเสียเวลากับเรื่องไร้สาระใดๆ เลย

พับขอบหนังสือ

เป็นคนที่แสดงถึงนิสัยที่เป็นคนไม่ค่อยเรียบร้อยนัก แต่จะเป็นคนที่เวลาทำอะไรแล้วจะหมกหม่น จริงจัง จนกระทั่งทำสำเร็จ เพียงแต่จะไม่ใส่ใจในคนรอบข้างนัก คล้ายกับความเห็นแก่ตัว แต่เพราะว่าเป็นคนพูดไม่เก่งมากกว่า เพราะถ้ามีคนมาขอความช่วยเหลือ ก็จะเอื้อเฟื้อดูแลเป็นอย่างดี





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

'อูบันทู' กำลังจะโลดแล่นบนเน็ตบุ๊ค!

'อูบันทู' กำลังจะโลดแล่นบนเน็ตบุ๊ค!
เว็บไซต์ ข่าวบีบีซีรายงานว่าผู้ออกแบบชิพบนมือถือ "อาร์ม Arm" ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เปิด "อูบันทู" เป็นที่เรียบร้อย

ความร่วมมือดังกล่าวจะยังผลให้เกิดการพัฒนา ต่อยอดระบบปฏิบัติการ (โอเอส) อูบันทูเวอร์ชั่นที่สามารถใช้งานได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก หรือที่รู้จักกันดีในนาม "เน็ตบุ๊ค" ที่กำลังทำยอดขายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอยู่ขณะนี้ โดยคาดการณ์ว่าโอเอสตัวใหม่จะเผยโฉมให้เห็นในเดือนเม.ย.ปีหน้า (2552)

นาย ร็อบ คูมบ์ส ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดมือถือของอาร์ม คาดว่า อาจจะได้เห็นเน็ตบุ๊ครุ่นแรกที่รันด้วยโอเอสของอูบันทูในงาน "คอมพิวเทค" เดือนมิ.ย.ปีหน้า โดยจะพัฒนาบนพื้นฐานของสถาปัตยกรรม "อาร์ม7" โดยเฉพาะโปรเซสเซอร์เวอร์ชั่น "คอร์เทค เอ8" และ "เอ9

"สิ่งสำคัญคือ จะต้องทำให้เทคโนโลยีของอาร์มสามารถทำงานได้บนหน้าจอขนาดใหญ่กว่ามือถือ"

นาย คูมบ์ส ระบุว่า เน็ตบุ๊คที่รันด้วยโอเอสอูบันทูคาดว่าจะสามารถประมวลผลบนหน้าจอขนาดสูงสุด 10 นิ้ว ซึ่งจะสามารถแสดงภาพเคลื่อนไหว เว็บ เบราเซอร์ และโปรแกรมโอเพ่น ออฟฟิศได้คุณภาพดี ทั้งยังสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้นานในระดับหนึ่ง

สำหรับ บริษัท "อาร์ม" นับเป็นผู้ออกแบบชิพที่บริษัทใหญ่ๆรายหลาย เช่น ทีไอ, ควอลคอมม์ และผู้ผลิตชิพรายอื่นๆนำไปผลิตเป็นโปรเซสเซอร์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 70-80% ของตลาดมือถือทั่วโลก

นอกจากนี้ชิ พที่ออกแบบโดยอาร์ม ยังมีบทบาทในการผลักดันตลาดสมาร์ทโฟนของหลายๆค่าย เช่น "จี1" สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้โอเอสแอนดรอยด์ของกูเกิล

อย่างไรก็ ตามความร่วมมือระหว่างอาร์ม และอูบันทูในครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ค.2550 ซึ่งทั้งคู่ประกาศร่วมกันว่าจะพัฒนาโอเอสอูบันทูให้สามารถใช้งานได้กับโน้ต บุ๊คราคาต่ำโดยเฉพาะ


ข้อมูลโดย...

Friday, November 21, 2008

ยกย่อง ยอดรัก สลักใจ ปริยศิลปินที่รักของประชาชน

ยกย่อง ยอดรัก สลักใจ ปริยศิลปินที่รักของประชาชน

ยอดรัก สลักใจ

สวช.เตรียมนำโล่และใบประกาศเชิดชู เกียรติไปมอบให้แก่ทายาท เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล วันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 15.30 น. วันพระราชทานเพลิงศพ วัดหาดแตงโม อ.ตะพานหิน

นาย วีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) วันนี้ (20 พฤศจิกายน) ว่า ตามที่นางจารุลินทร์ มุสิกะพงษ์ อดีตข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ มีหนังสือเสนอแนะกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ขอให้ดำเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินในอดีตที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว แต่มีผลงานปรากฏเด่นชัด เช่น พระเจนดุริยางค์ หลวงวิจิตรวาทการ พรานบูรพ์ เป็นต้น โดยยกย่องให้เป็นอัจฉริยศิลปิน ไม่ต้องมีค่าตอบแทนเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้ยกย่องศิลปินที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว แต่มีผลงานเด่นชัดให้ เป็น "บุรพศิลปิน" แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

1. ศิลปินที่เป็นปรมาจารย์ของประเทศ ยกย่องให้เป็น "ปรมศิลปิน"

2. ศิลปินที่เป็นที่รักยิ่งของประชาชน ยกย่องให้เป็น "ปริยศิลปิน"

ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า สวช.ได้พิจารณายกย่องให้ ส.ต.ต.นิพนธ์ ไพรวัลย์ หรือ "ยอดรัก สลักใจ" ที่ ถึงแก่กรรมไปแล้ว และเป็นศิลปินที่รักยิ่งของประชาชน ยกย่องให้เป็น "ปริยศิลปิน" ด้วย โดยได้มีการนำเสนอให้ประชุม กวช. รับทราบแล้ว เนื่องจากเห็นว่า "ยอดรัก สลักใจ" เป็นศิลปินที่มีผลงานขับร้องเพลงไว้มากมาย รวมทั้งมีผลงานการแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง ตั้งแต่ปี 2512 จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเอกลูกทุ่งตลอดกาล และได้รับรางวัลอีกมากมาย อาทิ รางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำ เพลงกำนันกำใน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะเป็นผู้ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องและสร้างสรรค์ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชน ได้รับรางวัลพระราชทานเพลงดีเด่น เนื่องในการจัดงานกึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทย เพลงจักรยานคนจน และรางวัลเสาอากาศทองคำ เพลงทหารเรือมาแล้วจ้า จากสมเด็จพระเทพรัตนสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบและยอมรับในผลงานอย่างกว้างขวาง

" ยอดรัก สลักใจ ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่า เป็นศิลปินลูกทุ่งที่มีคุณค่า เป็นต้นแบบของวงการลูกทุ่งไทย เป็นขวัญใจของประชาชน โดย สวช.จะนำโล่และใบประกาศเชิดชูเกียรติไปมอบให้แก่ทายาท เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ เวลา 15.30 น. วันพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดหาดแตงโม อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตรต่อไป และจากที่เสียชีวิตไปแล้วยังเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลนี้" ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว

ด้าน นายปรีชา กันธิยะ เลขาธิการ กวช. กล่าวว่า เมื่อครั้งที่ ยอดรัก สลักใจ มีชีวิตอยู่ ได้ทำคุณประโยชน์อย่างมากมาย ความอัจฉริยะของเขาเป็นที่ยอมรับของประชาชน แม้ก่อนเสียชีวิตมีประชาชนเฝ้าติดตามและให้กำลังใจจนวาระสุดท้ายของชีวิต นี่คือศิลปินที่ประชาชนยอมรับ และเป็นที่รักของทุกคน สวช.ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลเรื่องศิลปิน เห็นควรอย่างยิ่งที่จะประกาศเกียรติคุณ ยอดรัก สลักใจ ให้เป็นปริยศิลปิน

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เผยปี 2025 โลกไม่ต้องพึ่งน้ำมัน ดอลลาร์สำคัญน้อยลง

เผยปี 2025 โลกไม่ต้องพึ่งน้ำมัน ดอลลาร์สำคัญน้อยลง



ดอลลาร์



รายงานข่าวกรองฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งมีชื่อว่า "โกลบอล เทรนส์ 2025" ( Global Trends 2025) ซึ่งจัดพิมพ์ทุกๆ 4 ปีโดยสภาข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ เพื่อให้ผู้นำประเทศมองเห็นปัญหาและโอกาสต่างๆในช่วงประมาณ 2 ทศวรรษข้างหน้า ระบุว่า ในช่วงดังกล่าว โลกอาจยุติการพึ่งพิงต่อน้ำมันโดยสมบูรณ์แล้ว และแม้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังมีความสำคัญอยู่ แต่ก็จะลดความสำคัญลงจากอันดับหนึ่ง ขณะที่กลุ่มก่อการร้ายและรัฐอันธพาลต่างๆ จะเข้าถึงอาวุธนิวเคลียร์ได้มากขึ้น ทำให้โลกตึงเครียดและไม่มั่นคงเพราะเต็มไปด้วยสงคราม เนื่องจากมีแนวโน้มจะมีความขัดแย้งเพิ่มขึ้นบนโลกจากการแย่งชิงแหล่ง ทรัพยากรหายาก รวมทั้งอาหารและน้ำ

รายงานระบุว่า มีน้อยชาติที่จะสร้างอิทธิพลต่อโลกได้มากกว่าจีน ซึ่งจะก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในผู้นำทางทหาร กับจะเป็นผู้นำเข้าทรัพยากรธรรมชาติรายใหญ่สุดของโลก และอาจเป็นผู้สร้างมลภาวะมากยิ่งขึ้นด้วย รายงานคาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจะช้าลงหรือถึงกับลดลง รวมทั้งอาจมีการปฏิรูปเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับแรงกดดันทางสังคมที่ทวีเพิ่ม ขึ้น และว่าสถานภาพของจีนบนเวทีโลกส่วนใหญ่อยู่บนรากฐานที่โลกปฏิบัติต่อจีนใน ฐานะ"ประเทศแห่งอนาคต" (the country 0f the future)

ทางด้านอินเดียนั้น ผู้นำอินเดียจะพยายามให้ประเทศตนเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสหรัฐ กับจีนที่กำลังก้าวขึ้นมา ซึ่งรายงานคาดว่าอินเดียจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของชนชั้นกลาง , ประชากรวัยหนุ่มสาว ลดการพึ่งพาการเกษตร รวมทั้งเงินออมระดับสูงในท้องถิ่น และอัตราการลงทุน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รายงาน ระบุด้วยว่า ภายในปี 2025 ปัญหาโลกร้อนจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจรัสเซีย ทำให้ฤดูเพาะปลูกยาวนานขึ้น และช่วยให้รัสเซียเข้าถึงบ่อน้ำมันทางภาคเหนือของประเทศ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจรัสเซียแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ศักยภาพที่รัสเซียจะก้าวขึ้นเป็นชาติมหาอำนาจของโลกอาจถูกบั่นทอนจากการ ขาดการลงทุนในภาคพลังงาน ปัญหาอาชญากรรม และการคอรัปชั่นของระบบราชการ

ที่มา:http://hilight.kapook.com/view/31150

ไขปม ทำไมเมเนเจอร์ มีเดียล้มละลาย

ไขปม ทำไม "แมเนเจอร์ มีเดีย" ล้มละลาย ไม่เกี่ยวต้าน "แม้ว" อะไรจะเกิดขึ้นกับหนี้ก้อนโต 4,726 ล้านบาท


การ มีหนี้สินล้นพ้นตัวของ บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จึงไม่เกี่ยวกับการต่อสู้หรือต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตรงกันข้ามนายสนธิกลับนำบริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย ไปสนิทสนมใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันถึงขั้นออกมาเขียนปกป้องพ.ต.ท.ทักษิณหลายครั้ง หลายหน

