Saturday, June 20, 2009

บาดหมางร้าวลึก! ไกรสรฟ้องลูก เชื่อเพชรไม่ปกติ

ไกรสรประกาศ ฟ้องทุกคน ลูกเพชรอาจโดนด้วย หลังจุดประเด็นที่ทำให้เสียชื่อเสียง ยันต้องการทำความจริงให้ปรากฎ หวังให้ลูกได้พบหมอตรวจสภาพจิตใจ จันทร์นี้ให้คณะแพทย์เปิดแถลงข่าวที่เชียงใหม่

นายไกรสร แสงอนันต์ หรือลีละเมฆินทร์ บิดา นายสรภพ หรือเพชร ลีละเมฆินทร์ ทายาทคนเดียวของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ อดีตราชินีเพลงลูกทุ่งผู้ล่วงลับ ที่เพิ่งสึกจากการเป็นพระ กล่าววันนี้ (20 มิ.ย.) ในรายการ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ถึงมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับน้องเพชร-สรภพ ลูกชายว่า ครอบครัวตนลำบากมาก ถูกกล่าวหาทำให้เสียหายมากที่สุดในชีวิต ตนต้องการรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ทำให้ลูกต้องพูดแบบนี้ โดยตนจะฟ้อง

"แต่อย่าเข้าใจผิดว่า ผมจะฟ้องลูกเพื่อความเกลียดชัง หรือแก้ตัว ผม จะฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งลูกหากไม่เปิดเผยความจริงว่า พ่อไม่ได้ทำอย่างนั้น ผมเสียหาย ผมเชื่อว่าลูกผมพูดไปโดยขาดสติ 2 วันที่ผ่านมา น้องเพชรไม่ได้มาเปิดประเด็น มีคนมาเปิดประเด็น ลึกๆน้องเพชรมีจิตสำนึกรักผมอยู่" นายไกรสร กล่าว และว่า เหตุการณ์ที่วัดทับกระดานมีนักจิตวิทยา โทรมาปรึกษาระบุว่า ลูกเพชรไม่ปกติ ไม่สำรวม มีการระเบิดอารมณ์ ตนเชื่อร้อยเปอร์เซนต์ว่า สมัยก่อนลูกไม่ได้เป็นแบบนี้

นายไกรสร กล่าวถึงการแสดงความรักด้วยการกอดระหว่างพ่อกับลูกว่า ทำไม่ได้หรือ ใครคิดประเด็นนี้ไม่ใช่มนุษย์ ตนมีจริยธรรม ทุกวันนี้เดินไปไหน สังคมก็ยังแคลงใจ วันนี้เลยต้องทำความจริงให้ปรากฎ ซึ่งลูกกล่าวหาพ่อในเรื่องไม่จริง ไม่ได้ทำ เป็นเรื่องที่รุนแรงมาก รับไม่ได้

"ผมอยากพิสูจน์ว่า ลูกผมไม่ปกติ ผมไม่ได้พูดเอง นักจิตวิทยายืนยันมา วันนี้ จะฟ้องใครก็ตาม ลูก หรือใครที่เกี่ยวข้อง โดยตัดสินใจแล้วเพื่อให้ความจริงปรากฎ แม้กระทั้งลูกชายตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บปวดกับการต้องฟ้องลูก แต่ต้องการนำลูกกลับมาพิสูจน์ว่า ลูกไม่ได้คิดด้วยตัวเอง ถูกใส่ข้อมูล ไม่มีสติในการพูด" นายไกรสร กล่าว และว่า ตนเห็นว่า ลูกกล่าวหาพ่อฆ่าแม่ เชื่อว่าเด็กไม่ได้คิดเอง น้องเพชรเป็นคนหัวอ่อน หากอยู่กับคนดีเขาก็ดี อยู่กับคนเล็วเขาก็เลว

นายไกรสร กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกคิดแบบนี้ว่า เพื่อนและผู้ใกล้ชิดที่สหรัฐฯ ก็พร้อมยืนยัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเลี้ยงลูกดีมาตลอด ไม่มีความผิดปกติด้านอารมณ์ ตนสอนให้ลูกเป็นผู้ชาย มีชีวิตปกติในโลก ตนไม่คิดว่าลูกจะทำร้ายพ่อขนาดนี้ อยากให้ลูกคิดใหม่ ตั้งสติให้ดี

"ผมเสียหาย พ่อแม่ปู่ย่าตายายเสียหายหมดไปไหนทุกคนจะมองภาพลบ ผมต้องการพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ ผมต้องการให้ลูกมาตรวจสมอง จิตใจ และให้น้องเพชรกลับสู่สังคม" นายไกรสร กล่าว และว่า ตนประกาศตลอดเวลา ลูกจะมีเงินหรือไม่มีเงิน ตนต้องการลูกตลอดเวลา แต่คนอื่นมีผลประโยชน์หรือไม่ ทั้งนี้วันจันทร์จะมีแถลงข่าวโดยคณะแพทย์ที่จังหวัดเชียงใหม่ จุดประสงค์เพื่อช่วยแก้ปัญหาสังคม

Monday, June 1, 2009

คลิปลับ หน้าคล้ายไฮโซ ว่อนเชียงใหม่!!!

คลิปลับ หน้าคล้ายไฮโซ ว่อนเชียงใหม่!!!


