Friday, October 31, 2008

ประวัติวันลอยกระทง

ประวัติวันลอยกระทง

การลอยกระทงในเมืองไทย มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัย เรียกว่า การลอยพระประทีป หรือลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์รื่นเริงของประชาชนทั่วไป ต่อมานางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์สนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงเป็นรูปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม การลอยกระทงหรือลอยโคมในสมัยนางนพมาศ กระทำเพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่าแม่น้ำเนรพุทท อันที่จริงลอยกระทงเป็นประเพณีขอขมาธรรมชาติมาแต่ดึกดำบรรพ์ เพราะชาวบ้านทั่วไปรู้จากประสบการณ์ว่า ถึงเดือนสิบเอ็ด (หรือราวเดือนตุลาคม) น้ำจะขึ้นนองหลาก,พอถึงเดือนสิบสอง (หรือราวเดือนพฤศจิกายน) น้ำจะทรงตัวคือไม่ขึ้นไม่ลง,ครั้นเดือนอ้าย (หรือราวเดือนธันวาคม) ต่อเดือนยี่ (หรือราวเดือนมกราคม) น้ำจะลดลง

ตำนานเรื่องเล่า

    ประเพณีลอยกระทงนั้นมีมาแต่โบราณ โดยมีคติความเชื่อหลายอย่าง เช่น เชื่อว่าเป็นการบูชาและขอขมาแม่พระคงคา เป็นการสะเดาะเคราะห์ เป็นการบูชาพระเจ้าในศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการบูชารอยพระพุทธบาท เป็นต้น การลอยกระทงนิยมทำกันในวันเพ็ญ เดือน 12 ของทุก ๆ ปี อันเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำลำคลองขึ้นสูงและอากาศเริ่มเย็นลง ตามพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือน และตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้กล่าวว่า นางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระสนมเอกในพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย เป็นผู้ริเริ่มประดิษฐ์กระทงสำหรับลอยประทีปเป็นรูปดอกบัวบานขึ้น ซึ่งคนทั่วไปนิยมทำตามสืบต่อมา นอกจากนั้นในศิลาจารึกหลักที่ 1 ยังได้กล่าวถึง งานเผาเทียน เล่นไฟ ของกรุงสุโขทัยไว้ด้วยว่า เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้ผู้รู้ทั้งหลายสันนิษฐานต้องตรงกันว่า งานดังกล่าวน่าจะเป็นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน

    จังหวัดสุโขทัย กรมศิลปากร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงร่วมกันจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2520 เพื่อฟื้นฟูประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ในบรรยากาศของกรุงสุโขทัย เมื่อ 700 ปีให้กลับฟื้นคืนชีวิตมาอีกครั้งหนึ่ง

    ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.sukhothai.go.th/nid_fast1.htm

เพลง รำวงวันลอยกระทง

เพลง รำวงวันลอยกระทง

วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง
เราทั้งหลายชายหญิง
สนุกกันจริง วันลอยกระทง
ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง
ลอยกระทงกันแล้ว
ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง
รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง
บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ

วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง
เราทั้งหลายชายหญิง
สนุกกันจริง วันลอยกระทง
ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง
ลอยกระทงกันแล้ว
ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง
รำวงวันลอยกระทง รำวงวันลอยกระทง
บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ

อย่าเล่นประทัดกันรุนแรงนะครับ อันตรายมากมาย



Tuesday, October 28, 2008

ประวัติฮาโลวีน Halloween history

Halloween
วันฮาโลวีน เรามักจะคุ้นเคยเรียกกันเป็นภาษาปากว่า วันปล่อยผี ในวันดังกล่าวมักมีการจัดตกแต่งบ้านเรือน ร้านค้า โดยใช้ฟักทองที่คว้านเป็นรูปผี หรือใช้วัสดุอื่น ๆ ประดิษฐ์เป็นตัวผีหรือทำให้มีหน้าตาเป็นผีเพื่อสร้างบรรยากาศให้กลายเป็นงาน รื่นเริง วันฮาโลวันมีที่มาอย่างไร และเหตุใดจึงเรียกเช่นนั้นในเรื่องนี้ คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล แห่งราชบัณฑิตยสถาน ได้จัดทำคำอธิบายถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของ “ฮาโลวีน” ไว้ดังนี้
ใน คริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Evs ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่า ๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)

คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)
การสมโภชนัก บุญทั้งหลายเริ่มโดยสันตะปาปาโบนีเฟสที่ 4 (Boniface IV ครองอำนาจ ค.ศ. ๖๐๘–๖๑๕) โดยกำหนดวันที่ ๑๓ พฤษภาคมของทุกปี ตั้งแต่ ค.ศ. ๖๑๓ เป็นต้นมา สาเหตุเนื่องจากเป็นวันเปิดโบสถ์แพนทีอัน (Pantheon) อันเป็นโบสถ์สรรพเทพของชาวโรมันมาแต่เดิม และจักรพรรดิโฟกัส (Phocas) ยกให้เป็นของคริสต์ศาสนา ต่อมา สันตะปาปากรีโกรีที่ ๔ (Gregory IV ครองอำนาจ ค.ศ. ๘๒๗–๘๔๔) เปลี่ยนเป็นวันที่ ๑ พฤศจิกายน ตั้งแต่ ค.ศ. ๘๓๕ เป็นต้นมา
ชาวคาทอลิกขณะนั้นถือว่าวันฮาโลวีนมีความสำคัญคู่เคียงกัน กับวันคริสต์มาสและวันอีสเตอร์จึงเริ่มงานตั้งแต่วันก่อนหรือวันสุกดิบ ขณะนั้นเกาะอังกฤษยังรับอำนาจของสันตะปาปาอยู่ ชาวอังกฤษจึงรับนโยบายของสันตะปาปาไปปฏิบัติตาม
ประวัติ