หลังจากศาลล้มละลายกลาพิจารณาเห็นสมควร ให้บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)เจ้าของหนังสือพิมพ์ผุ้จัดการรายวัน ผู้จัดการรายสัปดาห์ และนิตยสารผู้จัดการรายเดือน ล้มละลาย จึงมีคำสั่งเมื่อบ่ายวันที่ 18 พฤศจิกายน 2551 ให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บริษัทดังกล่าวดังกล่าว

ผลที่ตามมาทันที นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการตัวจริง ไม่สามารถออกหนังสือพิมพ์ในชื่อ "ผู้จัดการ" รายวันได้ต่อไป เพราะ หัวหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการ" เป็นทรัพย์สินของบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ปที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปแล้ว

ดังนั้นในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2551 นายสนธิ จึงสั่งให้กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันออกหนังสือพิมพ์ในชื่อ "ผู้จัดการ 2551" เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาว่า นำทรัพย์สิน(ชื่อหนังสือพิมพ์)ของผู้อื่นมาใช้

อย่างไรก็ตาม การใช้ชื่อหนังสือพิมพ์ว่า "ผู้จัดการ 2551" อาจเป็นการลอกเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นได้

ประกอบกับกระบวนการจดแจ้งก่อตั้งหนังสือพิมพ์รายวันฉบับใหม่ ตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ 2550 ยังไม่เสร็จสิ้น ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ทีมงานผู้จัดการจึงออกหนังสือพิมพ์ในชื่อ "สารจาก ASTV โดยทีมงานผู้จัดการ"

ขณะที่พนักงานของบริษัทว่า 500 ชีวิตนั้น ได้รับการชี้แจงจากฝ่ายบริหาร บริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จะต้องเลิกจ้าง(เนื่องจากถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเพื่อเข้าสู่กระบวนการล้ม ละลาย) แต่จะให้ไปสมัครงานใหม่กับบริษัท เอเอสทีวี จำกัดของนายสนิธฺ โดยพนักงานจะทำงานในตำแหน่งเดิมและเงินเดิมเท่าเดิมทุกอย่าง

อย่างไรก็ตามสำหรับคนทั่วไปที่มิได้อยู่ในวงการธุรกิจแล้ว อาจสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไม บริษัทบริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จึงล้มละลาย

แต่ สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวสารทางด้านธุรกิจและผู้คนในแวดวงสื่อสารมวลชนรู้ดี กว่า บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป ประสบปัญหาทางด้านธุรกิจมาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 และมีหนี้สินหลายพันล้านบาทหรือที่เรียกกันว่า "หนี้สินล้นพ้นตัว" จนต้องการสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตั้งแต่ปี 2541

การมีหนี้สินล้นพ้นตัวของ บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จึงไม่เกี่ยวกับการต่อสู้หรือต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ตรงกันข้าม ในยุคพ.ต.ท.ทักษิณเรืองอำนาจตั้งแต่ต้นปี 2544 นายสนธิ ลิ้มทองกุล กลับนำบริษัทในเครือ บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ปไปสนิทสนมใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันถึงขั้นออกมาเขียนปกป้องพ.ต.ท.ทักษิณหลายครั้ง หลายหน โดยเฉพาะในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเผชิญกับคดีซุกหุ้นภาคแรกจนศาลรัฐธรรมนูญให้ พ.ต.ท.ทักษิณรอดคดีหวุดหวิดด้วยเสียง 8 ต่อ 7

ในช่วงดังกล่าวบริษัทในเครือแมเนเจอร์ฯเฟืองฟูอย่างมาก มีเม็ดเงินโฆษณาจากหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นจำนวนมาก

เมื่อ มี "หนี้สินล้นพ้นตัว" การที่จะทำให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้ก็คือการนำบริษัทเข้าสู้กระบวนการฟื้นฟู กิจการซึ่งมีเป้าหมายหลัก 2 ประการ คือ

1. ฟื้นฟูกิจการของบริษัทให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติที่เรียกกันว่า การออกจากแผนฟื้นฟูกิจการหรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ

2. สามารถหาเงินมาชำระคืนให้แก่เจ้าหนี้ที่ยื่นขอชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการดังกล่าว

อย่างไรก็ตามในกรณีของบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป เมื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการแล้ว แม้จะมีการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการหลายครั้ง แต่ไม่สามารถทำสำเร็จได้ตามแผนทั้งๆที่เวลาผ่านมาเกือบ 10 ปี ยังคงอยู่ในขั้นตอนที่ 1 ของกระบวนการฟื้นฟูกิจการเท่านั้น เมื่อศาลพิจารณาจากรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และพยานหลักฐานต่างๆ จึงเห็นควรให้บริษัทล้มละลาย จึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดดังกล่าว

การมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็เพื่อมิให้ทรัพย์สินของบริษัทบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ปที่เหลืออยู่เสื่อมค่าลงไปอีก ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการชำระบัญชีโดยกฎหมายล้มละลายและนำทรัพย์สินที่ เหลืออยู่ดังกล่าวออกขายทอดตลาดเพื่อนำมาเฉลี่ยคืนให้แก่เจ้าหนี้ที่ยื่นขอ ชำระหนี้ไว้แล้วตั้งแต่การยื่นขอฟื้นฟูกิจการและเจ้าหนี้ที่เกิดขึ้นระหว่าง การฟื้นฟูกิจการซึ่งเจ้าหนี้เหล่านั้นต้องมายื่นขอชำระหนี้ใหม่ในคดีล้ม ละลายภายในเวลา 2 เดือนนับแต่วันประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดสำหรับเจ้าหนี้ภายใน ประเทศไทย และ 4 เดือนสำหรับลูกหนี้นอกประเทศไทย

ในปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป มีหนี้สินอยู่เท่าไหร่ แต่จากข้อมูลการยื่นขอชำระหนี้ไว้ตั้งแต่การยื่นขอฟื้นฟูกิจการแล้ว ปรากฏว่า มีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ 359 ราย เป็นจำนวนหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ 4,726,097,449.67 บาท

แต่เมื่อนำทรัพย์สินที่เหลืออยู่ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์ ฯลฯมาขายทอดตลาดแล้ว จะเหลือทรัพย์สินเฉลี่ยคืนให้แก่เจ้าหนี้ตามสัดส่วนคนละกี่บาท

สำหรับพนักงานบริษัทนั้นมีโอกาสที่จะได้รับการชำระหนี้ในอันดับต้นๆพร้อมกับ ค่าภาษีที่ต้องชำระภายใน 6 เดือน หลังจากชำระค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ค่าธรรมเนียมของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์และค่าทนาย ทั้งนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 257 บัญญัติว่า

" บุริมสิทธิในเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทำให้แก่ลูกหนี้ ซึ่งเป็นนายจ้างนั้น ให้ใช้สำหรับค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ และเงินอื่นใดที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ทำให้ นับถอยหลังขึ้นไปสี่เดือน แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินหนึ่งแสนบาทต่อลูกจ้างคนหนึ่ง"

เพื่อ ให้เห็นภาพว่า บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป มาถึงจุดจบ จึงขอนำขั้นตอนกระบวนการฟื้นฟูกิจการมานำเสนอดังนี้ ผู้ร้องขอต่อศาลให้เข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการประกอบด้วย

ธนาคาร ทหารไทย จำกัด(มหาชน) ที่ 1

ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 2

บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ลูกหนี้ ที่ 3

ผู้บริหารแผน น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์

ทุนทรัพย์ 2,737,587,388.35 บาท

วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอ 9 ตุลาคม 2541

ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ 6 พฤศจิกายน 2541

มีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ 359 ราย เป็นจำนวนหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ 4,726,097,449.67 บาท

ที่ประชุมมีมติพิเศษยอมรับแผน และมีมติตั้งคณะกรรมการเจ้าหนี้รวม 7 รายคือ

1. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รายที่ 125

2. นายสุวิทย์ จินดาสงวน รายที่ 200

3. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) รายที่ 216

4. บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ) รายที่ 262

5. บริษัทโรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด รายที่ 61

6. ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) รายที่ 44

7. บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอสจีสินเอเชีย จำกัด รายที่ 208

วัน ที่ 3 สิงหาคม 2542 ศาลแพ่งมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้ม ละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 90/58 วรรค 1 โดยมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้บริหารแผน

ศาลมีคำสั่งเมื่อ วันที่ 29 พฤษภาคม 2543 ตั้ง น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ เป็นผู้บริหารแผนคนใหม่

กำหนดนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาข้อเสนอขอแก้ไขแผนของผู้บริหารแผน วันที่ 29 ธันวาคม 2546 เวลา 9.30 น. ห้องประชุม 1105 ชั้น 11 อาคารกรุงเทพประกันภัย

กำหนดนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาข้อเสนอขอแก้ไขแผนของผู้บริหารแผน วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2547 เวลา 9.30 น. ห้องประชุม 1105 ชั้น 11 อาคารกรุงเทพประกันภัย

ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนของผู้บริหารแผน วันที่ 23 พฤษภาคม 2547

นัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาข้อเสนอขอแก้ไขแผน วันที่ 13 มีนาคม 2550 เวลา 09.30 น. ห้องประชุม 1105

คำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนของผู้บริหารแผน วันที่ 28 มิถุนายน 2550

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารแผนซึ่งก็คือมือขวาของนายสนธิไม่สามารถบริหารแผนให้เป็นไปตามเป้า หมายได้ จึงยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลาซึ่งศาลนัดพิจารณาไปเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2551 แต่มีการเลื่อนพิจารณามาวันที่ 18 พฤศจิกายน จนศาลมีคำสั่งให้ บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ปล้มละลายในที่สุด



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Thursday, November 20, 2008

ใช้งานและดูแลรักษาแบตฯ Lithium อย่างถูกต้อง (แบตฯ Notebook,กล้องดิจิตอล,มือถือ ฯลฯ)

ใช้งานและดูแลรักษาแบตฯ Lithium อย่างถูกต้อง (แบตฯ Notebook,กล้องดิจิตอล,มือถือ ฯลฯ)
ุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์สำหรับพกพา เช่น Notebook, กล้องดิจิตอล และมือถือ ในปัจจุบันจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ lithium แทบทั้งสิ้น ซึ่งแบตเตอรี่แบบ lithium นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา และไม่ต้องดูแลรักษามากนัก ซึ่งจะต่างจากแบตเตอรี่แบบชาร์ตไฟใหม่ได้ในสมัยก่อนๆอย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านวิธีใช้งาน และการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง



แบตเตอรี่แบบ lithium ที่พบเห็นบ่อยๆ ในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 แบบ คือ

1. lithium-ion หรือตัวย่อว่า Li-ion เป็นแบตเตอรี่ที่พบเห็นมากที่สุด ถือว่าเป็นแบตเตอรี่มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในทุกวันนี้

2. lithium-ion polymer หรือตัวย่อว่า Li-Poly เป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Li-ion โดยจะมีความจุไฟฟ้ามากว่า Li-ion ถึง 20% ในขนาดแบตเตอรี่ที่เท่ากัน แบตเตอรี่แบบนี้มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือมีข้อจำกัดเรื่องรูปร่างของเบตเตอรี่น้อยมาก จึงทำให้สามารถสร้างแบตเตอรี่แบบ Li-Poly ให้มีขนาดเล็กและบางได้ รวมทั้งสามารถสร้างให้มีรูปทรงแปลกๆ ที่ไม่ใช่ทรงกระบอกหรือทรงสี่เหลื่ยมเหมือนแบตเตอรี่แบบเดิมๆได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามต้นทุนการผลิตของ Li-Poly ยังจัดว่ามีต้นทุนสูง ดังนั้นความนิยมจึงยังมีไม่มากเท่าแบตเตอรี่แบบ Li-ion

ทีนี้ลองพลิกดูแบตเตอรี่ของคุณๆ ดูว่าใช่แบตเตอรี่แบบ lithium กันรึเปล่า ถ้าใช่แล้ว เรามาไขข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแบตเตอรี่ lithium กันเลยดีกว่าครับ