คลิปลับหญิงหน้าคล้ายไฮโซสาวคนดังแพร่สะพัดทั่วเชียงใหม่ มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายหนุ่มซึ่งไม่ใช่สามีในโรงแรม ปดส.ภาค 5 เผยพร้อมสอบสวน เตือนพวกมือบอน มีความผิดหากนำภาพลงเว็บไซต์ ฟอร์เวิร์ดเมล หรือเขียนลงแผ่นซีดีหรือดีวีดี

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่ ว่าได้เกิดกระแสข่าวประเภททอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ ขึ้นแพร่สะพัดใน จ.เชียงใหม่ ว่าขณะนี้ได้มีคลิปวิดีโอลับเฉพาะของบุคคลที่มีหน้าตาคล้ายกับไฮโซสาวคน หนึ่งผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทุกวงการ ไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายหนุ่มในโรงแรมแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เมื่อมีการตรวจสอบกระแสข่าวและที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ปรากฏว่ามีคลิปตามที่เกิดกระแสข่าวแพร่หลายในจังหวัดจริง และเมื่อตรวจสอบภาพคลิปวิดีโอนั้นแล้ว พบว่าไม่ใช่ลักษณะของการแอบถ่าย หากแต่ปรากฏเป็นภาพหญิงหน้าคล้ายไฮโซคนดังเปลื้องผ้าเปลือยกายให้ชายหนุ่ม คู่นอนบันทึกภาพอย่างไม่เขินอาย

ในช่วงท้ายของคลิปลับ หญิงหน้าคล้ายไฮโซคนดังรายนี้ยังทำออรัลเซ็กส์ให้แก่ชายหนุ่มและยังหันหน้า มองกล้องอย่างเต็มใจ ส่วนหนุ่มในภาพก็ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้นใบหน้าแต่อย่างใด กลับปรากฏใบหน้าชัดเจนซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าชายคนนี้ไม่ใช่สามีของไฮโซราย นี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม คลิปวิดีโอที่มีความยาวประมาณ 8 นาทีไม่ปรากฏภาพการมีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด

สำหรับคลิปดังกล่าวถูกตัดเป็นไฟล์สั้นๆ รวม 16 ไฟล์ ไฟล์ละประมาณ 30 วินาที โดยปรากฏวันที่ด้านหลังไฟล์วันเดียวกันคือวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 แต่วันที่ที่ระบุไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นวันที่มีการบันทึกภาพหรือวันที่ มีการนำไฟล์ทั้งหมดบันทึกลงแผ่นวีซีดี อย่างไรก็ตามคาดว่าภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิปจะเกิดก่อนหน้านี้อย่างน้อย 2 เดือน เนื่องจากรูปร่างของบุคคลหน้าคล้ายไฮโซในคลิปวิดีโอ แตกต่างจากรูปร่างหน้าตาของไฮโซสาวคนดังซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปใน ปัจจุบัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการพูดถึงคลิปลับดังกล่าว ทำให้ชาวจังหวัดเชียงใหม่ต่างพากันหาคลิปมาดูให้เห็นกับตาว่าจะเป็นไฮโซคน ดังที่คาดหมายกันหรือไม่ ซึ่งหลายคนที่เห็นภาพในคลิปต่างเชื่อว่า หญิงในคลิปเป็นคนคนเดียวกับไฮโซสาวคนดังอย่างแน่นอน ทำให้หลายคนแสดงอาการสลดใจกับภาพที่เห็นเนื่องจากสตรีรายนี้เป็นผู้ที่มี ชื่อเสียงอย่างมาก ทั้งยังมีการศึกษาสูงอีกด้วย เมื่อปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้ หลายคนที่เห็นภาพพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่ เสียหายไปด้วย ทั้งนี้หลายฝ่ายมุ่งหาสาเหตุของคลิปวิดีโอดังกล่าวหลุดออกมาไปที่ประเด็น ความขัดแย้งในแวดวงระดับท้องถิ่น และเรื่องชู้สาว

พ.ต.ท.ธวัชชัย อยู่มาก รอง ผกก.ปดส.ภาค 5 กล่าวว่า ปดส.ภาค 5 ยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าว ซึ่งผู้เสียหายที่ปรากฏในภาพอาจยังไม่มีการแจ้งความ แต่ยอมรับว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นกำลังเป็นที่น่าสนใจกันมาก อย่างไรก็ตามหากได้รับเรื่องจะมีการสอบสวนตั้งแต่ผู้ผลิตและผู้เผยแพร่ซึ่ง จะมีความผิดในฐานเผยแพร่ภาพอนาจารซึ่งไม่ว่าจะเผยแพร่ด้วยการนำภาพลงเว็บไซ ต์ ฟอร์เวิร์ดเมล หรือเขียนลงแผ่นซีดีหรือดีวีดีก็จะมีความผิดด้วยเช่นกัน

Monday, May 11, 2009

เอิ๊ก ปรี๊ด! ใช้เบอร์ทรูเจอโรคจิตคุกคาม เตรียมแจ้งตำรวจจับ

เผย ไม่ใช่โรคจิตที่โทรสุ่มมา เนื่องจากระบุได้ว่าต้องการคุยกับใคร คาดอาจเป็นพนักงานทรู เพราะไม่เคยบอกเบอร์ใครมีเพียงคนในเท่านั้นที่รู้

ตกเป็นเหยื่อโรคจิตโทร.ป่วนชวนเสียวตามสาย เอิ๊ก-พรหมพร ยูวะเวส พิธีกรสาวรายการ เน็กซ์ สเตชั่น บาย พรหมพร ทางช่อง 5 ฉุนเครือข่ายทรูปัดความรับผิดชอบ เอิ๊ก เผยว่า "เรื่องของเรื่องที่บ้านเพิ่งติด ไฮสปีด ของทรู ติดได้ 2 อาทิตย์ ก็มีโรคจิตโทร.มาวันละหลายๆ รอบ ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่ใช่โรคจิตที่โทร.สุ่มมา แต่นี่โทร.มาแล้วระบุว่าอยากคุยกับใคร โทร.มาแต่ละครั้ง พูดจาลามกให้ถอดนั่น ถอดนี่ เปิดให้ดูหน่อย ลามกมากและหยาบคาย โรคจิตที่โทร.มาคาดว่าน่าจะเป็นพนักงานในบริษัทที่ให้บริการ เพราะไม่เคยบอกเบอร์ใคร มีเพียงคนในเท่านั้นที่รู้ ได้แจ้งทางทรูตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่ๆ แต่ดำเนินการให้เราช้ามาก จะ 2 เดือนแล้ว เช็กใครโทร.มามันไม่ใช่เรื่องยากเลย ตั้งแต่ติดตั้งมีอยู่เบอร์เดียวที่โทร.มา นี่ว่าจะไปแจ้งความกับตำรวจ ตอนนี้ตรวจสอบเบอร์ได้แล้ว ทางทรูบอกว่าตรวจสอบไม่ได้ เพราะเบอร์นี้ลงทะเบียนในระบบจีเอสเอ็ม ก็ทำใจอาจจะตามตัวไม่ได้"

