ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์
- ความเป็นอัตโนมัติ(Self Acting)
- ความเร็ว(Speed)
- ความถูกต้องแม่นยำ(Accuracy)
- ความน่าเชื่อถือ(Reliability)
- การจัดเก็บข้อมูล(Storage Capability)
- ทำงานซ้ำๆได้อย่างอัติโนมัติ(Repeatability)
- การติดต่อสื่อสาร(Communication)
ช่วงปี ค.ศ. 1930 ถึงช่วงปี ค.ศ. 1940 เป็นช่วงที่โลกได้มีคอมพิวเตอร์ที่สามารถโปรแกรมได้และคำนวณผลลัพธ์ได้มี ประสิทธิภาพจริง แต่เป็นการยากที่จะตัดสินได้ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกENIAC (Electronics Numerical Integrator and Computer) เกิดขึ้นในปี1946 และประดิษฐ์โดยจอห์น ดับลิว มอชลีย์ (John W. Mauchly) และ เจ เพรสเพอร์ เอคเกิรต (J. Prespern Eckert) ทำงานโดยใช้หลอดสุญญากาศจำนวน 18,000 หลอด มีน้ำหนัก 30 ตัน ใช้เนื้อที่ห้อง 15,000 ตารางฟุต เวลาทำงานต้องใช้กำลังไฟถึง 140 กิโลวัตต์ คำนวณในระบบเลขฐานสิบ
คอมพิวเตอร์ (computer นิยมอ่านในภาษาไทยว่า คอม-พิ้ว-เต้อ) คือ เครื่องมือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความสามารถในการคำนวณอัตโนมัติตามคำสั่ง ส่วนที่ใช้ประมวลผลเรียกว่าหน่วยประมวลผล ชุดของคำสั่งที่ระบุขั้นตอนการคำนวณเรียกว่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นอาจเป็นได้ทั้ง ตัวเลข ข้อความ รูปภาพ เสียง หรืออยู่ในรูปอื่น ๆ อีกมากมาย
ลักษณะทางกายภาพของคอมพิวเตอร์นั้นมีหลากหลาย มีทั้งขนาดที่ใหญ่มากจนต้องใช้ห้องทั้งห้องในการบรรจุ และขนาดเล็กจนวางได้บนฝ่ามือ การจัดแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์สามารถจัดแบ่งได้ตามขนาดทางกายภาพเป็นสำคัญ ซึ่งมักจะแปลผันกับประสิทธิภาพความเร็วในการประมวลผล โดยขนาดคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเรียกว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ใช้กับการคำนวณผลทางวิทยาศาสตร์ ขนาดรองลงมาเรียกว่า เมนเฟรม มักใชัในบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องมีการประมวลผลธุรกรรมทางธุรกิจจำนวนมากๆ สำหรับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้ในระดับบุคคลเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่พกพาได้เรียกว่า คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ส่วนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สามารถวางบนฝ่ามือได้เรียกว่า พีดีเอ อย่างไรก็ตามคอมพิวเตอร์มีใช้กันอย่างกว้างขวางมาก ซึ่งมีอุปกรณ์หลายๆชนิดได้นำคอมพิวเตอร์ไปใช้เป็นกลไกหลักในการทำงาน เช่น กล้องดิจิทัล เครื่องเล่นเอ็มพีสาม หรือในรถยนต์เองก็มีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ช่วยในการตรวจสอบระบบการทำงานของเครื่องยนต์
ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์โดยรวมแล้ววัดกันที่ความเร็วการประมวลผล ซึ่งตามกฏของมัวร์ (Moore's Law) คอมพิวเตอร์จะเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเท่าทวีคูณในทุกปี
ตามร้านขาย "อาหารเจ" เราจะพบเห็นตัวอักษร คำนี้อ่าน "ไจ" (เจ) แปลว่า "ไม่มีของคาว" เขียนด้วยสีแดงบนพื้นสีเหลืองเสมอ ในช่วงเทศกาลกินเจเดือน 9 จะเห็นตัวอักษรนี้เขียนบนธงสีเหลือง ปักอยู่ตามแผงขายอาหารเจมองเห็นเป็นที่สะดุดตาแก่คนทั่วไป ชาวจีนถือว่าสีแดงเป็นสีแห่งสิริมงคลแก่ชีวิต สีเหลืองเป็นสีของผู้ทรงศีล ดังนั้นผู้ตั้งใจถือศีลบำเพ็ญตนให้บริสุทธิ์ ตัวอักษรนี้ย่อมเป็นเครื่องหมายเตือนสติให้ระลึกไว้เสอมว่า "การกินเจงดเว้นเนื้อสัตว์ของคาวคือ การปฏิบัติธรรม รักษาศีลของความเป็นมนุษย์ เป็นการเจริญมหาเมตตากรุณาธรรมโดยแท้ อันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และก่อให้เกิดสันติสุขแก่ทุกชีวิตบนโลก"
ที่มาของเทศกาลกินเจ
เทศกาลเจ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้ว ตามตำนานเล่าว่า เกิดมาในสมัยที่ชาวจีนถูกรุกรานโดยชนชาติแมนจู ซึ่งเข้าปกครองประเทศจีน และบังคับให้ชนชาติจีนยอมรับวัฒนธรรมของตน อาทิ การไว้ทรงผมเยี่ยงแมนจู คือ โกนศีรษะโล้นทางด้านหน้าและไว้ผมยาวทางด้านหลัง ซึ่งหลายคนคงจะชินตาในภาพยนตร์จีนที่นำมาฉายทางทีวี