1. ตารางเจ้าปัญหา ความจริงที่ถูกบิดเบือน



หลายๆคนอาจจะเคยเห็นตารางอย่างในรูปข้างบนมาแล้วใช่ไหมครับ ต้นฉบับที่แท้จริงของตารางข้างบนมาจากเว็บ http://www.batteryuniversity.com/parttwo-34.htm ครับ ซึ่งในเว็บ และบนหัวตารางก็ระบุไว้อย่างชัดเจนมันคือตาราง charge/discharge rateซึ่งคำว่า charge rate ไม่ได้หมายความว่าใช้แบตไปหมดไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้วค่อยชาร์ตไฟกลับคืนเป็น 100% แต่ charge rate หมายถึงอัตราของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ชาร์ตแบตเตอรี่ในช่วงเวลา เช่น

ถ้าเรามีแบตเตอรี่ขนาด 10 Ah(ampere-hour) แต่เราชาร์ตไฟด้วยแท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 2 แอมแปร์(ampare) ก็จะต้องใช้เวลาชาร์ตไฟเข้าไปในแบตเตอรี่ที่ว่างเปล่าจนไฟเต็มด้วยเวลา 5 ชั่วโมง อัตราการชาร์ตระดับนี้เราเรียกว่าอัตรา C/5 หรือ 0.2C ส่วนอัตรา 1C ก็คือ ถ้าชาร์ตแบตเตอรี่ขนาด 10Ah ก็ต้องใช้แท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 10 แอมแปร์ก็จะชาร์ดไฟได้เสร็จใน 1 ชั่วโมง เช่นเดียวกับอัตรา 2C ก็คือ ชาร์ตแบตเตอรี่ขนาด 10Ah ด้วยแท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 20 แอมแปร์ก็จะชาร์ตไฟได้เสร็จใน 30 นาที

และคำว่า discharge rate ก็จะคล้ายๆกับ charge rate ครับแต่เป็นในทางกลับกันคือเป็นอัตราการใช้ไฟ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตารางข้างต้นแสดงถึงว่าถ้าเราชาร์ตไฟด้วยกระแสไฟสูงในเวลาสั้นหรือใช้ไฟจากแบตในปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้น จะทำให้แบตเตอรี่แบบ lithium เสื่อมเร็วขึ้น (จำนวน cycle ลดลง)

ส่วนกรณีที่ยกมาอ้างว่า การชาร์ตไฟบ่อยๆหรือการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เพียงเล็กน้อยแล้วรีบชาร์ตกลับให้เต็ม 100% เป็นการช่วยเพิ่มจำนวน cycle นั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย

เพราะการเพิ่มลดของจำนวน cycle ไม่เกี่ยวกับรูปแบบการใช้งานว่าใช้มากใช้น้อยแล้วค่อยชาร์ตไฟ แต่จำนวน cycle เกี่ยวข้องโดยตรงกับรูปเครื่องชาร์ตว่าชาร์ตเร็วหรือช้า ถ้ายิ่งชาร์ตเร็วแบตฯก็จะเสี่ยมเร็ว ถ้าเครื่องชาร์ตค่อยๆชาร์ตแบตก็จะเสื่อมช้า

2. นับจำนวน Cycle อย่างไร
จำนวน Cycle คือตัวเลขที่บ่งบอกอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ว่าแบตฯจะเริ่มเสื่อมเมื่อผ่านการชาร์ตไปนานแค่ไหน ถ้าแปลตรงๆตัวคำว่า cycle ก็คือรอบ คำว่ารอบไม่ได้เท่ากับคำว่าครั้ง ดังนั้นการชาร์ต 1 ครั้งจึงไม่เท่ากับ 1 cycle ซะทีเดียว

จำนวน 1 Cycle จะวัดจากปริมาณการชาร์ตไฟที่รวมๆแล้ว เท่ากับปริมาณการชาร์ตไฟจากแบตเตอรี่ที่ไม่มีไฟ(0%) จนแบตเตอรี่มีไฟเต็ม(100%) 1 ครั้ง

เช่น ถ้าเราชาร์ตครั้งแรกจากแบตเตอรี่ 50%=>100% การชาร์ตครั้งนี้ก็จะนับเท่ากับ 0.5 cycle

3. ชาร์ตอย่างไรถึงจะดี
หลายคนคงเคยได้ยินว่าต้องชาร์ตแบตเตอรี่ครั้งแรกเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมงแล้วจึงจะเริ่มใช้งานได้ หรือว่าต้องหมั่นชาร์ตบ่อยๆ หรือไม่ก็ใช้ให้ไฟหมดก่อนแล้วค่อยชาร์ต ซึ่งข้อความทั้งหมดนี้ก็มีข้อจริงและเท็จปนๆกัน อันที่จริงแล้วสำหรับแบตเตอรี่แบบ lithium (ย้ำว่าแบบ lithium เท่านั้น) จะชาร์ตอย่างไรก็ได้ไม่มีผลต่ออายุการใช้งานครับ

ข้อมูลตรงนี้เป็นที่ยืนยันจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ(ทั้งที่อ้างอิงไว้ข้างล่าง และที่อื่นๆ) มีใจความตรงกันว่า การชาร์ตมาชาร์ตน้อย ชาร์ตนาน ชาร์ตถี่ ชาร์ตบ่อย มีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่น้อยมาก ส่วนข้อความข้างต้นที่ยกมานั้นเป็นคำแนะนำสำหรับแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆที่ไม่ใช่ lithium ครับ

การที่แบตเตอรี่แบบ lithium จะเสื่อมจากการใช้งานนั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 เงื่อนไข คือ
1. เมื่อใช้งานจนถึงจำนวน Cycle ที่แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมเองตามปกติ
2. เมื่อถึงเวลาที่แบตเตอรี่จะเสื่อมมันก็จะเรี่มเสื่อมเอง โดยเวลาที่ว่าเป็นเวลาที่นับตั้งแต่การผลิต ไม่ใช่เวลาในการใช้งาน
3. การชาร์ตไฟของตัวชาร์ต (ดังที่กล่าวไปแล้วในข้อ 1)
4. อุณหภูมิของแบตเตอรี่ ถ้าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงก็จะส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติได้

4. ได้ยินว่าชาร์ตไฟ 40% แบตจะอยู่ได้นานกว่าจรึงรึเปล่า
สำหรับแบตเตอรี่แบบ lithium ถ้าชาร์ตไฟที่ 40% แล้วเก็บเอาไว้โดยไม่ใช้งานเป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป ตัวแบตจะเสื่อมน้อยกว่าการชาร์ตไฟที่ 100% แล้วเก็บไว้นาน 1 ปีขึ้นไป แต่สำหรับแบตเตอรี่ที่ไม่ได้เก็บไว้นานเกิน 1 ปี หรือแบตเตอรี่ที่ใช้งานตามปกติ(ไม่ได้เก็บเข้ากรุ) อัตราการเสื่อมของแบตเตอรี่ไม่ว่าจะมีไฟที่ 40% หรือ 100% นั้นแทบจะไม่ต่างกัน

สรุปว่าข้อความข้างต้นเป็นจริงเฉพาะแบตเตอรี่ lithium ที่เก็บไว้นานๆโดยไม่ใช้งานครับ

5. แล้วเวลาใช้งาน Notebook เมื่อเสียบปลั๊กแล้วควรจะถอดแบตหรือไม่
คำตอบนี้ตอบได้ทั้งควร และไม่ควรครับ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจะเลือกแบบไหน

1. เสียบปลั๊กแล้วแต่ไม่ถอดแบตฯ
ข้อดี
- หากระบบไฟฟ้ามีปัญหา ก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงาน และงานที่ทำในเครื่อง Notebook เปรียบเหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ USP อยู่
- ขัวแบตเตอรี่จะไม่เกิดปัญหา ฝุ่นผงหรือความชื้นไปเกาะ
- มีความสะดวก สบายในการใช้งาน ไม่ต้องถอดๆใส่ๆ
ข้อเสีย
- แบตเตอรี่จะได้รับความร้อนจากตัวเครื่อง ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติเล็กน้อย

2. เสียบปลั๊กแล้วถอดแบตฯ
ข้อดี
- แบตเตอรี่จะปลอดภัยต่อความร้อนที่มาจากตัวเครื่อง notebook
ข้อเสีย
- ขั้วแบตเตอรี่อาจเกิดฝุ่นผงหรือมีความขึ้นไปเกาะทำให้เกิดคราบออกไซด์ อาจส่งผลให้เกิดอาการเสียบแบตเตอรี่แล้วไฟไม่เข้าเครื่องได้
- หากระบบไฟมีปัญหา เครื่อง notebook จะดับ ทำให้งานในเครื่องเสียหาย และอาจทำให้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในเครื่องเสียหายได้

โดยส่วนตัวผมจะแนะนำให้เสียบแบตฯทิ้งเอาไว้ครับ เพราะข้อดีมีเยอะกว่าข้อเสีย และที่สำคัญคือ ถึงแม้การเสียบแบตฯไว้อาจจะทำให้แบตฯเสื่อมจากความร้อนได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Notebook ทุกวันนี้ออกแบบมาให้ตรงส่วนที่เป็นแบตเตอรี่เป็นฉนวนความร้อนครับ ดังนั้นความร้อนก็จะส่งไปถึงแบตเตอรี่ได้ไม่มากนัก เรียกง่ายๆว่าถ้าเครื่องมันร้อนมาก คนใช้ Notebook จะร้อนมือก่อนที่แบตจะร้อนเสียอีกด้วยซ้ำครับ

สรุปสุดท้ายด้วยคำแนะนำสั้นๆ สำหรับแบตเตอรี่ lithium ดังนี้ครับ
1. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้แบตเตอรี่จดหมดแล้วค่อยชาร์ดครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด discharge rate ในอัตราที่สูง (ใช้ไฟเยอะในเวลาอันสั้น) ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เช่น กรณีที่ต้องการใช้งานเครื่องหนักๆ(กินแบตฯเยอะๆ) ก็ควรใช้แค่ช่วงเวลาไม่นาน และไม่ควรใช้จนแบตหมดครับ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆให้หาโอกาสชาร์ตไฟเป็นระยะๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิด discharge rate ในอัตราที่สูงได้

และที่สำคัญที่สุดคือการชาร์ตบ่อยๆ จะช่วยป้องกันการลืมชาร์ตไฟ ซึ่งถ้าหากปล่อยให้แบต lithium ไฟหมดเป็นเวลานานแบบจะเสีย ไม่สามารถชาร์ตไฟได้อีก

2. ระลึกไว้เสมอว่าแบตฯแบบ lithium ความร้อนมีผลต่อการเสื่อมมากกว่ารูปแบบการชาร์ตไฟครับ ดังนั้นพยายามดูแลอย่าให้แบตฯร้อน จะได้ผลดีกว่ามัวกังวลเรื่องชาร์ดบ่อย ชาร์ตมาก ชาร์ตน้อย

3. เก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่เย็นๆ ถ้าจำเป็นจะต้องเก็บ Notebook ไว้ในรถที่จอดตากแดด ก็ควรถอดแบตเตอรี่แยกติดตัวออกมาครับ จะช่วยให้แบตฯเสื่อมช้าลง

4. ถ้าจำเป็นจะต้องเป็บแบตไว้เป็นเวลานาน โดยไม่ได้ใช้งาน ให้ชาร์ตไฟไว้ที่ประมาณ 40% ของความจุ แล้วเก็บไว้ในที่เย็นๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้

5. ไม่ควรซื้อแบตเตอร์แบบ lithium มาเก็บไว้เผื่อใช้งานครับ เพราะแบตแบบ lithium มีอายุการเสื่อมสภาพนับจากวันผลิต(ไม่ใช่วันที่ใช้นะครับ) ดังนั้นถ้าเก็บไว้นานโดยไม่ใช่มันก็จะเสื่อมไปเองได้ครับ และเช่นเดียวกันกับการเลือกซื้อแบตแบบ lithium ไม่ควรซื้อแบตฯแบบเก่าเก็บครับ เพราะซื้อมาแล้วใช้ได้ไม่นานแบตฯมันจะเสื่อมตามอายุของมันเองครับ


สนับสนุนข้อมูลโดย...