นายกฯฉุนจัดซัด ม็อบเสื้อแดง ถามป่วนเพื่ออะไร

นายกฯฉุนจัดซัด ม็อบเสื้อแดง ถามป่วนเพื่ออะไร


ระบุเร่งออก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ ดูแลความสงบในช่วงการประชุมอาเซียนไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่เป็นเรื่องความมั่นคงภายในของไทยมากกว่า เผยหลายประเทศมองประเทศไทยด้วยความมั่นใจมากขึ้น

เมื่อเวลา 15.40 น.วันนี้ (11พ.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการออกพ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อ ดูแลความสงบในช่วงการประชุมอาเซียนกับคู่เจรจาที่จ.ภูเก็ต ในเดือนมิ.ย.ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 13 พ.ค. ยังไม่มีการบรรจุระเบียบวาระเรื่อง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพราะคงให้กระทรวงการต่างประเทศไปดูสถานะเกี่ยวกับการจัดประชุมสุดยอด อาเซียนกับ ประเทศคู่เจรจาอีกครั้งหนึ่งก่อน ส่วนประเทศที่จะเข้าร่วมประชุมนั้น ขณะนี้กำลังรอคำตอบเชื่อว่าอีก 1-2 วันนี้ จะมีความชัดเจน และขณะนี้แนวโน้มกลุ่มประเทศอาเซียนได้ตอบรับมาเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงประเทศคู่เจรจาที่ต้องรอดู และประสานไป จึงจะทราบชัดเจน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทุกประเทศต้องการให้การประชุมเกิดขึ้น เพราะยังมีประเด็นที่เกี่ยวข้องหลังการประชุมสุดยอดอาเซียนค้างคาอยู่

อย่างไร ก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าการกำหนดวันประชุมระหว่างวันที่ 13-14 มิย.เป็นเพียงการกำหนดวันเบื้องต้นไม่ใช่เป็นวันตายตัว อาจจะมีการเลื่อนได้ เพราะประเทศอินโดนีเซียยังติดเรื่องการเลือกตั้ง ส่วนประเทศอินเดียยังอยู่ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้เราต้องดูวันที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความชัดเจนอีกครั้งหนึ่งก่อน

นายกรัฐมนตรี ยังยอมรับว่าการประชุมโดยไม่มีประเทศคู่เจรจาคงทำไม่ได้ เพราะในส่วนของอาเซียนได้ประชุมไปแล้ว และประเด็นที่จะหารือใหม่ก็เป็นประเด็นเกี่ยวกับประเทศคู่เจรจา ส่วนผู้นำประเทศที่จะขอให้หน่วยรักษาความปลอดภัยติดอาวุธเดินทางมาประเทศไทย ด้วยนั้น ปกติผู้นำทุกประเทศก็มีหน่วยรักษาความปลอดภัยมาอยู่แล้ว แต่การประชุมครั้งต่อไป คงตกลงกันว่าจะให้เข้ามามากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ใช่ประเทศคู่เจรจาไม่มั่นใจในเรื่องของความ ปลอดภัย

"แนวโน้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา หลังจากการประชุมในคราวที่แล้ว หลายประเทศมองประเทศไทยด้วยความมั่นใจมากขึ้น แต่หลายประเทศอาจจะสนใจหรือต้องการทราบความชัดเจนในเรื่องการเปลี่ยนแปลง ภายในของเราให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการตอบรับเข้าร่วมประชุม แต่ยืนยันว่าการเร่งออก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่เป็นเรื่องความมั่นคงภายในของเรามากกว่า ว่าระบบบริหารจัดการในการทำงานของเจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่าง มั่นใจ" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ จำเป็นต้องประกาศใช้ในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าคงจะออกก่อนการประชุมระยะหนึ่ง คงไม่ประกาศใช้ในช่วงการประชุมอย่างเดียว ส่วนเรื่อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ยืนยันจะไปชุมนุมประท้วงที่จังหวัดภูเก็ตในวันประชุม หากไม่มีการดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินนั้น ตรงนี้ต้องย้อนถามกลับไปว่า การกระทำในครั้งที่แล้วได้สร้างความเสียหาย ทางกลุ่มคนเสื้อแดงน่าจะกลับไปทบทวน

"รัฐบาลยืนยันว่าหากกลุ่ม ผู้ชุมนุมยังติดใจ สงสัยเรื่องใด รัฐบาลพร้อมรับฟังคำร้องเรียนและขณะนี้คดีกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินและคนเสื้อ แดงที่พัทยาได้เดินหน้าพิจารณาคดีไปทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ผมจึงอยากตั้งคำถามว่าต้องการล้มการประชุมครั้งนี้เพื่ออะไร และในการเดินทางไปพักผ่อนที่จังหวัดภูเก็ตของผมได้พูดคุยกับภาคเอกชน ทุกฝ่ายก็ต้องการให้การประชุมเกิดขึ้น เพราะจะเป็นการประกาศถึงความสำเร็จของประเทศไทยและรายได้เข้าสู่ประเทศชาติ" นายกรัฐมนตรี กล่าว

http://news.sanook.com/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF%E0%B8%89%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87-%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-731381.html

Tuesday, April 28, 2009

ลดน้ำหนักด้วยวิธีไหน? เจ๋งกว่ากัน

ลดน้ำหนักด้วยวิธีไหน? เจ๋งกว่ากัน
ผลการวิจัยระบุว่า ความสำเร็จของโปรแกรมลดน้ำหนักในระยะยาวส่วนใหญ่ต้องอาศัยการออกกำลังกาย เข้า มาเป็นส่วนประกอบสำคัญ เพราะในความเป็นจริงคนที่อดอาหารเพียงอย่างเดียว แม้น้ำหนักจะลด แต่วันหนึ่งคนเหล่านั้นก็จะกลับมาอ้วนอีก หรือบางครั้งอาจจะอ้วนกว่าเดิมด้วยซ้ำ ถ้างั้นวิธีที่ดีที่สุด คืออะไร

ออกกำลังกาย



วันนี้ จะชวนคุณไปสู่ทางเลือกใหม่ เพื่อการลดน้ำหนักที่เห็นผล ที่นอกจากจะรวดเร็วแล้วยังช่วยให้คุณมีสุขภาพดีอีกด้วย และนี่คือ 4 เหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรออกกำลังกายไปควบคู่กับการอดอาหาร