วันที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่ชาว เคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค. นี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิง สู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป
โคมรูป ฟักทอง แจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์นบางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา "คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง" เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสต์กาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสต์กาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผี สิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป ประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกา สำหรับประเพณี ทริกออร์ทรีต (Trick or Treat แปลว่า หลอกหรือเลี้ยง) นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พ.ย. เป็นวัน 'All Souls' พวกเขาจะเดินร้องขอ 'ขนมสำหรับวิญญาณ' (soul cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาคก็ได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น
การเล่น trick or treat ตามบ้านคนส่วนตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช ที่กล่าวถึง แจ๊คจอมตืด ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้ และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ 'ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก' แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ็คตายลง เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรก ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อเอาไว้ปัดเป่าความหนาวเย็นท่ามกลางความมืดมิด และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้น ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ไฟในด้านใน อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง 'การหยุดยั้งความชั่ว' Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกาพบว่า ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน หัวผักกาดจึงกลายเป็นฟักทองด้วยเหตุผลฉะนี้
ประเพณีทริกออร์ทรีต ในสหรัฐอเมริกาคือการละเล่นอย่างหนึ่งที่เด็กๆ เฝ้ารอคอย ในวันฮาโลวีนตามบ้านเรือนจะตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทองและตุ๊กตาหุ่นฟางที่เป็น ส่วนหนึ่งของเทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยว (Harvest) ในช่วงเดียวกันนั้น แต่ละบ้านจะเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีขาวเหลืองส้มในเม็ดเดียว กัน เรียกว่า Corn Candy และขนมอื่นๆไว้เตรียมคอยท่า ส่วนเด็กๆ ในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซีเป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้าน โดยเน้นบ้านที่มีโคมไฟฟักทองประดับ (เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา) พร้อมกับถามว่า "Trick or treat?" เจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะตอบ treat ด้วยการยอมแพ้ มอบขนมหวานให้ภูตผี(เด็ก)เหล่านั้น ราวกับว่าช่างน่ากลัวเหลือเกิน หรือเลือกตอบ trick เพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาด ซึ่งก็อาจเป็นอะไรได้ ตั้งแต่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอน ไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็กๆ น้อยๆ แล้วอาจจบลงด้วยการ treat เด็กๆ ด้วยขนมในที่สุด
ที่มา:http://www.zheza.com/index.php?a=blog&b=entry&uid=164913&eid=13

เทศกาลฮาโลวีน

เทศกาลฮาโลวีน ( Halloween ) วันสุดท้ายของเดือนตุลาคม

เทศกาลฮาโลวีนเป็นเทศกาลวันหยุดที่มีขึ้นในวันสุดท้าย ของเดือนตุลาคมของทุกปี นานมาแล้วใน อังกฤษ เทศกาลนี้เป็นที่รู้จักกันว่าเทศกาล ออล ฮัลโลวส์ อีเวน หรือวันก่อนวันเซนต์ เป็นคืนซึ่งคนอังกฤษเชื่อกันว่า ภูตผีและวิญญาณจะปรากฏขึ้น

ปัจจุบันในอเมริกา เด็กๆ จะฉลองเทศกาลนี้โดยการแต่งตัวหลากหลาย ให้น่ากลัวเหมือนผี แม่มด หรือยักษ์ประหลาด และไปร้องเพลงหรือขอขนมตามบ้าน โดยเด็ก ๆ จะไปเคาะตามประตูบ้านข้างเคียง และเมื่อเจ้าของบ้าน มาเปิดประตูเขาก็จะตะโกนว่าจะให้เล่นหรือจะให้ขนม ในสมัยโบราณมีการกล่าวขาน กันว่าถ้าเด็กๆ ไม่ได้ขนมล่ะก็ เขาจะแกล้งเจ้าของบ้าน เช่นใส่ไข่ดิบในตู้จดหมาย ในคืนเทศกาล ฮาโลวีน คนส่วนใหญ่จะมีขนม เช่นลูกกวาด ข้าวโพดคั่ว หรือผลไม้ เตรียมไว้ให้เด็กๆ เพื่อจะไม่ต้องโดนผี(เด็กๆ)หลอก

สัญลักษณ์ของเทศกาลฮาโลวีน คือ แจ็ค โอแลนเทิร์น หรือโคมไฟ ซึ่งเป็นผลฟักทองที่คว้านไส้ ออกมาแล้ว และเจาะผลเป็นรูปหน้าตา แล้วก็เอาเทียนวางไว้ข้างในผลตรงกลางเพื่อที่ไฟจากแสงเทียนจะได้ส่อง ผ่านช่องที่ตัดไว้เป็นตา จมูก ปากและหน้า

ที่มา:http://www.chaowdee.com/news/news_061031/n061031.htm

Sunday, October 26, 2008

อันตราย! ดื่มน้ำเกินพิกัด

ดื่มน้ำ, กินน้ำ, น้ำ, ดื่มน้ำเกินพิกัด, น้ำเป็นพิษ, อันตรายจากการดื่มน้ำ



ควรดื่มวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 1,200 ซีซี

นาย สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุข 9 กรมอนามัย ในฐานะโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 2 ถูกรุ่นพี่ทำโทษโดยให้ดื่มน้ำจนจุกแน่นหมดสติ ต่อมาเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ว่า

ร่างกายประกอบด้วยน้ำร้อยละ 70

ถือ ว่าน้ำเป็นสารอาหารจำเป็นสำหรับร่างกายร่วมกับอาหารทั้ง 5 หมู่ ร่างกายควรได้รับน้ำสะอาดวันละ 1,200 ซีซี หรือ 8-10 แก้ว หากดื่มน้ำน้อยกว่านี้ อาจเกิดภาวะสูญเสียน้ำถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น ร่างกายต้องได้รับน้ำอย่างเหมาะสม โดยน้ำต้มสุกมีความสะอาดที่สุด ส่วนน้ำดื่มบรรจุขวดควรเลือกที่มีตรา อย.

ด้าน รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล

สถาบัน วิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ร่างกายได้รับน้ำปริมาณมากในเวลารวดเร็วทำให้เกิดภาวะน้ำเกินหรือน้ำเป็นพิษ เนื่องจากทำให้น้ำในเซลล์และนอกเซลล์ขาดความสมดุลกัน ส่งผลให้น้ำในเลือดสูง ความเข้มข้นของเลือดลดลง

ทำให้ร่างกายต้องปรับระบบให้สมดุล

โดย ขับแร่ธาตุโปแตสเซียมออกจากเซลล์เพื่อปรับความสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอก เซลล์ อาการเตือนเมื่อเกิดภาวะแร่ธาตุโปแตสเซียมไม่สมดุลคือ เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็ง อ่อนหมดแรง ถ้าเกิดการเกร็งในสมอง ปอด หัวใจ ทำให้ระบบทางเดินหายใจ

ดื่มน้ำ, กินน้ำ, น้ำ, ดื่มน้ำเกินพิกัด, น้ำเป็นพิษ, อันตรายจากการดื่มน้ำ



รศ.ดร.ประไพศรี กล่าว

“ปริมาณ น้ำมาก ๆ ที่ร่างกายรับเข้าไปจนเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ บอกชัดเจนไม่ได้ ถ้าคนดื่มน้ำเองสมองจะบอกว่า อิ่มแล้ว เริ่มจุก แต่การบังคับให้ดื่มน้ำ ถ้าเริ่มอ่อนเพลีย เกร็ง ถ้าหยุดรับน้ำเพิ่ม ร่างกายจะขับน้ำออก การดื่มมาก ๆ แต่ช้า ๆ ไม่เป็นอันตราย ไตขับน้ำออกทางปัสสาวะได้