Monday, November 17, 2008

คู่ฮอต เคน-แอฟ เจอกันครั้งแรก ถ่ายทอดรักโศก ซึ้งใน ใจร้าว

คู่ฮอต เคน-แอฟ เจอกันครั้งแรก ถ่ายทอดรักโศก ซึ้งใน ใจร้าว

เป็นละครที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งของช่อง 3 ในโปรแกรมส่งท้ายปี นอกจากเนื้อเรื่องจะดำเนินไปด้วยความรักผสมแรงแค้น แต่ก็ประทับใจ ที่สำคัญได้ เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ พระเอกที่เป็นเบอร์หนึ่งอยู่เวลานี้ คู่กับนางเอกที่ดังที่สุดอย่าง แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ

คู่ฮอต เคน-แอฟ
คู่ฮอต เคน-แอฟ
เรื่องย่อ...กรวิก ซุปเปอร์สตาร์หนุ่มผู้ แข็งกร้าว ได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม เลยถูกจับคู่กับ เมลานี นักแสดงสาวดาวรุ่ง แต่ในวันประกาศรางวัล กลับมีหญิงสาวนิรนามมาแสดงความยินดีกับ กรวิก แถมยังเป็นลมล้มลงจน กรวิก ต้องอุ้มพาเธอหายตัวไป เธอคือ น้องเอย หญิงสาวคนเดียวที่เขาเคยรักมาก แต่จู่ๆเธอก็ทิ้งเขาไปอย่างไร้เยื่อใย ไม่แม้แต่บอกลาซักคำ

น้องเอย ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับแววตาของความรัก แต่ กรวิก ยังคาใจว่าตลอดแปดปี เอย ทิ้ง พี่วิก ไปเพราะอะไร กรวิก ระบายความรัก ความเสียใจ ออกมาเป็นความแค้น เขาไล่เธออย่างไร้เยื่อใย และ เอย ก้มหน้ายอมรับกับความผิดด้วยการยอมเป็นผู้จัดการส่วนตัว รับใช้ กรวิก 1 ปีเต็ม โดยไม่ปริปากบอกความจริงว่าที่เธอหนีไปเพราะป่วยเป็นโรคร้าย โดยมี ลักษณ์ นายแพทย์หนุ่มที่เดินทางกลับมาพร้อมกัน คอยดูแลเธอมาตลอด แต่ก็ไม่รู้ด้วยพรหมที่แกล้งลิขิต ลักษณ์ มักบังเอิญต้องได้เจอะเจอ และปะทะฝีปากกับ เมลานี ครั้งแล้วครั้งเล่า ในความเกลียดขี้หน้า แต่ก็มีความสุขใจบางอย่างที่ เมลานี ก็หาคำตอบไม่ได้

กรวิก ทำทุกวิธีเพื่อทรมานทั้งร่างกายและจิตใจของ น้องเอย ทั้งๆที่ใจจริงอยากสวมกอดเธอด้วยความรัก ยิ่งเห็น หมอลักษณ์ คอยเอาใจใส่ น้องเอย มากเท่าไหร่ กรวิก ก็ยิ่งสรรหาทุกวิถีทางถึงขนาดแกล้งทำเป็นรัก เมลานี จนวันหนึ่ง เอย ป่วยหนักจากการกลั่นแกล้งของ กรวิก จนเข้า รพ.พอรู้ข่าวถึงอาการป่วย กรวิก ก็เที่ยวออกตามหาตาม รพ.ทุกแห่งด้วยใจรุ่มร้อน แต่ก็ไม่เจอ แต่ในความชุลมุนนั้น กรวิก ได้ยิน ประกาศขอบริจาคโลหิตให้ผู้ป่วยฉุกเฉิน กรวิก บริจาคโลหิตโดยไม่รู้ว่าผู้ป่วยที่รับเลือดของเขาคือ น้องเอย ซึ่งพ้นขีดอันตรายเพราะเลือดของ พี่วิก หญิงสาวกลับมาทำงานอีกครั้ง กรวิก กลับยิ่งระบายความเจ็บช้ำใส่ น้องเอย อาการป่วยของ เอย ทรุดลงเรื่อยๆจน หมอลักษณ์ เป็นห่วงจึงขอร้องให้กลับไปต่างประเทศกับเขา

เอย เริ่มคิดว่า กรวิก เกลียดเธอมากจริงๆ และเห็นว่าชายหนุ่มก็มี เมลานี คอยดูแลอยู่แล้ว จึงวางแผนพา กรวิก ไปทานข้าวมื้อพิเศษ ย้อนเรื่องราวประทับใจของเขาและเธอให้ได้มากที่สุดก่อนจะจากเขาไป ด้วยความรัก ความผูกพัน ความทรงจำที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทำให้ กรวิก ตัดสินใจว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะใช้เวลาทุกนาทีดีกับเธอให้มากที่สุด แต่มันก็สายเกินไป เมื่อวันรุ่งขึ้น กรวิก รู้ว่า เอย ตัดสินใจบินกลับอเมริกา เขาพุ่งตรงไปที่สนามบินและวิ่งวนตามหา น้องเอย จนแทบจะหมดความหวังอยู่แล้ว แต่จู่ๆ เอย ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา กรวิก ไม่ยอมทิ้งโอกาสครั้งนี้พา น้องเอย หนีขึ้นรถไป ปล่อยให้ ลักษณ์ มึนจับต้นชนปลายไม่ถูก

ลักษณ์ กับ เมลานี พากันออกตามหา กรวิก และ น้องเอย ระหว่างนั้น สองคนกลับยิ่งรู้สึกดีต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ กรวิก ตัดสินใจพา เอย ไปที่เกาะส่วนตัว และที่นั่นทำให้ เอย รู้ว่าตลอดเวลาที่เธอจากไป เธอยังคงอยู่ในหัวใจของเขา...หัวใจรักสองดวง จะนำพาให้เรื่องราวความรักของ กรวิก และ น้องเอย กลับตาลปัตรลงเอยด้วยหัวใจที่ร้าวรานได้อย่างไร ติดตามชมกันเอาเอง

สำหรับ เคน-ธีรเดช นั้น เมื่อปีที่แล้วกวาด รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมมาแล้วทุกสถาบัน ดังนั้น การันตีเรื่องฝีมือได้ ส่วนในเรื่องนี้รับบท “กรวิก” ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดัง แต่เบื้องหลังคาแรกเตอร์ที่เย็นชานั้น คือหัวใจที่เจ็บช้ำจากการถูกหญิงสาวที่รักทอดทิ้ง นับจากวันนั้นเขาจึงไม่มีความรักให้ใครอีก บทนี้เคนจะได้ถ่ายทอดอารมณ์รักที่ถนัดอีกครั้ง ขอเตือนให้ทุกคนเตรียมผ้าเช็ดหน้าให้พร้อม

ส่วน แอฟ-ทักษอร นั้น ณ เวลานี้ต้องบอกว่าเป็นนางเอกที่ดังที่สุดของช่อง 3 เช่นกัน เพราะมีงานละครต่อเนื่อง แถมนอกจอก็เป็นนางเอกที่ไร้ข่าวคาวให้เสื่อมเสีย ซึ่ง เคน กับ แอฟ ถือเป็นการร่วมงานกันเป็นครั้งแรก โดยในเรื่อง แอฟ รับบท “น้องเอย” สาวน้อยที่อ่อนแอบอบบาง แต่หัวใจกลับเข้มแข็งเสียสละความสุขส่วนตัวได้เพื่อคนที่ตนรัก จนผู้ชายทุกคนที่ได้ดูเรื่องนี้ต้องรักและสงสารเธอ

ร่วมด้วย วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์, สุนิสา เจทท์, สุพจน์ จันทร์เจริญ, เมย์ เฟื่องอารมย์, มอริส เค, ดารณีนุช โพธิปิติ ฯลฯ

ติดตามชมละคร “ใจร้าว” ได้ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ทางช่อง 3 และหาอ่านได้ใน นสพ. ไทยรัฐ ทุกวัน.

สิเรียม ปล่อยโฮรับเลิก ราจิต คิดต่าง ไร้มือที่ 3

สิเรียม ปล่อยโฮรับเลิก ราจิต คิดต่าง ไร้มือที่ 3

แอน - สิเรียม ปล่อยโฮ ยอมรับเลิก ราจิต สามีหนุ่มแล้ว 1 เดือน หลังแต่งงานได้ 3 ปี อ้างมีชีวิตที่แตกต่างกัน ย้ำไม่มีมือที่ 3 เข็ดชีวิตรักจะไม่ขอแต่งงานอีก

แอน - สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์
แอน - สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์


หลังจากความสัมพันธ์ระหว่าง แอน - สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ กับสามีติสต์ ราจิต แสงชูโต คลุมเครือมานาน ในที่สุดก็มาถึงทางตันแล้ว หลังจากที่ฝ่ายหญิงออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่า เลิกกับอดีตสามีมาได้ 1 เดือนแล้ว อ้างเพราะความคิดที่แตกต่าง โดยจากกันด้วยดีไม่มีการหย่า เพราะไม่ได้จดทะเบียนกันตั้งแต่แรกแล้ว ทุกวันนี้หอบผ้ามาอยู่บ้านแม่กับลูกสาว เผย น้องนนนี่ บอกเรื่องรักร้าวคราวนี้ให้ บิลลี่ สามีคนแรกรับรู้แล้ว ลั่นพอกันทีเรื่องชีวิตแต่งงาน

หลังแต่งงานกับ ราจิต แสงชูโต ผู้กำกับโฆษณา เจ้าของบริษัท มาโชว์แมงโก้ ซึ่งเป็นบริษัทโปรดักชั่นเฮาส์ชื่อดัง ไปเมื่อเดือน ก.ย. 2548 ท่ามกลางบรรยากศริมทะเลอย่างโรแรมติก ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี น้องนนนี่ ลูกสาว ที่เกิดกับ บิลลี่ โอแกน ร่วมเป็นพยานรัก ก่อนมีข่าวระหองระแหงถึงขั้นมีแนวโน้มเลิกรากันหลายครั้ง ในที่สุดชีวิตแต่งงานหนที่ 2 ของ แอน - สิเรียม อดีตนางเอก และพิธีกรสาวชื่อดัง ก็ถึงทางตันอีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่า แอน - สิเรียม ได้หย่ากับ ราจิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม่ายยังสวย ได้ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวอย่างหมดเปลือก ถึงสาเหตุที่ทำให้ชีวิตการแต่งงานหนที่ 2 ต้องพังไม่เป็นท่าอีกครั้ง ระหว่างไปบันทึกเทปรายการ ชิงช้าสวรรค์ ที่สตูดิโอเวิร์คพอยท์ ย่านรังสิต ทันทีที่มาถึงห้องที่จัดไว้ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวสังเกตพบว่า พิธีกรสาวมีรอยช้ำรอบดวงตาทั้งสองข้าง ที่เกิดจากการร้องไห้เสียใจที่ผิดหวังในความรักครั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่ต้องแยกทางกับ ราจิต ที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากกว่า 5 ปีแล้ว พิธีกรสาวกล่าวว่า เป็นเพราะความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แม้จะปรับความใจกันอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่เป็นผล

ทั้งนี้ สิเรียม กล่าวย้ำด้วยว่า ตนกับราจิตนั้น ไม่ได้มีการไปจดทะเบียนหย่ากันแต่อย่างไร เพราะตนกับราจิตนั้นเข้าประตูวิวาห์โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันมาตั้งแต่แรกแล้ว ... สาเหตุที่เลิกกันเพราะความคิดที่แตกต่างกัน ทิศทางในชีวิตต่างกัน ก่อนที่จะเลิกกันนั้นเรามีการปรับความเข้าใจกันก่อน เพราะเราเป็นสามีภรรยากันก็ต้องปรับความเข้าใจกัน เพื่อให้ชีวิตครอบครัวไปตลอดรอดฝั่ง แต่คือแนวทางชีวิตของเราสองคนมันค่อนข้างแตกต่างกัน ในตอนแรกเราก็พยามที่จะทำความเข้าใจมาโดยตลอด แต่มันก็ปรับได้ไม่ตรงกัน ใช้ความพยายามมากถึง 1 ปี ...