1.การออกกำลังกายช่วยเสริมการทำงานในระบบเมตตาบอลิซึ่มของคุณ
การ ทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการออกกำลังกาย จะช่วยเปลี่ยนแปลงพลังงานหรือเพิ่มระสิทธิภาพในการทำงานของระบบเมตาบอลิซึ่ม ในร่างกายของคุณให้สมดุล


2.หลักการเผาผลาญพลังงาน
ตาม สูตรแล้ว ไขมัน1ปอนด์ เท่ากับ 3,500 แคลลอรี่ ซึ่งตามปกติร่างกายของคุณสามารถกำจัดแคลลอรี่ได้วันละ 500 แคล ดังนั้นหากคุณต้องการลดไขมันในร่างกาย 1 ปอนด์ หมายความว่าคุณต้องใช้เวลา 1 สัปดาห์ด้วยกัน ดังนั้นเพื่อย่นเวลาการเผาผลาญ จะดีกว่ามั้ย ถ้าคุณจะช่วยร่างกายกำจัดแคลลอรี่ด้วยการออกกำลังกายไปควบคู่กัน ที่สำคัญการควบคุมอาหารยังทำให้กระบวนการเมตาบอลิซึ่มในร่างกายของคุณมี ประสิทธิภาพลดลง


3.การทำกิจกรรมหนึ่งจะส่งผลให้เกิดการทำกิจกรรมที่มากขึ้นไปอีก
จากผลการวิจัยระบุว่า คนที่ออกกำลังกายจะทำให้คนนั้นกระฉับกระเฉงไปตลอดทั้งวัน


4. การออกกำลังกายช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
คุณ สามารถเพิ่มจำนวนและขนาดของกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกาย ทั้งนี้บางครั้งเรายังได้รับไฟเบอร์จากอาหารเพื่อใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อ และเพื่อที่จะให้ไฟเบอร์ในกล้ามเนื้อได้รับการหล่อเลี้ยง ร่างกายจะไปดึงแคลลอรี่จากไขมันที้เก็บไว้ในร่างกาย ดังนั้นถ้าคุณต้องการให้ร่างกายเผาผลาญไขมันมากขึ้น คุณก็ต้องใช้พลังงานมากขึ้น แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ยิ่งคุณมีกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ แคลลอรี่ในร่างกายของคุณก็จะถูกเผาผลาญมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าน้ำหนักตัวของคุณจะลดลงได้เร็วขึ้น

ข้อมูลจาก Gabrielle Reece

ทักษิณแถลงรบ.โยนความผิดหนุนรุนแรง

ทักษิณ ออกแถลงการณ์อ้างรัฐบาลโยนความผิดกล่าวหาอยู่เบื้องหลังความรุนแรงของเสื้อ แดง ยันเคารพสันติวิธี เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน เรียกร้องเสื้อแดงผนึกกำลังเรียกคืน ปชต. นครบาลปล่อยตัวชั่วคราว แรมโบ้อิสาน พร้อมกำชับไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับม็อบ ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและ และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 เม.ย. ได้รับการติดต่อจากทีมงานนายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนคำแถลงการณ์ถึงจุดยืนแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อมาชี้แจง โดยส่งางอีเมลล์ให้กับสื่อทีวีและนสพ.บางฉบับ โดยระบุว่า

"แถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
"การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยสันติวิธี"

ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและกลไกของรัฐบาล ได้พยายามที่จะโยนความผิดให้ผมสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในระหว่างการ ประท้วงในทางการเมืองในประเทศไทยเมื่อเร็วๆนี้ ยิ่งกว่านั้น ผมถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมว่าเป็นผู้สนับสนุนและเห็นด้วยกับการใช้ความ รุนแรงเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง

ก่อนอื่น ผมขอปฎิเสธข้อกล่าวหาข้างต้นอย่างสิ้นเชิง ตลอดชีวิตของผม ผมเคารพในสันติวิธี เสรีภาพและความเท่าเทียมกัน ผมทำในสิ่งที่ผมพูด แม้ว่าผมได้ให้กำลังใจกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ตลอดหลายสัปดาห์ที่ ผ่านมา ผมได้เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนชาวไทยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยผ่านทางวิดีโอ และทางโทรศัพท์ ผมได้ย้ำตลอดมาว่า การรเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนี้ต้องป็นไปด้วยสันติและกระบวนการ ต่อสู้ของประชาชนจะไม่ใช้ความรุนแรง พี่น้องประชาชนนับหมื่นนับแสนได้ตอบสนองข้อเรียกร้องและได้พากันชุมนุม ประท้วงอย่างสงบและสันติเป็นเวลาหลายสัปดาห์เพื่อเรียกร้องให้ประชาธิปไตย ที่แท้จริงกลับคืนมาสู่ประเทศไทย

ผมขอเรียนย้ำต่อพี่น้องชาวไทยว่าการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของ เราจะต้องไม่ใช้วิถีของความรุนแรง ผมไม่สามารถสนับสนุนการใช้ความรุนแรง ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า เราจะไม่ใช้อาวุธในการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย เราต้องสร้างอนาคตของพวกเราผ่านความเข้มแข็งทางความคิดและหลักการอันถูกต้อง ของพวกเรา และพวกเราต้องอดทนและวางเฉยต่อการยั่วยุต่างๆจากทางภาครัฐ

ผมขอเรียกร้องให้คนไทยที่รักสันติทุกคนให้ผนึกกำลังเพื่อบรรลุถึงความ ปรองดองของคนในชาติและประชาธิปไตยที่แท้จริง ตามที่ผมเคยพูดไว้เราได้ถอยหลังจากการเผชิญหน้าไปหนึ่งก้าว และเราจะไม่ยอมยุติการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยของไทย แม้เราถูกหยุดยั้งโดยภาครัฐงานของพวกเราก็จะไม่หยุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้นคือการต่อสู้เพื่อสิ่ง ที่ถูกต้อง และในท้ายที่สุดนี้ ผมมีความมั่นใจว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะต้องชนะและมีชัยด้วยแนวทางสันติ