ในสมัยนั้น มีคนจีนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันต่อต้านชาวแมนจู โดยใช้หลักทางธรรมเข้ามาร่วมด้วย ชาวจีนกลุ่มนี้ นุ่งขาว ห่มขาวและไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งมีความเชื่อว่า การประพฤติปฏิบัติตามแนวทางนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็ง ให้กับกลุ่มของตนจนสามารถต้านทานชาวแมนจูได้ คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า "หงี่หั่วท้วง" ซึ่งแม้จะได้ต่อสู้อย่างอาจหาญ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานการรุกรานของชาวแมนจูได้
เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของชาวแมนจู จึงพากันถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึงเหล่านักสู้ "หงี่หั่วท้วง" ที่ได้ต่อสู้พลีชีพในครั้งนั้น
ความเชื่อถืออีกกระแสหนึ่งของตำนานการกินเจนั้น เชื่อกันว่าเป็นการสักการะพระพุทธเจ้าในอดีต 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 ในพิธีกรรมนี้ สาธุชนจึงงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต หันมาบำเพ็ญศีล โดยการตั้งปณิธานในการกินเจ งดเว้นอาหารคาว เพื่อเป็นการสมาทานศีล 2 ประการ คือ
1. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาบำรุงชีวิตของตน
2. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเลือดของตน
3. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเนื้อของตน
สำหรับเมืองไทย ความเชื่อเรื่องการกินเจ เป็นไปในแนวทางของการละเว้นการเอาชีวิตของสัตว์ เพื่อเป็นสักการะบูชาแก่ พระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์กวนอิม อาจเนื่องจากการแพร่หลายของกการละเว้นการกินเนื้อวัว ในกลุ่มคนที่นับถือ "เจ้าแม่กวนอิม" การกินเจ จึงเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมเพื่อสักการะ
ความหมายของธงเจ
อักษรแดง บนพื้นเหลือง เขียนว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" สีแดงเป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคลในชีวิต ส่วนสีเหลืองเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตน "ถือศีล-กินเจ" ได้ตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน
การปฏิบัติตัวในช่วงเทศกาลกินเจ
เมื่อตั้งมั่นที่จะปฏิบัติศีลและกินเจ ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืนนี้แล้ว ก็ควรจะศึกษาข้อห้ามต่างๆ ที่บัญญัติไว้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตัว โดยทั่วไปแล้วจะมีข้อปฏิบัติดังนี้
งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์
งด นม เนย หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์
งดอาหารรสจัด หมายถึง อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก
งดผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด คือ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ รวมทั้งเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน
รักษาศีล 5
รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ให้คงที่
ทำบุญ ทำทาน บางคนที่เคร่งอาจนุ่งขาว ห่มขาว
สำหรับคนที่กิน เจอย่างเคร่งครัด นอกจากจะ "ถือศีล-กินเจ" แล้วยังต้องเลือกผู้ปรุงอาหารเจที่กินเจด้วย เพื่อให้ "อาหารเจ" นั้นบริสุทธิ์จริงๆ บางคนจะมีการคัดแยกภาชนะที่บรรจุอาหารหรือใช้ปรุงอาหาร แยกจากที่ใช้ใส่อาหารที่มีเนื้อสัตว์อย่างเด็ดขาด และในบางแห่งอาจพบว่ามีการจุดตะเกียงเก้าดวง ไว้เป็นเวลา 9 วันตลอดระยะเวลาการกินเจ เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณพ่อแม่ญาติพี่น้อง และเพื่อเป็นพุทธบูชา