ต่อข้อซักถามว่า หลายคนมองว่า ราจิต เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง เพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้ต้องเลิกรากัน ? พิธีกรสาวสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ อ้ำอึ้งครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า ... ไม่ใช่อย่างนั้น แอนคิดว่าคนที่มีโลกส่วนตัวนั้นไม่ถือเป็นเรื่องที่ผิด กับเรื่องนี้แอนไม่อยากโทษใครเพราะเราเลือกกันเอง ฉันเลือกเธอ เธอเลือกฉัน แต่ถ้าเลือกแล้วมันไม่สามารถทำให้ชีวิตเราผ่านไปได้ด้วยดีก็แยกทางกัน น่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า ...

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกแย่กับเรื่องนี้มากไหม ? พิธีกรสาวยอมรับว่า ... ก็แย่นะ เราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งยิ่งเป็นสังคมไทยด้วยแล้ว ผู้หญิงมักจะโดนจับตามองมากกว่าผู้ชาย แล้วด้วยหน้าที่การงานแล้วแอนต้องเป็นคนที่ออกมาพบสื่อออกมาพูด เพราะเราทำงานวงการนี้ และจิตเองเขาก็ไม่ได้มีหน้าที่มาอธิบายต่อสื่อ ...

ต่อข้อซักถามว่า ปัจจุบันยังได้พุดคุยกับ ราจิต อยู่บ้างหรือเปล่า หรือเลิกคุยกันไปเลย ? พิธีกรสาวกล่าวว่า ... จนมาถึงวันนี้แอนกับเขาเราแยกทางกันด้วยดี มาได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ก็พูดคุยกันบ้าง ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็พูดเฉพาะเรื่องที่จำเป็นค่ะ ...

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะไม่มีลูกกับ ราจิต หรือเปล่าทำให้ไม่มีอะไรเชื่อมความรักให้เหนียวแน่นมากกว่านี้ ? พิธีกรสาวกล่าวว่า คำถามนี้ตอบยาก ก่อนสะอื้นน้ำตาซึม จนทีมงานต้องส่งกระดาษทิชชูให้ซับน้ำตา และกล่าวต่อไปว่า ... ไม่รู้เหมือนกันมันพูดยากนะ ตอบไม่ได้ ไม่มีก็ดีแล้ว สำหรับแอน 5 ปีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมามันก็มีสิ่งดีๆ มีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันมาโดยตลอด แต่ในเมื่อชีวิตเราเดินไปด้วยกันไม่ได้ ก็คิดว่าแยกกันเป็นทางที่ดีที่สุดก็คิดว่าทำใจได้แล้ว มันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับเพราะมันคือความจริง เราต้องยอมรับ ...

ส่วนชีวิตทุกวันนี้ สิเรียม กล่าวว่า ตนกับ น้องนนนี่ - ด.ญ.นนลนีย์ โอแกน ลูกสาวที่เกิดกับ บิลลี่ โอแกน สามีคนแรก กลับมาอยู่ที่บ้านเดิม กับมารดาและยาย โดยพยายามทำใจไม่ให้อ่อนแอ เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของลูกสาว ที่ปัจจุบันนี้เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แล้ว เล่นอินเทอร์เน็ตได้ ทำให้รับรู้ข่าวสารเยอะ

... ตอนนี้ก็อยู่กับนนนี่ กลับมาอยู่ที่บ้านเดิม ก็มีคุณแม่มีคุณยาย แต่ตอนนี้คุณยายป่วยต้องไปดูแล นนนี่ก็เลยเป็นที่พึ่งทางจิตใจที่สำคัญ ในวันแรกที่ออกมากับลูกนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องเศร้า แต่เราจะอ่อนแอมากไม่ได้เพราะเรามีลูก ซึ่งในตอนนี้เราก็คือผู้นำครอบครัว เราต้องทำใจให้ได้ เพราะจะได้ไม่ทำให้คนรอบข้างสูญเสียจำลังใจ เพราะตอนนี้แคร์ความรู้สึกของลูกมากกว่าว่าเขาจะเข้มแข็งมากน้อยแค่ไหน เพราะตอนนี้เขาอยู่มัธยมศึกษาปีที่1แล้ว ก็อ่านหนังสือออกเล่นอินเทอร์เน็ตได้ ทำให้เขาได้รับรู้ข่าวสารเยอะ แล้วพอดีเขาย้ายโรงเรียนด้วย เกิดมีคนมาถามเขาก็กลัวว่าลูกอาจรู้สึกกระทบกระเทือนทางจิตใจ จากคำพูดของคนรอบข้าง แต่ก็ยังดีที่มีงานแก้เหงา มีเพื่อนๆ ที่น่ารักโทรมาหาตลอด ...

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เสียใจมากกว่าครั้งแรกที่เลิกกับบิลลี่ไหม ? สิเรียม กล่าวว่า ... อาจเป็นเพราะวุฒิภาวะของเราที่โตขึ้น เราเลยยอมรับความเสียใจที่เกิดขึ้นได้ ... ต่อคำถามว่า บิลลี่ ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นบ้างหรือยัง ? พิธีกรสาวกล่าวว่า ... ทราบค่ะ แต่แอนไม่ได้บอก นนนี่เป็นคนบอก เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ...

ผู้สื่อข่าวได้ถามพิธีกรสาวต่อว่า ล้มเหลวกับชีวิตคู่มา 2 ครั้งแล้ว จะมีครั้งต่อไปหรือไม่ ? คุณแม่ยังสาวกล่าวว่า ... กับการแต่งงาน 2 ครั้งก็มากไปแล้ว อาจเพราะเราไม่มีโชคทางด้านความรักก็ได้ ตอนนี้คงไม่ต้องให้หมอดูมาดูดวงว่าตัวเองไม่มีดวงเรื่องความรัก เพราะตอนนี้คิดว่าคงสามารถที่จะดูตัวเองได้แล้ว อยากอยู่คนเดียว ไม่แต่งงาน พอกันที ...

สำหรับความรักของนางเอก - พิธีกรสาว เริ่มต้นด้วยการแต่งงานครั้งแรกกับ บิลลี่ โอแกน นักร้องชื่อดัง และมีลูกสาวเป็นพยานรักด้วยกันคือ น้องนนนี่ - ด.ญ.นนลนีย์ โอแกน เมื่อผิดหวังในความรักครั้งแรก ได้เข้าวิวาห์กับ ราจิต แสงชูโต ผู้กำกับโฆษณาเจ้าของบริษัท มาโชว์แมงโก้ ซึ่งเป็นบริษัทโปรดักชั่นเฮาส์ชื่อดัง ที่บ้านเจ้าพระยารามราฆพ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เมื่อเดือนก.ย.2548 รวมเป็นเวลา 3 ปีกว่า






ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก







Friday, November 14, 2008

ละคร ศิลามณี กบ สุวนันท์

Channel 7 :
ละคร ศิลามณี
แนวละคร ดราม่า
บทประพันธ์ วราภา
บทโทรทัศน์ วิรัลพัชร
กำกับการแสดง ธงชัย ประสงค์สันติ
ออกอากาศทุกวัน ศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7


ภัทรพล ศิลปาจารย์  รับบท  ภรตเรื่องย่อ

เจ้า หญิงแสงฝาง ( งาม ) เจ้าหญิงวัยรุ่นแสนสวยจากเมืองเชียงรัฐ เธอมีอายุสิบสี่ปีมาขอพบ คุณหญิงอทิติ บูรณโยธิน คุณหญิงผู้ยังสาวและสวยมาก เป็นภรรยาของ พลเอกจอมณรงค์ เมื่อคุณหญิงอทิติได้พบกับเจ้าหญิงแสงฝางก็ถึงกับอึ้งไป ไม่ใช่เพราะเป็นเจ้าหญิง แต่เพราะเป็นลูกสาวคนเดียวของเธอ อทิติสมรสครั้งแรกกับ เจ้าฟ้าแสนหลวง เจ้าผู้ครองเชียงรัฐ รัฐอิสระทางภาคเหนือของประเทศไทย เจ้าอายุมากกว่าอทิติถึงสองรอบ ความแตกต่างของอายุและความเงียบเชียบของเชียงรัฐ ซึ่งอยู่ท่ามกลางขุนเขาและป่าไม้ ทำให้อทิติทนไม่ได้ สองปีหลังจากให้กำเนิดลูกสาวคือเจ้าหญิงแสงฝาง

อทิติทิ้งทุกอย่างที่ เชียงรัฐกลับเป็นตัวของตัวเอง และต่อมาก็ได้สมรสกับพลเอกจอมณรงค์ เจ้าหญิงแสงฝางน้อยใจที่แม่ทอดทิ้ง จึงไม่ยอมติดต่อคุณหญิงอทิติเลย เจ้าหญิงแสงฝางมากับ หอมนวล พี่เลี้ยงวัยกลางคน เจ้าแสงฝางไม่แสดงอาการที่บ่งบอกถึงความรักที่ลูกมีต่อแม่แต่อย่างใดเลย เธอบอกคุณหญิงอทิติว่าเจ้าฟ้าแสนหลวงป่วยและเธอจะไปเยี่ยม ขอให้คุณหญิงอทิติไปด้วย แต่คุณหญิงปฏิเสธโดยอ้างสถานะที่ขณะนี้มีสามีใหม่แล้ว และไม่เห็นด้วยที่เจ้าแสงฝางจะขาดเรียน แต่เจ้าแสงฝางยืนยันจะไป การพูดถึงเจ้าพ่อด้วยความรักและผูกพันอย่างลึกซึ้งแต่พูดกับผู้เป็นแม่อย่าง ห่างเหิน

ราวพูดกับคนรู้จักผิวเผินทำให้คุณหญิงอทิติไม่ชอบใจ ศศิ ลูกสาวของพลเอกจอมณรงค์ ลูกเลี้ยงของคุณหญิงอทิติวัยไล่เลี่ยกับเจ้าแสงฝาง สนใจเจ้าแสงฝางมากเมื่อรู้ว่าเป็นเจ้าหญิงจากเมืองเหนือ แต่เธอไม่รู้ว่าเจ้าแสงฝางเป็นลูกสาวของคุณหญิงอทิติ เจ้าแสงฝางเดินทางไปเชียงรัฐคนเดียว เจ้าสายบดี มารับเจ้าแสงฝางที่สนามบินเชียงใหม่ เจ้าสายบดีเป็นลูกชายของ เจ้าบัวละวง น้องสาวคนเดียวของเจ้าฟ้าแสนหลวง บิดาของเขาคือ เจ้าวงตะวัน เจ้าแสงฝางถามอาการของเจ้าพ่อทันที เขาบอกว่าอาการเจ้าฟ้าแสนหลวงไม่สู้ดี ท่านอยากพบลูกสาวคนเดียวซึ่งเป็นสุดดวงใจของท่าน