ทักษิณ ชินวัตร
28 เมษายน 2552"

"สุริยะใส"เชื่อทักษิณอาจพึ่งฝ่ายซ้ายบางกลุ่มมากขึ้น

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่ม นปช. โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จะแปรขบวนการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะการปรับบทบาทส่วนนำด้วยการสร้างแกนนำคนอื่นๆ ขึ้นมาแทนแกนนำ นปช.ชุดเดิม ซึ่งกำลังตกเป็นจำเลยของสังคมกรณีการก่อจราจล และมีความเป็นไปได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจใช้ฝ่ายซ้ายเก่าที่อยู่แวดล้อมตัวเองเข้ามามีบทบาทในส่วนนำของ นปช.และเครือข่ายทักษิณมากขึ้น

เพราะต้องไม่ลืมว่าบนความผิดพลาดและพ่ายแพ้ในการเคลื่อนไหวก่อจราจลของ นปช.ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เป็นชัยชนะของฝ่ายซ้ายบางกลุ่มที่ใช้กระแสทักษิณนิยมและการเคลื่อนไหวของ นปช.เป็น เครื่องมือเพื่อโจมตีสถาบันเบื้องสูงและระบอบอำมาตยาธิปไตยภายใต้ทฤษฎีชี้นำ ทุนก้าวหน้าดีกว่าศักดินาล้าหลัง ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับกันว่าอย่างน้อยฝ่ายซ้ายกลุ่มนี้ก็สามารถปักธงเปิด ประเด็นยึดกุมพื้นที่สาธารณะได้มาก

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า แต่ในบรรดาฝ่ายซ้ายรอบตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีแนวทางขัดแย้งกันระหว่างฝ่ายซ้ายดั้งเดิมที่นิยมความรุนแรง กับฝ่ายซ้ายแนวปฏิรูปที่พยายามเข้ามาต่อสู้ในแนวทางรัฐสภาและสันติวิธี เพราะในทางสากลกระแสฝ่ายซ้ายแนวปฏิรูปขึ้นมาบนดินและละทิ้งแนวทางความรุนแรง หมดแล้ว มีการตั้งพรรคการเมืองแนวสังคมนิยมจนได้รับชัยชนะและเป็นรัฐบาลในหลายๆ ประเทศ เช่น แถบละตินอเมริกาอย่างบราซิล อุรุกวัย โคลัมเบีย โบลิเวีย หรือแม้แต่ในแถบยุโรปอย่างสเปนและเยอรมัน

นครบาลปล่อยตัวชั่วคราว"แรมโบ้อิสาน"

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 28 เม.ย. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงการสอบสวนดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่ม นปช.ที่ บุกรุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทยและเข้าทำร้ายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรักฐมนตรี และดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองภายหลังผู้ต้องหาทั้ง 4 คนประกอบด้วยนายสุพร อัตถาวงศ์ นายสิรวิชญ์ พิมพ์กลาง นายพีระ หลิ้งกลาง และนายณรงค์ศักดิ์ มณี หรือเป๋คลองเตยเข้ามอบตัวสู้คดี ว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมทั้งสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียด โดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง

จากนั้นทนายความผู้ต้องหาได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยและหลักทรัพย์วงเงิน 5 แสนบาทยื่นประกันตัวนายสิรวิชญ์ นายพีระและนายณรงค์ศักดิ์ พนักงานสอบสวนพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวและปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีเงื่อนไข 3 ข้อคือ 1.ห้ามมิให้กระทำการใดๆที่เป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการรวบ รวมพยานหลักฐานในสำนวนคดี 2.ห้ามมิให้ผู้ต้องหาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและ 3.ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

โฆษกนครบาล กล่าวต่อว่า ในส่วนของนายสุพร ซึ่งถูกดำเนินคดี 3 ข้อหาคือ มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปประทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ในบ้านเมืองโดยเป็นหัวหน้าหรือผู้สั่งการ ข้อหาร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และข้อหาชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ 5 คน โดยฝ่าฝืนข้อกำหนด (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)ตาม มาตรา 9 ข้อ 1 และมาตรา 18 นั้นทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เงินสด 4 แสนบาทพร้อมตำแหน่ง ส.ส.ของนายประเสร็ฐ จันทรรวงทอง ประกันตัวไปโดยมีเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราว 3 ข้อห้ามดังกล่าว จากนั้นทั้งหมดได้ออกจากห้องสอบสวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสท่ามกลางเสียง ปรบมือของผู้ชุมนุมที่มาให้กำลังใจอยู่ด้านล่างพร้อมมอบช่อดอกไม้แสดงความ ยินดีก่อนที่ทั้งหมดจะเดินกลับ

ส.ส."สุนัย"เอาตำแหน่งประกันตัว2แกนนำเสื้อแดง

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 28 เม.ย.ที่สภ.เมืองเชียงใหม่ แกนนำเสื้อแดง 2 ราย คือนายมานะ พันธุ์ไพบูลย์ หรือดีเจ ป.เป็ด และนายไพบูลย์ ชูชัย หรือดีเจลุงบุญ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ หลังตกเป็น 2 ใน 5 ผู้ต้องหาซึ่งถูกตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ขออนุมัติศาลออกหมายจับเลขที่ จ.230/2552 ลงวันที่ 21 เม.ย.2552 ในข้อหาร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิ ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกำหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, หยุดหรือจอดรถในลักษณะที่ไม่ปลอดภัยและเป็นการกีดขวางการจราจร

สำหรับการเดินทางเข้ามอบตัวครั้งนี้มีนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ช่วยประกันตัวให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งตำรวจกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่รายละ 1 แสนบาท ระหว่างการยื่นขอประกันตัวมีสมาชิกกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30 คน เดินทางมาให้กำลังใจนำดอกมะลิมาคล้องให้กำลังใจแก่แกนนำเสื้อแดงทั้งสองราย

นายสุนัย กล่าวว่า ตนเป็น ส.ส.นครสวรรค์ แต่ที่ต้องใช้ตำแหน่งมาช่วยประกันตัวแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ เนื่องจากผู้ต้องหาได้ร้องขอไปที่พรรคว่าไม่มีเงินทองกันต้องไปวิ่งเช่าโฉนด ที่ดินตนเลยยอมมาช่วย