| แห่ เชียร์ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ชูวิทย์ ได้เบอร์ 8 ชูสโลแกน คนกรุงเทพฯต้องรักกัน ด้าน อภิรักษ์ ได้เบอร์เบอร์ 5 ชูดึงคนกรุง 10 ล้านคนทำเมืองให้น่าอยู่ ส่วนกกต. ชวน คนกรุงใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯให้มาก (1ก.ย.) เวลา 8.00น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพวันแรกคึกคัก กองเชียร์ผู้สมัครแต่ละคนต่างยกขบวนเดินทางมาตั้งแต่เช้า โดยนาง ลีนา จังจรรจา ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัครอิสระ ชูสโลแกน ดร.แดนทำได้ ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.จากพรรคประชาธิปัตย์ ชูนโยบายกรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ ซึ่งทั้งหมดต่างได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน นาย พงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดฯกทม. ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร (ผอ.กต.ทถ.กทม.) กล่าวว่า ได้ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนขั้นตอนการรับสมัคร จะเริ่มตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.วันที่ 1 กันยายน โดยผู้สมัครต้อง ลงทะเบียนเวลา เพื่อแสดงความประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ณ โต๊ะลงทะเบียนบริเวณหน้าห้องรัตนโกสินทร์ หากผู้สมัครลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. จะถือว่ามาถึงสถานที่พร้อมกันทั้งหมด และเมื่อผอ.กต.ทถ.กทม.กล่าวเปิดการรับสมัครแล้ว จะเชิญผู้ประสงค์ลงสมัครที่ได้ลงทะเบียนไว้ก่อนเวลา 08.30 น. ทำความตกลงกันว่าผู้ใดจะสมัครก่อนหลัง หากตกลงกันไม่ได้จะใช้วิธี การจับสลาก 2 ครั้ง โดยจับสลากครั้งที่ 1 ผอ.กต.ทถ.กทม. เป็นผู้จับสลาก เพื่อให้ทราบว่าผู้ใดจะเป็นผู้มีสิทธิจับสลากก่อนหลัง ส่วนการจับสลากครั้งที่ 2 ผู้สมัครจะจับสลากหมายเลขประจำตัวผู้สมัครเพื่อใช้ในการหาเสียง ทั้งนี้ภายหลังทราบหมายเลขประจำตัวผู้สมัครแล้ว ผู้สมัครจะยื่นใบสมัครและดำเนินการรับสมัครตามขั้นตอนต่อไป นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ซึ่งลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า วันนี้มาสมัครคนเดียว เพราะคิดไว้ว่าไม่ควรที่จะนำคนมาเชียร์ หรือนำคนมามาก เพราะสถานการณ์บ้านเมืองต้องการความสมานฉันท์ ไม่ใช่ไปแสดงละครเหมือนเมื่อวาน ที่รัฐสภากลายเป็นโรงละคร ถ้าตนเป็นผู้ว่าฯกทม.จะรณรงค์ให้คนกรุงเทพฯรักกัน ผู้ว่าฯต้องพูดมให้ชัดเจนว่าอยู่ที่ใด เป็นตนก็จะพูดให้ชัดไม่หลบๆ ซ่อนๆ เด็ดขาด ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน กล่าวว่า ไม่อยากให้กระแสต่างๆมีผลกระทบการเลือกผู้ว่าฯกทม.สำหรับผู้สมัครทุก ท่าน ไม่อยากมองว่าเป็นคู่แข่งแต่ถือเป็นคนอาสามาทำงานเหมือนกัน ส่วนการจับสลากนั้น ถ้าได้เบอร์เดียวก็ช่วยให้คนจำได้ และอยากดึงการมีส่วนร่วมของประชาชน 10 ล้านคนมาช่วยกันทำกรุงเทพฯให้น่าอยู่ ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิทย์ กก ต. กล่าวว่า หลังจับสลากได้เบอร์แล้ว กองเชียร์จะต้องหยุด เพราะถือเป็นผู้สมัครแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีการร้องเรียนเหมือนที่ผ่านมา จึงขอให้ผู้สมัครระมัดระวังด้วย ส่วนการป้องกันการทุจริตนั้น เราได้จัดหน่วยป้องกัน และเปิดสายร้องเรียนที่ 1177 คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะให้ความสำคัญ และขอให้ประชาชนมาใช้สิทธิให้มากโดยไม่น้อยกว่าครั้งก่อน 65.2 % อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นคงไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ระดับชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการจับสลากหมายเลขผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.วันแรก ของผู้สมัครทั้ง 8 คน นายกิตติศักดิ์ ถิรวิศิษฐ์ ได้หมายเลข 1 นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศักดิ์ ได้หมายเลข 2 ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ ได้หมายเลข 3 นายวราวุธ ฐานังกร หมายเลข 4 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้หมายเลข 5 นายสุเมธ ตันธนาศิริกุล ได้หมายเลข 6 นางลีน่า จังจรรจา ได้หมายเลข 7 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้หมายเลข 8 |