เพราะมีเรื่องสำคัญ มากจะพูดกับเธอ ท่านจึงยังประคองลมหายใจมาได้จนวันนี้ เจ้าแสงฝางน้ำตาพรูเมื่อเห็นสภาพร่างกายที่ผ่ายผอมของเจ้าพ่อ เจ้าฟ้าแสนหลวงขอให้เจ้าแสงฝางรับช่วงปกครองเชียงรัฐต่อจากท่าน ขอให้เธอมีความอดทน และอย่าอับอายว่าเชียงรัฐเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เป็นเพียงจุดๆ เดียวที่มองไม่เห็นในแผนที่ประเทศไทย เพราะมันคืออาณาจักรบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้าแสงฝาง เจ้าแสงฝางให้สัญญาและเจ้าฟ้าแสนหลวงได้พูดเรื่องสำคัญกับเธอ ขอให้เธอสัญญาว่าจะไม่โกรธและเกลียดท่าน ท่านบอกว่าได้ให้ศิลามณีแก่เพื่อนรักที่สุดของท่านคือ เจ้าคุณพระยาเพชรายุทธ

เจ้าคุณเป็นคนดีพร้อมทั้งจิตใจและชาติตระกูล ท่านจึงให้ศิลามณีไป ล่าสุดที่ติดต่อกันก่อนพระยาเพชรายุทธถึงแก่อสัญกรรม ฝ่ายนั้นยังคงเก็บรักษาศิลามณีไว้อย่างดี เจ้าแสงฝางรู้ธรรมเนียมของเผ่าพงศ์ดีว่า การให้ศิลามณีซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของเชียงรัฐและเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญที่ สุด ในการย่างเข้าสู่ความเป็นหญิงสาวของเธอแก่อีกฝ่ายนั้นหมายความว่าอย่างไร เจ้าบัวละวงสะดุ้งใจเมื่อเจ้าแสงฝางถามว่าจะเอาศิลามณีคืนมาได้อย่างไร เจ้าแสงฝางบอกว่าเธอเป็นเลือดเนื้อของเชียงรัฐ เธอไม่เคยอับอายในประเพณีโบราณของเชียงรัฐเลย และพร้อมจะปฏิบัติเหมือนหญิงสาวเชียงรัฐทั่วไป

แต่เธออยากเป็นผู้มอบ ศิลามณีให้แก่ชายที่เธอพอใจ ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ที่เขาอาจกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ก็ได้ เจ้าบัวละวงบอกว่าเมื่อเจ้าคุณเพชรายุทธสิ้น ศิลามณีคงตกอยู่ที่ คุณหญิงเสมอใจ ผู้เป็นภรรยา เจ้าแสงฝางบอกว่าเมื่อเรียนจบจะกลับมาอยู่เชียงรัฐ เป็นสมบัติของเชียงรัฐ เป็นกำลังใจให้พลเมืองที่นี่ไปจนเธอแก่เฒ่า เธอจึงอยากได้ศิลามณีคืน เจ้าสายบดีวิ่งหน้าตาตื่นมาตามเจ้าแสงฝางว่าเจ้าฟ้าแสนหลวงสิ้นใจแล้ว เจ้าแสงฝางเสียใจมากเธอสาบานว่าจะต้องเอาศิลามณีกลับคืนมาเป็นสมบัติของ เชียงรัฐให้ได้ โดยเธอจะกลับกรุงเทพฯ ไปเรียนต่อให้จบ และเธอจะอยู่อย่างสามัญชนสุวนันท์ คงยิ่ง  รับบท  เจ้าหญิงแสงฝาง ( งาม )

จาก นี้ไปจะไม่มีเจ้าหญิงแสงฝาง จะมีแต่ผู้หญิงที่ชื่อ งาม แสนหลวง เท่านั้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งามเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับศศิ ด้วยความขรึม เฉยเมย และไว้ตัวของงาม ทำให้หนุ่มๆ ประจำสามแยกปากหมาว่าเธอหยิ่ง ไม่มีใครรู้ชาติตระกูลของเธอ งามมี ชาลี หนุ่มผมยาวแต่งตัวมอมตามแบบฉบับชาวศิลปากรรับส่งเป็นประจำ ภรต ราชเสนา ( ต้อม ) ลูกชายแท้ๆ ของคุณหญิงเสมอใจ ช่วยพี่ชายบุญธรรม นายแพทย์พิภพ ภักดีพงศ์ ( ต้น ) พูดกับคุณหญิงเสมอใจขอยืมเงินและขอที่ดินทำคลินิก หลังจาก นพ.พิภพย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ

และยังพูดเลย ไปเรื่องหญิงสาวที่นพ.พิภพรักและมีแผนจะแต่งงานกัน คุณหญิงเสมอใจไม่พอใจนักที่ พ.พิภพจะลงเอยกับ เภสัชกรหญิงอิสรี สุรคุปต์ เพราะท่านยังไม่เคยเห็นหน้า และเมื่อซักประวัติคร่าวๆ เธอเป็นแค่หญิงสาวในครอบครัวข้าราชการบำนาญที่ไม่ร่ำรวยอะไร ท่านจึงไม่ค่อยเห็นด้วยและยังห่วงเรื่องหน้าตาของตระกูล ภรตอยากช่วยพี่ชายให้ถึงที่สุดจึงตามไปห้องนอนของแม่ เพื่อช่วยพูดเชียร์ให้แม่เห็นด้วยกับความรักของพี่ คุณหญิงเสมอใจกำลังขนเครื่องเพชรเครื่องทองออกมาดู ในจำนวนนั้นมีสร้อยมรกตเม็ดโตล้อมเพชรที่ใครๆ เห็นก็ต้องรู้ว่างามมากและค่ามหาศาล

ภรตยิ่งประหลาดใจเมื่อแม่บอกว่า มีคนให้มา คุณหญิงเครียดเมื่อนึกถึงที่มาของสร้อยมรกต คุณหญิงเล่าให้ภรตฟังว่านี่คือของหมั้นตามธรรมเนียมของเชียงรัฐ ฝ่ายหญิงจะหมั้นชายและเขาก็ได้หมั้นภรต ถึงฝ่ายโน้นจะเป็นเจ้า แต่ก็เป็นเจ้าแห่งเมืองเล็กๆ ซึ่งท่านเห็นว่าต่ำต้อยและรังเกียจมาก แต่เมื่อเจ้าคุณผู้เป็นสามีสั่งไว้ก่อนสิ้นใจให้ท่านดำเนินการต่อ มิฉะนั้นต้องคืนสร้อยมรกตเส้นนี้ไป ภรตไปหาชาลีน้องชายแท้ๆ ของเขาที่เรือนพักหลังเล็ก ซึ่งชาลีมักใช้เป็นห้องสร้างสรรค์งานศิลป์ของเขา ภรตถือวิสาสะเปิดดูภาพเขียนซึ่งชาลีคลุมผ้าไว้ชาลีหวงภาพนี้มาก

ภาพ นั้นคือภาพพอเทรตครึ่งตัวหญิงสาวสวยอ่อนหวานมาก โพกศีรษะแบบสาวชาวบ้านลานนา โดยมีงามเป็นนางแบบให้กับชาลี ในวันรุ่งขึ้นงามมาเป็นแบบให้ชาลีวาดภาพต่อจนเสร็จ ชาลีแนะนำงามให้รู้จักภรตว่าเป็นพี่ชายของเขา ภรตทักทายสั้นๆ กับงามแล้วจากไป เหมือนเย่อหยิ่งไม่สนใจเธอเลย งามเกิดอาการคอแข็งขึ้นมาทันที เธอแปลกใจที่คบกับชาลีมานานแต่ไม่รู้เลยว่าชาลีนามสกุลราชเสนา แต่ที่เธอใจเต้นที่สุดคือการได้รู้จัก ภรต ราชเสนา เขาคนนี้เองคือผู้ครอบครองศิลามณีของเธอ เมื่องามกลับถึงโรงงานผ้าไหมของเธอ งามเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักศึกษาสาวสะอาดใส

เป็นชุดสาวเหนือแต่ง หน้าเป็นสาวจัด ป้าหอมนวลบ่นเป็นห่วงงามที่ทำตัวเป็นนักศึกษายากจน ไม่มีหัวนอนปลายเท้าโหนรถเมล์กลับบ้านทุกวันให้คนดูถูก หากต้องการดูใจผู้คน ตอนนี้ก็ได้เห็นใจชาลีแล้วว่าเป็นคนดีมากทำไมไม่ให้ชาลีรับส่ง งามไม่ต้องการให้ชาลีรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พันโทอติศักดิ์ หนึ่งในชายหนุ่มที่มาติดพันแม่เลี้ยงสาวเจ้าของโรงงานผ้าไหม พาเพื่อนมาซื้อเสื้อผ้าไหมเขาคือ ภรต ราชเสนา ภรตรู้สึกแม่เลี้ยงเหมือนใครที่เขาเคยเห็น แต่ก็นึกไม่ออก คุณหญิงอทิติไม่เคยได้ข่าวลูกสาวอีกเลย นับตั้งแต่งามเดินทางไปเยี่ยมเจ้าพ่อ การเติบโตเป็นสาวของศศิทำให้คุณหญิงคิดถึงลูกงามของเธอมาก

ด้วยว่า ทั้งสองสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คุณหญิงมีลูกชายกับพลเอกจอมณรงค์คนหนึ่ง ขณะนี้เพิ่งอายุสามขวบ งานฉลองแซยิดของคุณหญิงเสมอใจเป็นงานใหญ่ แขกเหรื่อมากมายภรตให้ชาลีชวนงามมาร่วมงานด้วย เมื่อได้พบคุณหญิงเสมอใจงามเห็นว่าท่านไม่ได้สวมศิลามณี งามกังวลว่าศิลามณีอยู่ที่ไหน และงามต้องใจหายเมื่อเห็นพลเอกจอมณรงค์ เธอเกรงจะพบแม่อทิติของเธอ แต่โล่งใจเมื่อรู้ว่านายพลมากับศศิ คุณหญิงเสมอใจเอาใจศศิมากจนออกนอกหน้า หลังอาหารงามและชาลีแยกตัวจากกลุ่มผู้คนไปนั่งเล่นใกล้เรือนเล็กของชาลี ถ้อยคำที่ชาลีแสดงความจงรักเทิดทูนงามอย่างยิ่ง

พูลภัทร อรรถปัญญาพล  รับบท  ชาลี / เปรมสินี รัตนโสภา  รับบท  ศศิทำ ให้งามทั้งสงสารและสมเพชชาลี เธอพูดเป็นนัยว่าชาลีอาจคิดว่าเธอดี แต่เธออาจใช้ชาลีเป็นบันไดไปสู่อะไรบางอย่าง ซึ่งหากวันหนึ่งชาลีรู้ความจริง ชาลีจะเสียใจและเกลียดเธออย่างที่สุดก็ได้ ชาลีว่าถึงเขาจะต้องเสียใจเพราะงาม แต่ความเสียใจนั้นจะไม่มีวันทำลายความรู้สึกที่เขายกย่องงามได้เลย ภรตพาศศิมาที่เรือนของชาลีเพราะศศิอยากดูภาพเขียน ชาลีพาศศิเข้าไปดูภาพเขียนในบ้าน ภรตจึงอยู่กับงามสองต่อสอง งามรู้สึกว่าบรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันใด ภรตจงใจพูดยั่วประสาทงาม เธอต่อปากต่อคำเขาไม่ลดละ ภรตนึกถึงแม่เลี้ยงสาวที่โรงงานผ้าไหม

บอก งามว่าหน้างามเหมือนแม่เลี้ยงสาวคนนั้น แต่ประชดประชันว่าแม่เลี้ยงสาวยิ้มหวานช่างพูดช่างเอาใจ แต่งามตรงข้ามทั้งหมดงามว่าเธอไม่มีทางเป็นแม่เลี้ยงคนนั้น เธอพูดประชดประชันเรื่องชาติกำเนิดที่เป็นคนต่างเมือง แต่เธอก็ทึ่งที่ภรตไม่ได้แบ่งชั้นวรรณะเลย เขาว่าถึงเป็นชาวเหนือแต่ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ภรตถามงามถึงเชียงรัฐ งามบอกว่ารู้จักดีที่สุดเพราะเธอเกิดและโตที่นั่น ภรตตื่นเต้นมากเขาถามงามถึงเจ้าหญิงแสงฝางว่าเป็นอย่างไร งามว่าเธอเป็นคนวงนอกไม่ค่อยรู้อะไรนัก เท่าที่รู้เจ้านางเป็นคนสวยมักอยู่แต่ในวังไม่ค่อยออกไปไหน เจ้านางเกลียดความชุลมุนวุ่นวายของโลกภายนอก