ส่วนการแจ้งดำเนินคดี หรือออกหมายจับแกนนำเสื้อแดงนั้น ตนไม่เคยคิดที่จะตำหนิตำรวจ เพียงแต่มองว่าหากประชาชนเดือดร้อนก็จะช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด เกินไปในสังคม และมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นถ้าหากเสื้อเหลืองถูกดำเนินคดีบ้างก็จะดีเพราะไม่ อยากให้เกิดความเคียดแค้นทางสังคมหากใช้มาตรฐานเดียวกันในการจัดการสังคมก็ จะปรองดอง

ด้านพ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รองผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า คดีดังกล่าวก่อนหน้านี้มีประธานกลุ่มสี่ล้อแดงและแกนนำเสื้อแดงซึ่ง เป็นนักจัดรายการวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงถูกออก หมายจับรวมกัน 5 คน หากรวมสองรายนี้ถือว่าเข้ามอบตัวแล้วทั้งสิ้น 4 คน คือนายสิงห์คำ นันติ ประธานสหกรณ์นครเดินรถล้านนา จำกัด(สี่ล้อแดง) นายนายธานิน ประดิษฐพันธ์หรือดีเจยุ้ย และตามด้วยวันนี้คือนายมานะพันธุ์และนายไพบูลย์ตามลำดับ

ส่วนผู้ที่ยังไม่เข้ามามอบตัวคือนายสุพล ศุภางคะรัตน์หรือดีเจที่ใช้ชื่อว่าอาจารย์สุรพล ซึ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งประสานติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ว่าจะเข้ามอบตัวเร็ว ๆนี้ โดยอ้างว่ายังติดภาระกิจอยู่ระหว่างไปทำธุรกิจที่ส.ป.ป.ลาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในคดีเดียวกันนี้ล่าสุดตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 รายคือ"ดีเจหนึ่ง"ซึ่งเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานชัดเจนในการร่วมปลุกระดมมวล ชนเข้าร่วมปิดถนนผ่านรายการวิทยุและพบว่า "ดีเจหนึ่ง"ยังคงทำหน้าที่เป็นนักจัดรายการอยู่วิทยุชุมชนคลื่น 92.5 เมกกะเฮิรตซ์ของคนเสื้อแดงอยู่ทุกวัน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบชื่อจริงซึ่งจะได้ติดตามตัวมารับทราบข้อกล่าวหาและ เตรียมออกหมายจับเร็ว ๆนี้

กกต.เตรียมฟัน "บุญจง" พุธหน้า

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ในที่ประชุม กกต.นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าได้รับผลสรุปการสืบสวนสอบสวนจากคณะอนุกรรม การฯ กรณีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย แจกเบี้ยยังชีพแนบนามบัตร ซึ่งประธาน กกต.ได้เปิดซองสำนวนในที่ประชุมพร้อมทั้งได้ถ่ายเอกสารแจกให้กับ กกต. ทุกคน และนัดพิจารณาในวันที่ 6 พ.ค. ที่จะถึงนี้

เลขาฯกฤษฎีกาบอกกม.คุมม็อบเกิดยาก

นางพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ถึงความคืบหน้าการพิจารณายกร่างพ.ร.บ.การควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ พ.ศ.... ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รอการส่งเรื่องมาอย่างเป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หลังจากที่ครม.ได้มีความเห็นได้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปยกร่าง อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการยกร่างโดยเอาต้น แบบจากประเทศต่างๆ มาพิจารณาเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสังคมไทย ดังนันจึงต้องมีการปรึกษาการบังคับใช้ได้จริงในหลาย ประเทศ เพราะสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงในการยกร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว คือการทำให้กฎหมายมีสภาพการบังคับใช้ได้จริง เหมาะสมกับวิถีชีวิตคนไทย และต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพด้วย

นางพรทิพย์ กล่าวว่า ดังนั้นจะต้องการพิจารณาอย่างรอบด้านเนื่องจากกฎหมายดังกล่าวเหมือนกับเป็น ดาบสองคม ที่อาจจะกระทบสิทธิในการชุมนุมของประชาชน ส่วนกรณีทางตำรวจต้องการเร่งรัดให้กฎหมายนี้ผ่านโดยเร็วนั้น ก็เข้าใจเพราะต้องการให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีข้อโต้แย้งจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก คงต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างหลากหลาย อาจใช้รูปแบบเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แสดงความคิด เห็นเข้ามา โดยไม่จำเป็นต้องทำประชาพิจารณ์

"ส่วนตัวเห็นว่า การมีกฎหมายฉบับนี้ออกมาบังคับใช้เป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่าย และทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้มีการเร่งรัด แต่เมื่อได้รับร่างอย่างเป็นทางการมาแล้วก็พร้อมที่จะดำเนินการให้เร็วที่ สุด" นางพรทิพย์ ระบุ

"อภิสิทธิ์"เชื่อเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ต้องการความรุนแรง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการข่าวกรองแหงชาติ(ศปข.) สำนักนายกรัฐมนตรี มีการสรุปแนวโน้มสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า จะมีการขยายมวลชนและเคลื่อนไหว ในลักษณะพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ว่า ในที่ประชุม ครม.ไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ แต่ได้มีการรับทราบมติคณะกรรมการประสานงาน 3 ฝ่ายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา และรับทราบการทำงานของคณะกรรมการประมวลเหตุการณ์ของรัฐบาล ซึ่งจะทำงานต่อไป เพื่อให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงเหล่านั้น

เมื่อถามว่า มีข่าวว่า จะมีการจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาจจะมีแนวคิดของบางคนซึ่งได้มีการแสดงออกอย่างเปิดเผย แต่เขาเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ คงจะไม่เห็นประโยชน์ของการที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีคนจำนวนหนึ่ง ที่อาจจะมีความคิดไปในทางที่รุนแรง แต่เขามั่นใจว่า ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานของสังคมไทย และประเด็นที่กลุ่มผู้ชุมนุมให้ความสำคัญนั้น ขณะนี้ กลไกของรัฐสภา และรัฐบาลกำลังเดินหน้าสะสางอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า จะมีการจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า เรื่องนี้ ก็จะเป็นตัวบ่งบอกว่า แนวคิดที่จะไม่เคารพกฎหมาย และใช้ความรุนแรงมีอยู่ชัดเจนและมีอยู่จริง และมีบางคนเปิดเผยแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแน่นอน เราจะต้องดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่า คิดว่า กลุ่มคนเสื้อแดง จะขยายมวลชนออกไปหรือไม่ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า เขาเห็นผู้ชุมนุมและแกนนำบางส่วน ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ยึดถือแนวทางนี้