ถ้าโหมใส่เข้าไปมาก ๆ เกินร้อยละ 10

ของ ปริมาณที่ร่างกายได้รับปกติมีโอกาสเกิดได้ แต่ว่าพบได้น้อยมากที่ดื่มน้ำมาก ๆ เร็ว ๆ แล้วเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ” รศ.ดร.ประไพศรี กล่าวและว่า ภาวะน้ำเป็นพิษ มีอาการเตือนคือ กล้ามเนื้อเกร็ง ตะคริว ส่วนภาวะแห้งน้ำหรือร่างกายขาดน้ำนั้น เป็นภาวะที่โปแตสเซี่ยมออกจากเซลล์พบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่ไม่ค่อยดื่มน้ำ


www.sanook.com

บีบีซีคาดโอกาสน้อยส่งตัว ทักษิณ กลับไทย

สำนักข่าวบีบีซีวิเคราะห์โอกาสน้อยอังกฤษส่งตัว ทักษิณ กลับมาเพื่อดำเนินคดีในไทย ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
สำนักข่าวบีบีซีเสนอรายงานในหัวข้อ "Will Thaksin be extradited?" โดยระบุว่าอัยการของไทยมีความตั้งใจนำตัว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน กลับจากอังกฤษ เพื่อรับเผชิญข้อกล่าวหาต่างๆและรับโทษจำคุก โดย มิชาเอล โอบี ผู้สื่อข่าวของบีบีซีแสดงทัศนะถึงกรณีที่อังกฤษจะยอมส่งตัวเขากลับสู่ประเทศไทยหรือไม่

มิชาเอล โอบี ระบุว่า ทักษิณ ชินวัตรและพจมาน ภรรยาของเขา อาศัย อยู่ในอังกฤษตั้งแต่เดือนสิงหาคมหลังหนีประกันมาจากประเทศไทย โดยทั้งสองคนถูกพิพากษาจำคุกและมีอีกหลายคดีที่ยังไม่ตัดสินชัดเจนว่าเขาไม่ เร่งรีบกลับบ้านเพื่อเผชิญคำตัดสิน แต่อัยการไทยคิดอีกอย่างและเวลานี้กำลังรวบรวมหลักฐานเสนอต่อรัฐบาลอังกฤษ เพื่อขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้สองประเทศมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนตั้งแต่ปี 1911 แต่กระบวนการนี้ต้องใช้เวลายาวนานและจุกจิก

กรณีคำขอจะประสบความสำเร็จได้ ศาลอังกฤษต้องเห็นพ้องว่าความผิดทางอาญาของทักษิณ เป็นความผิดที่ขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ ตามกฎหมายประเทศอังกฤษ แต่ถ้าคำขอดังกล่าวถูกพิจารณาว่าเป็นความพยายามนำตัวเขาไปลงโทษทางการเมือง การส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะมีอุปสรรคทันที

คลิฟ นิโคลล์ส ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนระบุ ว่าไทยสามารถขอความช่วยเหลือจากสำนักงานอัยการอังกฤษในการร่างคำขอเพื่อ พยายามข้ามผ่านอุปสรรคดังกล่าว แต่มีปัจจัยอื่นๆอีกที่ศาลจะพิจารณา ซึ่งรวมไปถึงกรณีที่คดีนี้มีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ตามที่ทักษิณกล่าว อ้าง

"หากมันปรากฏว่าคำขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อเป็นการส่งโทษเขาทางการเมือง การส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะถูกขัดขวาง" นิโคลล์ส กล่าว

ทางการอังกฤษจะพิจารณาด้วยว่า ทักษิณ จะได้รับการพิจารณาคดีที่ยุติธรรมหรือไม่และมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะพิจารณาคดีใหม่หรือคัดค้านคำตัดสินหากว่าเขากลับไป

ศาสตราจารย์ เจฟฟ์ กิลเบอร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนและสิทธิมนุษยชนจากมหาวิทยาลัยเอส เซก ระบุว่าสิทธิการอุทธรณ์อันจำกัดอาจถูกนำเข้าสู่การตัดสินใจของศาลผู้ร้ายข้ามแดนเช่นกัน

ทักษิณ มีเวลายื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน หลังคำตัดสินของศาลเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ทั้งนี้ทนายความของไทยกล่าวว่า ทักษิณ ต้องยื่นอุทธรณ์ภายใต้หลักฐานพยานใหม่หรือข้อเท็จจริงของคดีที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้เท่านั้น

บีบีซีระบุว่าศาลอังกฤษอาจปฏิเสธคำขอส่งตัวทักษิณกลับ หากศาลพิจารณาว่าสิทธิมนุษยชนของเขาอาจถูกละเมิดด้วยการส่งตัวเขาเข้าคุก ซึ่งโดยปกติแล้วสถานคุมขังของไทยมีสภาพที่ย่ำแย่ แออัด ขาดแคลนอาหารและสุขอนามัย แต่หากศาลอังกฤษ ตัดสินใจส่งตัวทักษิณกลับ เขาอาจยื่นเรื่องไปยังศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปต่อไปอีก

กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนยืด เยื้อยาวยาน กิลเบอร์ตกล่าว โดยทั่วไปแล้วต้องใช้เวลากว่า 5 ปี เรื่องถึงจะไปสู่ศาล แต่หากมีการดำเนินการอย่างเร่งรวดก็สามารถร่นเวลาได้

ที่มาwww.sanook.com

Wednesday, October 15, 2008

เอมี่ - อาเมเรีย จาคอป

เอมี่ - อาเมเรีย จาคอป
หลังจากคว้าตำแหน่ง มีสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 มาครอง ผลงานของ เอมี่ - อาเมเรีย จาคอป ก็ยังไม่มีออกมาให้ได้ชมกันมากเท่าไหร่ ส่วนมากจะเป็นแค่การถ่ายแฟชั่นให้กับหนังสือทั่วไปเท่านั้น แต่ล่าสุดเมื่อเจ้าตัวต้องมารับบท เมงกาเลีย และ กาสะลอง ในละครเรื่อง ธิดาวานร ซึ่ง เป็นละครเรื่องแรก แถมยังต้องมารับบททาร์ซานสาว เข้าฉากกับสัตว์มากกว่าคนซะอีก ทำเอาเจ้าตัวถึงกับเครียด กังวลว่าจะแสดงออกมาได้ไม่สมจริง ที่ไหนได้หลังจากละครออกอากาศไปได้เพียงไม่กี่ตอน ตอนนี้ทาร์ซานสาว เอมี่ กลายเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะแฟนคลับรุ่นเด็กๆ ที่ติดละครเรื่องนี้กันงอมแงม

เอมี่ - อาเมเรีย จาคอปเอมี่ - อาเมเรีย จาคอป


ละครออกอากาศไปแล้วเป็นยังไงบ้างค่ะ ?