ภรตแกล้งถามถึงประเพณี ที่ผู้หญิงขอผู้ชายแต่งงาน ทำให้งามชักสงสัยว่าเหตุใดภรตจึงพูดถึงประเพณีของเชียงรัฐและเจ้านาง หรือว่าภรตจะรู้เรื่องของศิลามณีแล้ว ศศิบังเอิญเจอกับชาลีเมื่อรถเธอเสีย ชาลีเข้ามาช่วยและพาศศิไปส่งที่มหาวิทยาลัย เธอรู้สึกถูกใจกับชาลีเป็นอย่างมาก แต่ชาลีกับนิ่งเรียบมีใจให้งามเพียงคนเดียว งามกลับจากมหาวิทยาลัย ป้าหอมนวลบอกว่าภรตมาหาและจะกลับมาใหม่ตอนค่ำ ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อภรตงามใจเต้นระรัวด้วยสาเหตุที่ตอบตัวเองไม่ได้ แต่ก็ยินดีว่าเมื่อภรตตามเธอนั่นหมายถึงชัยชนะกำลังเดินมาหาเธอ หากภรตหลงรูปโฉมของเธอ

เธอก็จะใช้ความงามปอกลอกเอาศิลามณีกลับคืนมา งามในสภาพแม่เลี้ยงสาวดูงามยิ่งนักในสายตาภรต ภรตเอ่ยปากชวนแม่เลี้ยงไปทานอาหาร แม่เลี้ยงตกปากรับคำทันที เมื่อภรตกลับถึงบ้านชาลีบอกภรตว่าเขาตกลงใจเช่าร้านที่ภรตติดต่อให้ เปิดแสดงภาพเขียนและจะเอาภาพสาวชาวป่าที่งามเป็นแบบไปโชว์ด้วยแต่จะไม่ขาย คุณหญิงเสมอใจถามเรื่องที่ค้างคาใจตั้งแต่งานเลี้ยงแซยิดว่างามเป็นใคร รู้สึกผิวเหลืองเหมือนสาวเหนือ ชาลีเงียบเขาคบหากับงามมานานแต่ไม่เคยรู้เลยว่าวามเป็นใครมาจากไหน ภรตเลยตอบแทนว่าเป็นสาวเหนือเป็นชาวเชียงรัฐ คุณหญิงเสมอใจได้ยินก็นึกถึงเรื่องศิลามณี

ท่านรังเกียจและดูถูกงาม ทันที และสั่งชาลีให้ระวังการคบหากับงาม ตอกย้ำว่าผู้หญิงเชียงรัฐรักผู้ชายคนไหนจะสู่ขอเลยทันที อีกหน่อยงามคงสู่ขอชาลีเหมือนที่ภรตโดนเจ้าหญิงเชียงรัฐสู่ขอมาแล้วตั้งแต่ เด็ก แต่ชาลีไม่สนใจ ภรตวางแผนเขาบอกแม่ว่าเขาจะดึงชาลีออกมาจากงามให้ได้ ภรตทะเลาะกับชาลีดูถูกว่างามไม่มีหัวนอนปลายเท้าจะปอกลอกชาลี ชาลีปกป้องงามจากคำกล่าวหาของภรต ภรตท้าพนันให้คอยดูว่างามจะโอนเอนมาหาเขาทั้งๆ ที่ชาลีสนิทสนมกับงามก่อนเขาและมากกว่าเขา ภรตมาพบแม่เลี้ยงเขาคุยกับเธอเรื่องความหัวอ่อนและอารมณ์อ่อนไหวของชาลี

ที่ ทำให้ลุ่มหลงผู้หญิงซึ่งแม่ไม่ชอบ และยังว่าผู้หญิงคนนั้นซึ่งคืองามให้งามฟังอีกด้วย เขาว่าเมื่อเห็นแม่เลี้ยงครั้งแรกเขาคิดว่าเป็นคนเดียวกับผู้หญิงคนนั้น แต่แม่เลี้ยงต่างจากผู้หญิงคนนั้นมาก ภรตว่าแม่มองผู้หญิงไว้ให้ชาลีแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็น ภรตชวนไปข้างนอก ตลอดทางแม่เลี้ยงยิ้มหวานคุยสนุกกับเขา แต่ใจบอกตัวเองว่าเกลียดนายภรตคนนี้นัก เขาดูถูกงาม แสนหลวง ไม่รู้เลยว่าจุดไต้ตำตอเข้าเต็มๆ ภรตพาแม่เลี้ยงไปดูแกลเลอรี่ของชาลี เธอแทบทำหน้าไม่ถูกเกรงชาลีจับได้ เธอเห็นภาพงามที่ชาลีวาดแขวนอยู่ในที่ที่เด่นที่สุด เมื่อชาลีมาต้อนรับและบอกว่าเขาไม่ขายภาพสาวชาวป่า

ที่เขาตั้งชื่อ ว่างาม เขาพูดถึงผู้เป็นนางแบบอย่างยกย่องภาคภูมิใจยิ่งนัก งามรู้ว่าเขาจริงใจเสมอต้นเสมอปลาย ความจริงใจของชาลีเกือบจะละลายทิฐิของงามต่อตระกูลราชเสนาลงได้ ชาลีตกใจเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวที่ภรตแนะนำว่าเป็นแม่เลี้ยงเจ้าของโรงงานผ้า ไหม แต่เมื่อแม่เลี้ยงไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะเป็นงาม ชาลีจึงนิ่งไปแต่ด้วยสายตาของผู้เป็นจิตกร เขาคิดว่ารูปร่างหน้าตาเช่นนี้ไม่น่าจะมีซ้ำเป็นคนที่สอง แม่เลี้ยงยืนยันอยากได้ภาพเขียนที่ชื่องาม ชาลียืนยันไม่ขาย ภรตเริ่มเดินแผนแยกชาลีจากงาม เขาไปหางามที่มหาวิทยาลัยขอคุยกับเธอเรื่องชาลีว่าปภัสรา เตชะไพบูลย์  รับบท  คุณหญิงอทิติ

ทั้ง แม่และเขาเห็นว่าชาลีควรได้แต่งงานกับหญิงที่มีสกุลรุนชาติและดีพร้อมหมด และเธอคนนั้นคือศศิ ภรตขอให้งามตีตัวออกห่างจากชาลีโดยคบชายอื่นแทน และเพื่อให้ชาลีแน่ใจว่างามทิ้งชาลีจริง ภรตเสนอตัวเองเป็นคนรักชั่วคราวของงาม งามถูกต้อนและถูกดูแคลนจนทั้งเจ็บทั้งแค้น แต่ที่เธอเจ็บปวดนักคือการที่เธอต้องทำร้ายชาลีเพื่อนแท้คนเดียวที่จริงใจ ต่อเธอที่สุด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเป็นคนเริ่มทุกอย่างเอง เริ่มด้วยความแค้นด้วยปณิธานแรงกล้าที่จะเอาศิลามณีคืน งามรับปากภรตจะตัดขาดชาลี แม่เลี้ยงงามดีใจมากเมื่อภรตนำภาพเขียนชื่องามของชาลีไปให้

ภรตไม่ รับเงินค่าภาพเขียนบอกว่าเป็นของขวัญจากเขา แม่เลี้ยงจึงสวนกลับว่าเป็นของขวัญเพื่อการจากกัน ภรตเครียดขรึมทันที งามรู้สึกว่าการปลอมตัวของเธอไม่ทำให้เธอเข้าถึงศิลามณี แต่กลับจะทำให้เธอกับภรตผูกพันกันยิ่งขึ้นเธอต้องตัดเขาแล้ว เธอบอกภรตว่าเจ้าสายบดีจะมาหาเธอวันนี้ ภรตสรุปว่าเจ้าสายบดีคือเจ้าของเธอ เขาลากลับทันที ในงานแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ภรตยังเจ็บแค้นแม่เลี้ยงเลยพาลไปถึงงามด้วย เขาเตือนชาลีให้เตรียมรับความโลเลใจง่ายชอบหลอกล่อชายให้ติดบ่วงของผู้หญิง ชาลีไม่สนใจ ภรตเข้ามาดูแข่งบอลด้วย

เมื่อเจอกับงามภรตดึงงามไปต่อ หน้าต่อตาชาลีและศศิ บอกชัดเจนว่างามกับเขานัดกันไว้งามไม่ขัดขืน เธอต้องรักษาสัจจะชาลีแทบหัวใจสลาย เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดงามเปลี่ยนทีท่ากะทันหันมาก เขาไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นหญิงใจโลเลดังที่พี่ชายพยายามพูดชี้นำ งามขึ้นรถไปกับภรตเธอเสียใจมากที่ทำร้ายความรู้สึกของชาลี ภรตพูดแกมบังคับเธอว่า จากนี้ไปงามจะไปไหนโดยไม่มีเขาไม่ได้จนกว่าชาลีจะแต่งงานกับศศิ หากงามจะพิสูจน์ตัวเองตามที่งามเคยบอกว่าคบกับชาลีด้วยความบริสุทธิ์ใจ งามต้องรอจนกว่าชาลีลงเอยกับศศิแล้วเขาจึงจะปล่อยมือจากเธอ

ชาลีกับ ภรตทะเลาะกันเรื่องงามอย่างหนัก จากวันนั้นชาลีเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างสิ้นเชิง ชาลีไปหาศศิทำเป็นร่าเริงจี๋จ๋ากับเธอกลบใจที่เจ็บจนชาของตัวเอง ศศิมีความสุขยิ่งนัก คุณหญิงเสมอใจยังประณามงามในฐานะสาวเหนือให้ภรตได้ยิน ภรตแก้ต่างแทนงามเขาคิดว่าตัวเองทำกับเธอเกินไป ที่ผ่านมาเขามองงามผิดๆ เพราะเขายังไม่เคยรู้ความจริงด้วยตัวเขาเอง คุณหญิงเสมอใจรื้อฟื้นที่ท่านเคยลั่นวาจาว่าหากชาลีและภรตแต่งงานกับผู้หญิง ที่ท่านไม่ชอบจะไม่ได้มรดกจากท่านเลย ภรตออกจากห้องมารดามาเจอกับชาลี ชาลีได้ยินทุกอย่างที่แม่พูด คำพูดของคุณหญิงเสมอใจครั้งนี้

ทำให้ พี่น้องกลับคืนกลมเกลียวกันได้ เพราะต่างเข้าใจและเห็นใจงามด้วยกันทั้งคู่ ภรตเสียใจที่มองงามผิดๆ และทำไม่ดีกับงามไว้มาก เขาอยากชดใช้ ภรตตั้งใจจะเอาศิลามณีไปคืนที่เชียงรัฐแล้วกลับมาของามแต่งงาน จนวันแต่งงานของชาลีกับศศิ ศศิพางามไปแนะนำกับคุณหญิงอทิติ เธอจำงามได้งามไม่ยอมเรียกแม่ว่าแม่ เรียกว่าคุณหญิงทุกคำ ถึงเวลารดน้ำสังข์ งามยืนเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยใจเด็ดเดี่ยว เธอสงสารชาลีจนแทบจะร้องไห้ เมื่อเสร็จพิธีรดน้ำสังข์งามเป็นเหน็บเดินไม่ไหว ภรตโอบประคองเธอไปนั่ง เขาเป็นชายคนแรกที่ได้กอดเธอแนบชิด งามรู้สึกว่าสัมผัสนั้นนุ่มนวลจริงใจยิ่งนัก