เมื่อถามว่า แกนนำส่วนใหญ่ ที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ในยุค 6 ตุลาฯ คิดว่าจะมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังแกนนำให้สัมภาษณ์ขณะนี้ ไม่ได้ยึดแนวทางความรุนแรง


http://news.sanook.com/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%9A.%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87-699021.html

Friday, April 17, 2009

เรื่องของนายก"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน!

1. นักเรียนอีตัน บัณฑิตออกซ์ฟอร์ด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2507 ที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ เรียนชั้นประถมฯ ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ เรียนชั้นมัธยมฯ ที่อีตัน และจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด โดยเป็นคนไทยคนที่ 3 ที่ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 จากนั้นก็เรียนต่อที่เดิมจนจบปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ นอกจากนี้ ยังได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขานิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีก ด้วย อนึ่ง หลังจากจบระดับปริญญาตรีจากออกซ์ฟอร์ด เขาได้ไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เขาชะโงก จังหวัดนครนายก อยู่เกือบ 2 ปีจนได้รับพระราชทานยศเป็น ร้อยตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนี่คือเหตุที่เขาไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร แต่ก็ยังถูกโจมตีว่า "หนีทหาร" จากฝ่ายตรงข้ามจนถึงทุกวันนี้

2. ทีมฟุตบอลในดวงใจ

เพราะ เกิดที่เมืองนิวคาสเซิลละกระมัง ทำให้ทีมฟุตบอลในดวงใจตลอดกาลของนายอภิสิทธิ์คือทีมสาลิกาดง นิวคาสเชิล และกีฬาสุดโปรดของเขาก็คือ ฟุตบอล!

3. อนุรักษ์นิยมไทย

ถึง แม้จะเกิดและเรียนที่เมืองนอกเป็นเวลาหลายสิบปี แต่นายอภิสิทธิ์ไม่นิยมการพูดไทยคำอังกฤษคำ แม้แต่ตัวเลข เขายังเขียนเป็นตัวเลขไทยทุกครั้ง

4. ร็อค-เพื่อชีวิต

เห็น ท่าทางสุภาพๆ เนี้ยบๆ แบบนี้ แต่แนวดนตรีโปรดของนายอภิสิทธิ์คือเพลง Rock ทุกครั้งที่มีการแสดงคอนเสิร์ตร็อคในประเทศไทย นายอภิสิทธิ์จะต้องหาโอกาสไปโยกในคอนเสิร์ตทุกครั้ง โดยวงดนตรีที่เขาชอบมากคือ R.E.M. กับ U2 เล่ากันว่าเวลานั่งอยู่ในรถ เขามักจะหยิบวอล์กแมนขึ้นมาฟังเพลงร็อคพร้อมกับโยกตัวไปตามเพลงแทบทุกครั้ง บางครั้งก็ร้องออกมาดังๆ (ไม่น่าเชื่อใช่ไหม) แต่ถ้าเป็นเพลงไทยละก็ เขาชอบเพลงเพื่อชีวิต ทุกครั้งที่ถูกขอให้ร้องเพลงบนเวที เพลงของพงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ กับพงษ์เทพ กระโดนชำนาญคือเพลงหากินของนายกฯ คนที่ 27 คนนี้

5. เมนูโปรด-ไม่ปลื้ม

อาหารจาน โปรดของนายกฯ มาร์ค คือ ข้าวไข่เจียว แต่ที่ไม่ปลื้ม เอาเสียเลยก็คือ "แตงโม" ยกเว้นก็แต่แตงโมที่หมายถึงภรรยาของเขา อาจารย์แตงโม-พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ (อิอิ) ทุกเช้าหลังตื่นนอนตอนตีห้าครึ่ง สิ่งแรกที่เขาทำเป็นประจำสม่ำเสมอคือการชงกาแฟให้คุณแตงโม และยังทำอยู่จนถึงทุกวันนี้ (หวานจริงๆ)

6. นามสกุลพระราชทาน

เวช ชาชีวะ (Vejjajiva) เป็นนามสกุลพระราชทาน [เวช (ยา) + อาชีวะ (อาชีพ)] ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 พระราชทานลงมาเป็นลำดับที่ 4,881 จากทั้งหมด 6,423 นามสกุล เหตุที่มีคำว่า "เวช" ก็เพราะมีต้นตระกูลเป็นหมอ ได้แก่รองอำมาตย์ตรีหลง (บุตรของนายจิ๊นแสง) ซึ่งเป็นแพทย์ประจำจังหวัดลพบุรี ส่วนบรรพบุรุษดั้งเดิมนั้นเป็นชาวจีนโพ้นทะเล ที่ล่องเรือมาตั้งรกรากใหม่บนแผ่นดินสยาม โดยมาขึ้นฝั่งที่จังหวัดจันทบุรี

7. โรคภัยไข้เจ็บ

แม้บิดาจะเป็นหมอ (นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เช่นเดียวกับมารดา (พญ.สดใส เวชชาชีวะ) แต่คนหนุ่มวัย 44 ย่าง 45 ปี อย่างคุณอภิสิทธิ์ก็ไม่วายมีโรคภัยไข้เจ็บประจำตัว นั่นคือ "เกาต์"

8. เดี่ยว-โดด-เด่น

คุณ อภิสิทธิ์สนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็ก เขาเคยเป็นสมาชิกยุวประชาธิปัตย์มาก่อน หลังเรียนจบและผ่านการสอนหนังสือมาระยะหนึ่ง คุณอภิสิทธิ์ได้รับฉันทานุมัติจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2535 ในเขต 6 กรุงเทพมหานคร ตอนนั้นเขาอายุแค่ 27 ปี และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนั้นเพียงคนเดียวของ พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากพื้นที่ กทม. กำลังอยู่ในช่วงกระแส "จำลองฟีเวอร์" เวลานั้นคุณอภิสิทธิ์ได้ชื่อว่าเป็น ส.ส.ที่อายุน้อยที่สุดในสภา!