  • ฟีด แบ็กดีมากเลยค่ะ ที่เอมี่ทราบเพราะว่ามีเด็กๆ แวะมาที่สวนสัตว์ที่เอมี่กำลังถ่ายละครอยู่ แล้วก็เรียกเอมี่ว่า แม่มาๆ คือตอนนี้ละครของเอมี่จะถ่ายไปออกอากาศไป เอมี่ไม่มีโอกาสไปเช็กผลงานด้วยตัวเอง จะมีเพื่อนๆ โทร.มาบอกว่าดีมากเลยนะ เล่นได้ดีมาก เหมือนคนป่าจริงๆ ( หัวเราะ ) ได้ฟังแบบนี้ก็เลยดีใจค่ะ อย่างที่ภูเก็ตคุณแม่ของเอมี่เป็นเจ้าของโรงแรมใช่ไหมคะ พอตอนค่ำๆ คุณแม่ก็จะเปิดละครเรื่องนี้ตลอด พอลูกค้าถามว่าทำไมเปิด คุณจะบอกว่านี่ลูกสาวเล่นอยู่ เป็นยังไงบ้าง คุณแม่จะคอยเช็กฟีดแบ็กมาเล่าให้เอมี่ฟังอีกที เพราะว่าเอมี่กับคุณแม่จะโทร.คุยกันทั้งวัน

    จากที่กดดันตอนนี้ขึ้นไหมค่ะ ?

  • ตอน นี้ก็เริ่มเข้าที่แล้วค่ะ จะมีเรื่องภาษา คือเอมี่พูดภาษาไทยภาคกลางไม่ชัด ถนัดภาษาใต้มากกว่า เพราะเอมี่โตที่ใต้ด้วย ตอนนี้พยายามฝึกพูดอยู่ค่ะ แต่กับเรื่องนี้ดีตรงที่ไม่ค่อยได้พูด ( หัวเราะ ) แต่จะยากตรงเรื่องการแสดง คือเป็นเรื่องแรกด้วย แล้วบทก็ค่อนข้างจะยาก คือเป็นสาวป่าที่พูดภาษาคนไม่ได้ ที่ลอร์ดจะแนะนำว่าให้สื่อออกมาทางตาให้มากที่สุด ยิ่งเวลาเข้าฉากกับ บูบู้ ( แม่ลิง ) ถ้าไม่แสดงออกทางตา คนดูจะไม่เข้าใจค่ะ

    ต้องแสดงกับสัตว์เยอะ แถมใกล้ชิดด้วย ไม่กลัวเหรอค่ะ ?

  • ใน เรื่องมีเข้าฉากกับ บูบู้ ( แม่ลิง ) เยอะที่สุดค่ะ แต่ก็จะมีเข้าฉากกับนก แล้วก็ช้างด้วย อย่างบูบู้ไม่กลัวนะ คือรู้ว่าเค้าอยู่กับคนบ่อย ไม่ทำร้ายก็เลยไม่กลัว กล้าเล่น เค้าเองก็ฟังภาษาของคนรู้เรื่องนะ คือบอกให้ทำอะไรก็ทำ น่ารักมาก นกนี่ไม่มีปัญหาเลย แต่กับช้างก็มีกลัวเหมือนกัน โดยเฉพาะที่ต้องเข้าฉากเวลากลางคืน คือเหมือนเค้าจะง่วง อยากจะนอนแล้ว พอให้เค้ามาถ่าย เวลาสั่งอะไรเค้าจะไม่ยอมทำตาม เอมี่กลัวเค้าหงุดหงิดเหมือนกัน เพราะเอมี่ต้องขี่เค้า กลัวเค้าจะดุขึ้นมา

    ขี่ช้างได้แผลบ้างไหมเนี่ย ?

  • ไม่ เท่าไหร่นะคะ เอมี่จะใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างในตลอด คือขนช้างมันแข็ง แต่พี่ๆ เค้าจะให้เอมี่ขี่ตรงคอ ซึ่งตรงนั้นขนมันจะน้อยหน่อย ก็เลยไม่เป็นไรค่ะ แต่แผลน่ะเอมี่จะได้จากเกี่ยวกับต้นไม้บ้าง เถาวัลย์บ้างมากกว่า ตอนนี้ก็เต็มขาไปหมดแล้วค่ะ ( หัวเราะ ) ต้องคอยทายากันแผลเป็นไว้ นี่ตอนนี้ก็ใส่กางเกงขาสั้นไปเที่ยวไม่ได้ค่ะ เพราะแผลเยอะมาก แต่ยังโชคดีที่ไม่มีแผลใหญ่ๆ มีแต่รอยขีดข่วนเท่านั้น เต็มขาไปหมดแล้ว

    แบบนี้ไม่กลัวผิวเสียเหรอค่ะ ?

  • กลัว ค่ะ เลยต้องบำรุงบ้าง แต่ก็ไม่มากอะไร แค่ทาครีมบำรุงปกติ อย่างในเรื่องต้องทาตัวดำด้วย เวลาถ่ายเสร็จเอมี่ก็จะรีบอาบน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำครึ่งชั่วโมงค่ะ เพื่อล้างสีดำออก ดีที่ล้างด้วยสบู่สีก็ออกแล้วค่ะ อย่างเรื่องหน้าเอมี่ไม่กลัวโทรมนะ ถึงเรื่องนี้จะถ่ายไปออกอากาศไป บางวันตื่น 7 โมงเช้า ถ่ายเสร็จตี 3 กว่าจะนอน เดี๋ยว 7 โมงก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานอีก หน้ามันก็โรยบ้างเพราะว่ามันก็เหนื่อยนะ แต่ในเรื่องเอมี่เป็นคนป่าไง หน้าไม่ต้องสวย เพราะฉะนั้นก็เลยไม่กังวลว่าจะไม่สวย ( หัวเราะ ) ส่วนเรื่องผมเนี่ยก็สวมวิกค่ะ เวลาถ่ายตอนกลางวันมันร้อนก็มีคันๆ บ้างนะ แต่ไม่เป็นไร สู้ค่ะ

    ตอนนี้ยังกังวลเรื่องอะไรอยู่บ้างค่ะ ?

  • ก็ คงเป็นเรื่องภาษา อย่างที่บอกว่าเอมี่พูดไทยไม่ชัด แล้วก็เรื่องบทที่ต้องร้องไห้ค่ะ คือเอมี่เป็นคนร้องไห้ยาก เวลาเข้าฉากต้องร้องไห้ เค้าจะบอกให้คิดเรื่องเศร้าๆ ใช่ไหมคะ แต่กับเอมี่ไม่ได้ทำแบบนั้น ของเอมี่เนี่ยคือพอเข้าฉากแล้วร้องไห้ไม่ได้ มันกดดันนะคะ สุดท้ายมันก็ร้องไห้ออกมาเองเลย เพราะกดดันที่ตัวเองต้องร้องไห้ กลัวร้องไม่ได้ กลัวทำให้คนอื่นช้า น้ำตามันก็ไหลออกมาเองเลย

    แล้ว พี่นิว - วงศกร ช่วยแนะนำเอมี่เรื่องไหนบ้าง ?