ภรตรู้สึกว่าเขาทำผิด กับงามอย่างมาก เขาพยายามขอโทษงามไม่สนใจ บอกว่าเธอทำเพราะพันธะที่รับปากเขา ทันทีที่เสร็จสิ้นงานแต่งงานเธอถือว่าเธอเป็นอิสระจากพันธะกับภรต คุณหญิงอทิติมาเจอขอคุยกับงามเป็นส่วนตัว งามยังคงน้อยใจแม่คำพูดของงามทำให้คุณหญิงอทิติเสียใจจนร้องไห้ งามใจอ่อนยอมเรียกแม่ว่าแม่ และเล่าเรื่องที่เธอเป็นงาม แสนหลวงผู้ยากจนไม่มีสกุลรุนชาติ กับเรื่องศิลามณีให้แม่ฟัง งามกลับถึงเชียงรัฐบ้านเกิด ได้ไปกราบอัฐิเจ้าพ่อที่กู่เจ้าในวัดสวนดอก ถ้อยคำอธิษฐานของเธอเศร้านัก เธอบอกเจ้าพ่อว่ากลับมาเชียงรัฐอย่างผู้แพ้

หวัง ที่สุดที่จะให้ความอบอุ่นจากเชียงรัฐเป็นเครื่องสมานหัวใจของเธอ เจ้าหญิงแสงฝางกราบคารวะอัฐิผู้เป็นบิดาด้วยน้ำตา เจ้าสายบดีพาเพื่อนคือ เจ้าชายกาวิล แห่งรัฐไชยาบุรีมารู้จักกับเจ้าแสงฝาง เจ้าชายกาวิลเพิ่งกลับจากฝรั่งเศสและมาท่องเที่ยวเชียงรัฐ เขารูปชั่วปานกับจรกา เจ้าชายกาวิลรักเจ้าแสงฝางทันทีที่เห็นและรู้ว่าแสงฝางมีคู่หมั้นแล้วชื่อ ภรต ราชเสนา ภรตบอกชาลีว่างามหายไปตั้งแต่วันรุ่งขึ้นที่ชาลีแต่งงาน และเธอลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว คำพูดและท่าทางเหมือนใกล้ตายของพี่ชายทำให้ชาลีถามว่าเขารักงามหรือ ภรตยอมรับว่าเขารักและต้องการแต่งงานกับงาม

อภิรดี ภวภูตานนท์  รับบท  เสมอใจภรต เล่าให้ชาลีฟังว่ามารดาเคี่ยวเข็ญให้แต่งงานกับลูกสาวของของคุณพระอายุศ ภรตขอศิลามณีไปคืนเชียงรัฐ เขาอยากหมดพันธะกับเจ้าหญิงแสงฝางเพื่อแต่งงานกับงาม ไม่แคร์แล้วว่างามจะเป็นใครมีหัวนอนปลายเท้าหรือไม่ ภรตจึงเขียนจดหมายถึงเจ้าหญิงแสงฝางขอยกเลิกการหมั้นและจะเอาศิลามณีไปคืน ที่เชียงรัฐ และขอพบเจ้าหญิงเพื่อเชิญไปงานแต่งงานของเขา เจ้าแสงฝางถือว่าจดหมายฉบับนี้เยาะเย้ยกันโดยตรง เธอรู้สึกว่าภรตดูถูกเธอ แล้วยังจะมาดูหน้าเธอถึงเชียงรัฐเยาะเย้ยกันอีกด้วย เจ้าแสงฝางจึงตัดสินใจแต่งงานกับเจ้าชายกาวิล ภรตเดินทางมาถึงเชียงรัฐขอพบเจ้าหญิงแสงฝาง

แต่เจ้าหญิงไม่อยู่ภรต จึงจะไปรอที่เชิงดอย ระหว่างทางมีรถจี๊ปคันหนึ่งแล่นเร็วมาก และรถของภรตแล่นสวนด้วยความเร็วมากพอกัน จึงหลีกกันไม่พ้นพุ่งชนกันอย่างแรง แสงฝางฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาลโดยไม่บาดเจ็บอะไรมาก พยาบาลบอกเธอว่าชายที่มากับรถอีกคันแขนหัก ศีรษะแตก แสงฝางจึงไปเยี่ยมชายคนนั้น เธอตกใจเมื่อเห็นว่าเขาคือภรต แสงฝางจัดการให้ภรตได้อยู่ห้องพิเศษ ภรตฟื้นมาเห็นงามด้วยความดีใจที่สุด เขาบอกว่าคิดถึงเธอใจแทบขาดและพยายามตามหาเธอ ภรตเล่าเรื่องที่เขาไปเชียงรัฐแต่ไม่พบเจ้าหญิงแสงฝาง งามโกหกภรตว่าเธอเป็นคนรับใช้ของเจ้าหญิงแสงฝาง

ภรตว่าเขาจะถอนหมั้น เจ้าหญิงมาแต่งงานกับคนใช้ งามช็อกไปเลยเธอไม่นึกฝันเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากภรต ภรตขอให้งามรอเขาหายป่วยแล้วเขาจะแต่งงานกับเธอ แต่งามปฏิเสธเธอเชิญภรตมาร่วมงามแต่งงานของเจ้าแสงฝางกับเจ้าชายกาวิล คุณหญิงอทิติตัดสินใจจะเปิดเผยความจริงเรื่องงาม แสนหลวงแก่ภรต ชาลีบอกว่าภรตไปเชียงรัฐเอาศิลามณีไปคืน คุณหญิงอทิติเปิดเผยกับชาลีและศศิว่างามเป็นลูกสาวของเธอ พ่อของงามคือเจ้าฟ้าแสนหลวงแห่งเชียงรัฐ งามคือเจ้าหญิงแสงฝางคู่หมั้นของภรต คุณหญิงอทิติเล่าสาเหตุที่เจ้าแสงฝางเข้ากรุงเทพฯ มาตามหาศิลามณีให้ชาลีและศศิฟังทั้งหมด

เจ้าชายกาวิลกลับมาพร้อมของ บรรณาการ และในวันงานขันโตกเจ้าสายบดียังบ่นไม่ชอบใจที่แสงฝางถือแต่ทิฐิจะแก้แค้นภรต สายบดีพาภรตไปนั่งกับเจ้าชายกาวิล กาวิลหงุดหงิดทันใดเมื่อสายบดีแนะนำว่าหนุ่มรูปงามผู้นี้คือ ภรต ราชเสนา และก็มีเสียงขานชื่อเจ้าหญิงแสงฝางแล้วผู้คนลุกยืนต้อนรับ ภรตรู้สึกเหมือนถูกใครควักหัวใจกระชากอย่างแรง เจ้าหญิงแสงฝางคู่หมั้นของเขานั้นคือ งาม แสนหลวง ชัดๆ และแวบหนึ่งที่เจ้าหญิงสบตาเขา ภาพความหลังต่างๆ ผุดพรายในความทรงจำ เธอมิใช่เพียงเป็นงาม แสนหลวง เธอยังเป็นแม่เลี้ยงสาวเจ้าของโรงงานผ้าไหมอีกด้วย

ภรตเพิ่งตาสว่าง วันนี้ ความรัก ความแค้น ความถือตัวทำให้เลือดในกายแล่นพล่าน คำบอกเล่าของงาม แสนหลวงที่ว่า เจ้าหญิงแสงฝางกับเจ้าชายกาวิลกำลังจะแต่งงานกัน ที่ทำให้ภรตดีใจว่าเขาจะเป็นอิสระได้แต่งงานกับหญิงอันเป็นที่รัก กลับกลายเป็นว่างาม แสนหลวงจับเขาเชิดเป็นเป็นหุ่นอย่างสนุกมือ ภรตบอกว่าจะกลับกรุงเทพฯ วันรุ่งขึ้น แสงฝางใจหาย จากนั้นทั้งตาทั้งใจของภรตว่างเปล่า ภรตได้พบกับเจ้าแสงฝางเป็นการส่วนตัว สองคนโต้กันด้วยใจที่เจ็บร้าวด้วยรัก ภรตเสียใจที่แสงฝางทำทุกอย่างเพียงเพื่อแก้แค้นเขา แสงฝางโต้อย่างเจ็บช้ำที่ภรตทำกับเธอ

เหยียดเธอเป็นพวกต่างเมืองกีด กันชาลีจากเธอ เขาต่างหากที่ตีราคาเธอต่ำจนเธอต้องสัญญากับตัวเองว่า เขาจะได้รับการตอบแทนจากเธอเช่นกัน ภรตว่าแสงฝางได้ตอบแทนเขาอย่างสาสมแล้ว การที่รู้ว่าผู้หญิงที่ตนรักกำลังจะแต่งงานกับชายอื่นทำให้เขาผิดหวังมาก แต่เขาก็ยินดีกับเธออย่างจริงใจ เขาสวมสร้อยศิลามณีให้แสงฝาง กระซิบฝากบอกงาม แสนหลวงว่าถึงอย่างไรเขาก็รักเธอเสมอแล้วเดินจากไป สายบดีเข้ามาบอกเจ้าแสงฝางว่าเขาบอกเจ้าชายกาวิลไปแล้วว่า แสงฝางกับภรตกำลังตกลงกันเรื่องวันแต่งงาน ก็หมั้นกันมาตั้งนานแล้ว แสงฝางทุบสายบดีฐานเจ้าอุบาย

ภรตอยู่ไปวันๆ ด้วยความเซ็ง ชาลีกับศศิมาบอกว่าวันนี้คุณหญิงอทิติพาลูกสาวมาไหว้คุณหญิงเสมอใจ ภรตงงว่าคุณหญิงอทิติมีลูกสาวที่ไหนอีก เมื่อภรตมาที่ห้องรับแขกเขาพบกับงาม แสนหลวง เขาตะลึงตัวชา งามเล่าให้ภรตฟังว่าเธอกลับมากรุงเทพฯ เพราะคุณหญิงอทิติส่งจดหมายไปบอกว่าป่วยมาก แต่เมื่อเธอมาถึงคุณหญิงไม่เป็นอะไรเลย คุณหญิงบอกว่าใช้วิธีนั้นเรียกงามมาเพื่อพางามไปกราบทำความรู้จักกับคุณหญิง เสมอใจ ภรตรู้ว่าแม่เขาพอใจงามขึ้นมาบ้าง เมื่อรู้ว่างามเป็นลูกนพพล พิทักษ์โล่พานิช  รับบท  เจ้าสายบดีสาว คุณหญิงอทิติ ต้องขอบคุณคุณหญิงอทิติที่ช่วยแก้ปัญหารักให้เขากับงาม ภรตชื่นใจยิ่งนักเขาบอกงามว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้อิสรีแต่งกับนพ.พิภพคราว นี้แล้วเลิกเป็นเพื่อนเจ้าสาวเสียที เก็บตัวไว้เป็นเจ้าสาวของเขาคนเดียว งามยิ้มรับอย่างอ่อนหวาน


รายชื่อนักแสดง

ภัทรพล ศิลปาจารย์ รับบท ภรต
สุวนันท์ คงยิ่ง รับบท เจ้าหญิงแสงฝาง ( งาม )
พูลภัทร อรรถปัญญาพล รับบท ชาลี
เปรมสินี รัตนโสภา รับบท ศศิ
ปภัสรา เตชะไพบูลย์ รับบท คุณหญิงอทิติ
สมภพ เบญจาทิกุล รับบท เจ้าฟ้าแสนหลวง
อภิรดี ภวภูตานนท์ รับบท เสมอใจ
ไพโรจน์ ใจสิงห์ รับบท เจ้าคุณพระยาเพชรายุทธ
นพพล พิทักษ์โล่พานิช รับบท เจ้าสายบดี
จตุรวิทย์ คชน่วม รับบท พันโทอติศักดิ์

ที่มา:http://movie.sanook.com/drama/drama_14828.php