  • พี่ เค้าจะให้กำลังใจมากกว่าค่ะ คือบอกว่าให้ตั้งใจนะ ทำไปเลยเต็มที่ไม่ต้องกังวล คิดว่าทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ พี่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่นิวเป็นคนน่ารักค่ะ คือไม่เคยแกล้งเอมี่นะ มีแต่เอมี่ไปแกล้งพี่เค้าบ้าง ( หัวเราะ ) แกล้งเอาบูบู้มาเต้น แล้วก็เต้นตาม พี่เค้าก็ขำๆ ค่ะ

    เรื่องต่อไปเอมี่อยากลองเล่นแบบไหนค่ะ ?

  • เอ มี่มีเรื่องนี้เรื่องเดียวค่ะ ตอนนี้นะ แต่ถ้ามีโอกาสได้แสดงเรื่องใหม่ เอมี่อยากได้บทแบบสาวแก่นๆ ซนๆ ไม่เอาแบบเรียบร้อยค่ะ เพราะว่าเอมี่เป็นคนซนๆ นะ คือถ้าได้เล่นบทแบบนั้นมันจะใกล้ตัวเอมี่มากกว่า คิดว่าน่าจะเล่นแล้วออกมาได้ดีค่ะ ถ้าเป็นบทเรียบร้อยคงจะยากมากค่ะ มันไกลตัว ( หัวเราะ ) แต่ตรงนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ด้วยค่ะ ว่าจะให้โอกาสเอมี่แบบไหน แต่ถ้าได้รับไม่ว่าบทอะไรเอมี่ก็จะตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ

    เพราะต้องถ่ายละครตลอด กับเรื่องเรียนล่ะค่ะ ?

  • ตอน นี้เอมี่เรียนคณะศิลปะศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัยรังสิตค่ะ เพิ่งเรียนปี 1 นี่ก็ไม่ได้เข้าเรียนตามเพื่อนหรอก เพราะมาถ่ายละคร เอมี่กำลังจะคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาค่ะ ว่าจะขอเข้าสอบ ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง คือเอมี่ไม่คิดจะดร็อปเรียนนะคะ ไม่ว่าจะยังไงก็คงต้องเลือกการเรียนไว้ก่อน ถ้ามีงานก็ทำไปด้วยแต่จะไม่ทิ้งเรื่องเรียนค่ะ

    ฝากผลงานกันหน่อยค่ะ ?

  • อยาก ให้มีคนดูละครเยอะๆ ค่ะ ตอนนี้ละครกำลังออกอากาศอยู่ เอมี่ตั้งใจเล่นมาก แล้วเนื้อเรื่องละครก็สนุกนะคะ อยากให้แฟนๆ ติดตาม เพราะละครจะมีเรื่องให้ลุ้นไปเรื่อยๆ อีกอย่างหนึ่งละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เอมี่ตั้งใจมากที่สุด อยากให้ช่วยติชมกันด้วยนะคะ




    สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย
    www.sanook.com

    โน้ต เชิญยิ้ม ปลื้มหลวงพี่เท่ง 2 วิ่งสู่ 100 ล้าน

    โน้ต เชิญยิ้ม ปลื้มหลวงพี่เท่ง 2 วิ่งสู่ 100 ล้าน
    หลวงพี่เท่ง 2
    โน้ต หวังดึง แบงค์ แคลซ เล่นหลวงพี่เท่ง ภาค 3


    ปล่อย หนัง หลวงพี่เท่ง 2 รุ่นฮาร่ำรวย ลงจอมาอาทิตย์กว่าๆ ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่ยุ่งเหยิง แต่รายได้กลับพุ่งฉลุยเกือบร้อยล้าน งานนี้ผู้กำกับฯ โน้ต เชิญยิ้ม หรือ บำเรอ ผ่องอินทรีย์ ได้แต่ยิ้มหน้าบาน

    ผมดีใจมากกับรายได้ของ หลวงพี่เท่ง 2 ที่จะเหยียบร้อยล้านแล้ว ดีใจแทนค่ายพระนครฟิลม์ พูดง่ายๆ คือ เฮียจุ้ย (ธนพล ธนารุ่งโรจน์) เป็นคนให้เงินมาทำหนัง แล้วการทำงานของผมคืออยากสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้บริหารที่ไว้ใจผมด้วย วันแรกที่หนังเข้าฉายผมลุ้นมากถึงขั้นไม่สบาย แต่พอทราบตัวเลขรายได้ก็โล่งอกไปเยอะ ผมโชคดีด้วยแหละที่ได้ทีมงานดี

    แถมนี่ก็ยิ่งดีใจ หนังภาค 2 ส่วนใหญ่นักแสดงจะเซ็ตเดิม แต่นี่เราเปลี่ยนนักแสดงหลัก แล้วภาคแรก เท่ง เถิดเทิง เล่นเอาไว้ดีมาก พอมาภาคนี้ไม่ได้เท่งมาแสดง แต่มาลงตัวที่ โจอี้ บอย ปรากฏ ผลตอบรับไม่แพ้กัน ส่วนหนึ่งคงเพราะความเด่นของหนังต่างกัน ภาคแรกได้เท่งที่เป็นสุดยอดตลก ส่วนภาคนี้ได้คนที่ไม่คิดว่าจะเล่นบทนี้มาเล่น คนดูเลยให้ความสนใจ

    กระแสดีอย่างนี้ แสดงว่า หลวงพี่เท่ง 3 ที่จะจับ เท่ง เถิดเทิง ประกบ โจอี้ บอย จะ มีให้เห็นแน่ๆ หนัง หลวงพี่เท่ง 3 คงมีแน่ เพราะเฮียจุ้ยอนุมัติงบแล้ว แต่ผมขอเวลาปีนึง ตอนนี้จึงยังไม่สรุปอะไร อยากหาข้อมูลให้เยอะๆ เพื่อดูว่าเอาอะไรมาใช้ในหนังได้บ้าง ส่วนเรื่องจะเอา เท่ง เถิดเทิง กับ โจอี้ บอย มาคู่กัน ผมก็ภาวนาอยู่ ถ้าเป็นไปได้จะดีมาก มันคงมีอะไรให้ทำเยอะ แล้วก็มีคิดไว้เล่นๆ ว่าอยากจับ แบงค์ วงแคลช มาโกนหัวเป็นพระด้วย แต่ทุกอย่างเป็นแค่ความคิด ยังไม่ได้วางอะไรแน่นอนครับ


    ข้อมูลจาก:www.sanook.com

    Tuesday, October 14, 2008

    ฮวงจุ้ยห้องนอนเพื่อรักยืนยาว

    ฮวงจุ้ยห้องนอนเพื่อรักยืนยาว
    การจัดห้องนอนมีผลต่อ ‘ความรัก’ และ ‘การครองคู่’ อยากให้รักแนบแน่น ชีวิตคู่ยืนนาน จัดฮวงจุ้ยห้องนอนให้ส่งเสริมกันดีกว่า

    ห้องนอน, ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยห้องนอน



    1. เตียงนอน ควรใช้เตียงที่ทำจากไม้ เพราะ เตียงนอนที่ทำจากโลหะนั้น เป็นสื่อนำไฟฟ้า ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของคุณ และพยายามนำเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือ ออกห่างจากเตียงของคุณ

    2. แสงภายในห้อง ไม่ควรจะสว่างจ้าเกินไป (หยาง) หรือสลัวทึมเกินไป (หยิน) และอย่าลืมเรื่องเสียงรบกวนด้วย เพราะจะทำให้คุณและคู่รักหงุดหงิดได้

    3. ถ้าห้องนอนของมีหน้าต่างกระจกใส ที่ สามารถชมวิวสวยๆ นอกบ้านได้ ไม่ควรวางเตียงติดหรือใกล้กระจกมากเกินไป แม้ว่าคุณอยากจะนอนชมวิวภายนอกใจจะขาด เพราะพลังที่ผ่านเข้ามาจากภายนอก แม้จะไม่ทำให้คุณกับเขามีเรื่องมีราวถึงกับต้องเลิกรากัน แต่ก็จะส่งผลให้นอนไม่หลับหรือฝันร้ายอยู่เรื่อยๆ

    4. ใต้เตียงนอน ไม่ ควรเอาของที่ไม่ใช้แล้วไปเก็บไว้ โดยเฉพาะของที่แตกหักยับเยินห้ามเด็ดขาด! แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ไม่มีที่จะไว้ของแล้ว ก็ให้เลือกเก็บแต่ของใหม่ๆ ที่สำคัญต้องจัดให้เป็นระเบียบ ถ้าใต้เตียงรกมากๆ หรือเก็บของหักๆไว้ จะทำให้คุณหรือหวานใจมีสุขภาพไม่แข็งแรง แถมยังมีปากเสียงกันได้บ่อยๆ ด้วย

    5. หน้าต่างห้องนอน ควร ใช้ม่านบังตามากกว่ามู่ลี่กันแดดที่ดูแข็ง ไม่มีความพลิ้วไหวเหมือนกับผ้า เพราะห้องนี้ต้องการบรรยากาศที่นุ่มนวล ไม่ใช่ความเป็นงานเป็นการมากนัก เชื่อกันว่าถ้าใช้ม่านบังตาติด จะช่วยเสริมโชคเรื่องความรัก

    6. หาแจกันดอกไม้ มาวางไว้ในห้องนอนสักหนึ่งอัน หรือ จะเป็นกระถางต้นไม้ก็ได้ กระถางควรเป็นสีขาว ส่วนต้นไม้ให้เป็นสีแดงหรือสีชมพู จะช่วยเพิ่มพลังรักให้แข็งแรงมากขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการนำต้นไม้ใหญ่ไว้ในห้องนอน

    ห้องนอน, ฮวงจุ้ย, ฮวงจุ้ยห้องนอน

    7. หัวเตียงและผนังด้านหัวเตียง สามารถออกแบบให้สวยงามได้ ถ้าเตียงตั้งตรงกับประตูทางเข้าห้องนอน ให้แขวนคริสตัลไว้ระหว่างเตียงและพื้นที่ส่วนนั้น

    8. อย่าหันหัวเตียงไปทางห้องน้ำเป็นอันขาด ดวงความรักที่กำลังรุ่งโรจน์อาจจะจะพุ่งลงเหวได้ง่าย เพราะจะต้องมีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันไม่หยุดหย่อน

    9. ไม่ควรหันปลายเท้าให้กับประตูห้องนอน เพราะ เป็นสัญลักษณ์การนอนของคนตาย ไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง หากปลายเตียงหันไปทางประตูห้องนอนพอดี จะมีเรื่องเดือดร้อนใจในครอบครัว สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง อาจมีคนเจ็บป่วยอยู่เรื่อยๆ ความอบอุ่นในบ้านจะลดน้อยลง ถ้าสุดจะเลี่ยง ก็ให้แก้ไขง่ายๆ ด้วยการติดกระจกบานเล็กๆไว้ที่ปลายเตียง เพื่อสะท้อนพลังอันเลวร้ายออกไป

    10. พื้นห้องนอนควรเป็นสีพื้นเรียบๆ อาจ มีลวดลายสบายตาได้บ้าง แต่สีพื้นสีเดียวไปเลยจะดีที่สุด หากปูพรม อย่าเลือกพรมที่มีลวดลายฉวัดเฉวียนน่าเวียนหัว เพราะจะส่งผลให้ความรักของคุณวุ่นวาย

    11. อย่าใช้ผ้าห่มสีขาว เพราะ หากนำมาคลุมร่าง จะเหมือนกับสัญลักษณ์ของคนตาย ผ้าปูที่นอนสีขาวแม้จะดูสะอาดสะอ้าน แต่ก็ไม่เหมาะกับห้องนอนนัก สีขาวโพลนจะส่งผลให้พลังความรักกระจัดกระจาย เลือกผ้าปูที่นอนที่มีสีจะดีกว่า

    12. หาผ้าที่ทอด้วยด้ายสีทองหรือผ้าที่เป็นสีทองวางไว้บนเตียง เนื้อผ้าที่ส่องประกายแวววาว จะช่วยให้คุณสร้างบทรักบนเตียงได้ละเมียดละไมหวิวไหวยิ่งขึ้น

    13. ถ้าช่วงไหนอารมณ์ร้อน อาจจะจากเรื่องงาน เรื่องเพื่อน จนพานโมโหคนรักบ่อยๆ ให้หาชามสวยๆ ใส่ก้อนหินหรือคริสตัลวางไว้ใต้เตียงนอน จะช่วยทำให้อารมณ์เย็นลง

    14. อยากให้ความรักของคุณมั่นคง ให้หาหินควอตซ์ สีขาวใส ก้อนใหญ่พอประมาณ มาวางไว้ใต้เตียง

    15. อย่าติดหลอดไฟที่ให้แสงส่องเป็นลำลงมาที่เตียงเป็นอันขาด เพราะ ความรักของคุณจะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งเหยิง น่าปวดหัว ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้แขวนสร้อยลูกปัดที่ปลายเตียง เพื่อซึมซับพลังงานที่ขัดแย้ง

    16. หากคุณกำลังกังวลว่าเขากำลังจะมีกิ๊กหน้าใส ให้ เปลี่ยนม่านหน้าประตูห้องนอน เป็นม่านที่ร้อยด้วยลูกปัด เชื่อกันว่าลูกปัดจะช่วยเก็บพลังงานรักให้อยู่เป็นที่เป็นทางไม่วอกแวกไปที่ อื่น

    17. หากเตียงนอนอยู่กึ่งกลางระหว่างประตูสองด้าน เช่น ประตูเข้าห้องและประตูห้องน้ำ ให้ย้ายตำแหน่งของเตียง หรือไม่ก็หาฉากสวยๆ มากั้น เพื่อให้พลังงานความรักนั้นรวมกันเป็นหนึ่ง
    http://horoscope.sanook.com/fengshui/fengshui_02179.php

    Sunday, October 12, 2008

    สมชาย ส่งสัญญาณ ยุบ-ออก หลังได้ ส.ส.ร.3

    ข่าว
    ข่าว
    ข่าว
    ข่าว
    สมชาย ส่งสัญญาณ ยุบ-ออก หลังได้ ส.ส.ร.3

     สมชาย วงศ์สวัสดิ์


    สถานการณ์ทางการเมือง ที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบ โดยเฉพาะล่าสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ออกมาย้ำให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น

    ล่าสุดเมื่อวานนี้ (11 ตุลาคม) นายสมชาย กล่าวถึงกรณีนี้ว่า รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดคือ 1. คณะกรรมการอิสระเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีตำรวจสลายผู้ชุมนุม จะนำคนกลางที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองมาเป็นประธานสอบ 2. คณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ จะมาดูภาพรวมทั้งหมดอย่างทั่วถึง เท่าเทียมกันตามความเป็นจริง อาจใช้คนของรัฐบาลได้

    นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตนพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุด จะไปโทษว่าใคร ผิดใครถูก ก็เหมือนทำให้ทะเลาะกัน ตนไม่ชอบบรรยากาศเช่นนั้น คนที่ตั้งมามั่นใจว่า ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ขณะนี้ได้ทาบทามตัวบุคคลที่จะมาเป็นประธาน และได้ตอบรับมาแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยตัว คิดว่าจะเปิดเผยได้ใน 2 วัน เพราะประธานต้องมาสะสางงานและเตรียมเรื่องคณะกรรมการ ส่วนระยะเวลาสอบสวนนั้น ไม่ได้บังคับว่า ต้องเสร็จภายในกี่วัน แต่คงทำโดยเร็ว แค่มาช่วยจัดการให้ก็ดีแล้ว ไม่ใช่คนของรัฐบาล และไม่อยู่ในวงการที่เราเกี่ยวข้อง

    นอกจากนี้ นายสมชายยังกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในสังคมขณะนี้ว่า เป็น ปัญหาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนปี 2549 ที่เกิดความแตกแยกมาตลอด จนกระทั่งถึงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เริ่มมีความเสียหายมากขึ้น จึงอยากให้บ้านเมืองสงบ ขณะนี้ทรัพย์สินของรัฐ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาลได้รับความเสียหายมาก ทั้งนี้ ยอมรับว่า รัฐบาลทำงานไม่สะดวก แต่ตนไม่เคยหยุดทำงาน ได้ทำงานตลอด เพราะงานที่รออยู่ข้างหน้ามีหลายอย่าง โดยเฉพาะงานพระราชพิธี เป็นงานที่จำเป็นหยุดไม่ได้ ส่วนการเดินทางไปเยือนอาเซียนนั้น จะไปทันทีที่ปัญหาทุกอย่างจบ เพราะจริงๆ โดยมารยาทต้องไปทันที แต่เนื่องจากติดปัญหาที่เห็นกันอยู่

    เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้มีความคิดจะยุบสภา หรือลาออกไหม นายสมชายตอบว่า เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา พิจารณาถึงระยะสั้นระยะยาวให้ดีที่สุด ตนไม่ใช่คนยึดมั่นถือมั่นในตำแหน่งหน้าที่ หรืออยากได้อยากมีลาภยศ วาสนาอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องคิดว่าถ้าตอนนี้ยุบสภาหรือลาออก จะมีผลดีผลเสียอย่างไร ต้องนำมาบวกลบกันให้ดี ส่วนความคืบหน้าการตั้ง ส.ส.ร.3 นั้น รัฐบาลสนับสนุนอยู่ตลอดตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ถ้ากระบวนการ ส.ส.ร.3 เสร็จ คราวนี้จะเอาอย่างไร จะยุบหรือจะเอาอะไรก็ว่ากันไป ถ้าคิดจะเอาตามนั้น

    เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เตรียมเคลื่อนขบวนไปปิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ เกรงจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายสมชายตอบว่า นั่นสิครับ ความวุ่นวายเกิดจากอะไร มันเกิดจากรัฐบาลหรือไม่ เราพยายามเต็มที่และขอร้องว่าไม่ต้องวุ่นวายได้หรือไม่ เราคนไทยด้วยกัน พูดภาษาเดียวกัน อยากคุยกันให้เรียบร้อยเร็วที่สุด อย่ามาทะเลาะกัน เรายืนหยัดในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และสื่อก็เข้าใจว่าประชาธิปไตยต้องมาจากประชาชน ทุกฝ่ายก็ออกมาพูดในทำนองเดียวกันหมด


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
    ขอบคุุณ kapook.com

    5 เทคนิคช้อปเสื้อรับหน้าหนาว

    5 เทคนิคช้อปเสื้อรับหน้าหนาว
    ช่วงนี้ลมหนาวกำลังจะพัดผ่านเข้ามา เห็นทีจะต้องรีบเตรียมรับมือกันหน่อยแล้ว ด้วยการออกไปช้อปเสื้อกันหนาวกิ๊บๆ นี่เป็นไง ดูเข้ากับบรรยากาศสุดๆ เอ...แต่ก่อนที่จะไป ลองแวะอ่านเคล็ดลับดีๆ ที่ WP นำมาฝากกันก่อนดีมั้ย เผื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งน้ำตาตกช้ำใจกันทีหลังค่ะ

    ก่อนที่ จะฟันธงเลือกตัวไหน ขอให้นึกถึงคุณสมบัติเด่นๆ ของใยธรรมชาติเป็นอันดับแรก เพราะเส้นใยที่มาจากธรรมชาติอย่างขนสัตว์นุ่มๆ เนี่ย จะให้ความอุ่นได้ดีกว่าใยสังเคราะห์เชียวละ แม้ในกรณีที่เปียกน้ำหรือชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วก็ตาม เพราะเสื้อที่ทำจากขนสัตว์จะระบายอากาศได้ดีกว่าใยสังเคราะห์ เลยทำให้เหงื่อหรือความชื้นระเหยออกมาได้เร็วกว่านั่นเองค่ะ แต่ถ้าจะให้เวิร์กสุดๆ ต้องเลือกซื้อเสื้อที่ทำมาจากขนสัตว์ (โดยเฉพาะขนแกะ) ผสมกับอะครีลิกในอัตราส่วน 60/40 นะคะ เพื่อความคงทนต่อการใช้งานและง่ายต่อการเก็บรักษาค่ะ

    ไม่ควร เลือกซื้อแบบที่พอดีตัวมากเกินไป ประเภทขยับนิดขยับหน่อยก็อึดอัดหายใจไม่ออกรีบเซย์โนไปเลยนะ ทางที่ดีควรเลือกเผื่อไปอีกสักหนึ่งไซส์ จะทำให้สวมใส่สบายขึ้นค่ะ

    ควร ระลึกไว้เสมอว่า เสื้อกันหนาวนะคะ ไม่ใช่ผ้าห่มคลุมตัว ถึงจะได้ซื้อมาแบบไซส์ใหญ่ยักษ์ ควรเลือกซื้อแบบที่มีความยาวพอดีตัวหรือถ้าเป็นเสื้อโค้ต ก็ควรมีความยาวประมาณ 3/4 กำลังดี ส่วนแขนเสื้อก็ควรจะยาวเลยข้อมือไป จะทำให้ดูไม่เชยและคล่องตัวมากขึ้นค่ะ

    ลืมเรื่องสีๆ ไปได้ไง คุณควรเลือกสีที่อยู่ในโทนธรรมชาติหรือคลาสสิก อย่างสีน้ำตาล เทา หรือดำ มากกว่าการซื้อแบบสีแจ๊ดๆ แรงๆ อย่างสีแดงหรือสีบานเย็นนี่ละหนีไปให้ไกลๆ เลยนะนะ และควรเลือกสีและแบบให้แมตช์กับสไตล์การแต่งตัวของตัวเองด้วย WP

    ขอ แนะก่อนไปช้อป ควรจะสำรวจดูในตู้เสื้อผ้าคุณก่อนว่า ส่วนมากมีกางเกงหรือกระโปรงสีอะไร กระเป๋าและรองเท้าเป็นแบบไหน จะได้ซื้อมาแมตช์ให้เข้ากันยังไงล่ะ

    อย่าลืมตรวจเช็กออพชั่นต่างๆ ข้างล่างนี้ด้วยนะคะ ก็แหมจะซื้อกันทั้งที ก็ต้องให้ละเอียดกันหน่อยสิคะ ถึงจะคุ้มกับเงินที่เสียไปยังไงล่ะ

    ฮู้ด ถ้าจะให้กิ๊บเก๋ ต้องเลือกแบบที่มีเฟอร์ด้วยสิ ถึงจะทำให้ดูน่ารักและโดดเด่นมากขึ้น แต่ถ้าจะให้เวิร์กยิ่งไปกว่านั้น ก็ต้องขอเป็นแบบที่มีซิปถอดเข้าถอดออกได้ด้วย จะได้นำมาปรับใส่ได้อีกหลายแบบหลายสไตล์เชียวละ

    ผ้าพัน คอ ก็เป็นอีกหนึ่ง Accessory ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับคอของเราแล้ว ยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ดูดีขึ้นอีกด้วย คุณควรเลือกเนื้อผ้าที่ทำมาจากธรรมชาติ ซึ่งจะใส่สบายและอุ่นกว่า

    ผ้าบุข้างใน ควรเลือกแบบที่เป็นโพลีเอสเตอร์ เพราะจะง่ายต่อการเก็บรักษาค่ะ

    จาก:http://www.sanook.com

    Friday, October 10, 2008

    คลิป มาริโอ้

    มาริโอ้ เมาเร่อ
    มาริโอ้ เมาเร่อ


    มาริโอ้ อึกอักปัดตอบคลิปนัวเนียกุ๊บกิ๊บหลุด อ้างมือถือหาย ขอเห็นคลิปก่อนถึงจะพูดได้
    เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วคลองถม เมื่อรู้ว่ามีคลิปหลุดหน้าคล้ายของหนุ่มฮ็อตอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ กำลังอึ๊บสาวโผล่ออกมา แต่ยิ่งไปกว่านั้นสาวหน้าตาใสๆ ในคลิป ยังคล้ายคลึงเหมือนกับหวานใจสาว กุ๊บกิ๊บ อีกด้วย ล่าสุดเจอหนุ่มมาริโอ้เลยเข้าไปซักถามไขข้อสงสัย ซึ่งเจ้าตัวถึงกับอึกอัก แล้วก็เผยว่า "ขอบอกว่าขอไม่พูดดีกว่า เพราะว่าผมยังไม่เห็นคลิปอะไรเลย ผมก็เลยไม่ทราบจะบอกได้ ว่ามันเป็นอะไรยังไง"

    แล้วเคยไปถ่ายรูปทำนองนี้บ้างมั้ย.... "เท่าที่จำได้ไม่เคยมี"

    หน้าสาวคนนี้เหมือนหน้ากุ๊กกิ๊บเลย.... "ไม่ขอออกความคิดนะครับ เพราะผมก็ยังไม่ได้เห็นเลย"

    เคยถ่ายกับกุ๊บกิ๊บบ้างมั้ย.... "ไม่มีแน่นอนครับ"

    เคยทำมือถือหายบ้างมั้ย.... "มือถือผมก็พึ่งหายไม่นานนี้เองครับ แล้วก็เลยมีข่าวแบบนี้ออกมา แต่มือถือของผมเป็นรุ่นที่เก็บได้แค่รูป เรื่องของคลิปไม่มีแน่นอน"

    ในกล้องมีถ่ายรูปกันบ้างเปล่า.... "ก็ถ่ายรูปได้แต่มีรูปคู่ผมกับกุ๊กกิ๊บแค่รูปเดียว นอกนั้นเป็นแค่รูปรถและก็รูปวิว"

    รู้สึกหวั่นบ้างมั้ย... " ไม่หวั่นเพราะผมรู้ตัวเอง มั่นใจ ไม่ขอออกความคิดเห็นมากกว่า"

    ยิ่ง ไม่พูดออกมาอย่างนี้ หลายคนจะตีความว่าเป็นเรื่องจริง... "คือผมไม่รู้ว่าคลิปเป็นอย่างไร ที่เขาบอกว่าหน้าเหมือนผมแล้วเป็นอย่างไร ผมต้องขอดูก่อนแล้วจะบอกได้ ว่ามันใช่ผมหรือเปล่าครับ"

    คิดจะไปตามหาดูมั้ย.... "คงไม่ตามครับ ก็คงถามพี่ๆ เขา ให้เขาลองหาๆ ดู ว่าเป็นอย่างไร"

    รู้สึก กังวลบ้างมั้ย.... "ไม่กังวลครับเป็นเรื่องปกติ สมัยนี้ใครมีมือถือจะมีคลิปหลุดได้ทั้งนั้น จะเป็นดาราหรือไม่เป็นดาราก็มีคลิปหลุดทั้งนั้น ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่คิดว่าต้องไปซีเรียสมัน มีอะไรที่ซีเรียสกว่าเรื่องนี้ต้องเยอะ"

    มีหลายคนว่าได้ดู ก็บอกเป็นเสียงเดียวว่าใช่แน่นอน... "อันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี โอ้พูดไม่ได้เลย เพราะยังไม่เห็นจริงเลย ผมก็บอกไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร"

    หากมันเป็นเรื่องจริง จะไปฟ้องร้องบ้างมั้ย... "โอ้ว่าคงไม่"

    ยังยืนยันว่าไม่มีแน่นอน.... "ไม่มีครับ"

    เราจะไม่ดำเนินการอะไรทั้งสิ้นเลยใช่มั้ย... "ไม่ขอออกความคิดเห็นครับ"

    ที่มา:www.sanook.com

    Tokyo Game Show 2008

    Tokyo Game Show 2008

















    ภาพจาก:www.sanook.com