มีคนเข้าใจว่า คุณมาร์คเป็นนายกฯ ที่หนุ่มที่สุดที่ประเทศไทยเคยมี แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ นายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดคือ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ ในปี 2488 ด้วยอายุเพียง 40 ปี ส่วนนายกฯที่เด็กรองลงมาก็คือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกฯ ในปี 2481 ตอนอายุ 41 ปี

9. รับโทรศัพท์

คุณ อภิสิทธิ์เป็นหนึ่งในนักการเมืองที่มีชื่อเสียงเพียงไม่กี่คนที่รับ โทรศัพท์ด้วยตนเอง ยกเว้นปัจจุบันที่มีนายศิริโชค โสภา คอยช่วยรับ และได้ฟังโทรศัพท์ด่าทอและข่มขู่มาแล้วหลายสาย!

10. แรงบันดาลใจ

คุณ อภิสิทธิ์อยากเป็นนักการเมืองตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แรงบันดาลใจที่สำคัญของเขาคือความรู้สึกสะเทือนใจขณะติดตามข่าวเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ทางโทรทัศน์

"มันเกิดอารมณ์สะเทือนใจ และเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาว่า เอ๊ะ! จริงๆบ้านเมืองมันเป็นของเราทุกคนนะ เราเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ท้าทาย อยากเข้ามาทำงานทางการเมืองบ้าง" เขาบอก

http://webboard.campus.sanook.com/forum/2760518_%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81_quot_%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C_%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B0_quot__%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%88.html

สนธิ รอดพักฟื้นไอซียู ตร.คาดปมขัดแย้งกม.

คณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดนายสนธิเสร็จแล้ว เมื่อเวลา 11.10 น. อาการปลอดภัย คนไข้รู้สึกตัวดี สามารถพูดคุยได้ ตร.เร่งถกตาม ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

เมื่อ เวลา 12.00 น.ที่ผานมา ( 17 เม.ย.) นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล แถลงผลการผ่าตัดรักษานายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บาดเจ็บหลังถูกลอบยิงด้วยอาวุธสงครามว่า คณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดนายสนธิเสร็จ แล้ว เมื่อเวลา 11.10 น. โดยแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเอาเศษกะโหลกศีรษะที่แตกออก รวมทั้งเอาเลือดใต้เยื่อหุ้มสมองออก ก่อนที่จะเย็บแผลปิดตามเดิม โดยใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งนายสนธิ ฟื้นตัวดี พูดคุยได้รู้เรื่อง อาการปลอดภัย ทั้งนี้ คาดว่าจะต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกไม่กี่วันก็สามารถกลับบ้านได้ ขณะนี้คนไข้พักฟื้นอาการที่ห้องไอซียู ชั้น 4 ตึกศัลยกรรม

ทั้งนี้เมื่อเวลา 11.10 น. ตั้ว-ศรัญญู วงศ์กระจ่าง และ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาเยี่ยมอาการนายสนธิ อย่าง ไรก็ตาม แพทย์ยังสั่งงดเยี่ยม ต่อมา นายวัศยศ งามขำ รองเลขาธิการฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นำกระเช้าดอกไม้เยี่ยมอาการนายสนธิ ในฐานะสื่อมวลชนด้วยกัน โดยมีนายศรัญญู เป็นผู้รับมอบแทน

ขณะที่ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมชุดสืบสวนในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 เพื่อวางแนวทางการสืบสวนเพื่อคลี่คลายเหตุลอบสังหาร ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายละเอียดและรู้แล้วว่าคดีเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยคนร้ายมีจำนวนมากกว่า 4 คน และมีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืนสงคราม ส่วนชนวนลอบสังหารพุ่งเป้าไปที่ 2 ประเด็น คือ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของนายสนธิ และเรื่องส่วนตัว โดยคนร้ายหวังเอาชีวิตนายสนธิ

ด้าน พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ระบุ 3 ประเด็นลอบสังหารนายสนธิ ทั้งประเด็นการเมือง ความขัดแย้งทางธุรกิจ และเรื่องส่วนตัว ที่เกิดเหตุนอกจากเก็บปลอกกระสุนปืนสงครามได้แล้ว ยังพบระเบิดเอ็ม 79 ที่ยังไม่ทำงาน 1 ลูก ส่วนการติดตามมือปืนอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มใด และกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่าสามารถบันทึกภาพขณะเกิดเหตุไว้ได้หรือไม่ จากพยานในที่เกิดเหตุ ยืนยันคนร้ายใช้รถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ขับหลบหนีไปทางถนนเทเวศร์ ส่วนรายละเอียดป้ายทะเบียนอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่ม และหลังเกิดเหตุได้ส่งกำลังไปที่โรงพยาลวชิระ และที่ทำงาน ส่วนแกนนำคนอื่นหากพบความผิดปกติก็จะส่งกำลังไปอารักขาเช่นกัน.


http://news.sanook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B4-%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B9-%E0%B8%95%E0%B8%A3.%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A1-648811.html

พธม.ฉุนสนธิถูกยิงถล่ม จี้นายกฯโละทหาร-ตร.

ปล่อยให้มีการพกพาอาวุธสงครามเข้ามาในพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน สมเกียรติ ชี้นายกฯ ต้องแสดงภาวะผู้นำ ไม่เช่นนั้น ครม.ก็จะเอาตัวไม่รอดเช่นกัน

วันนี้ (17 เม.ย.) ตามที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โดยคนร้ายใช้อาวุสงครามยิงถล่มรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน วล 89 กรุงเทพมหานคร บริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช แขวงสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อเวลา 05.30 น.นั้น ทันทีที่เกิดเหตุทางแกนนำพันธมิตรฯ ได้เรียกประชุมด่วน ทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2

ล่าสุด นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว ว่า สถานการณ์ขณะนี้บ่งบอกว่า การจัดตั้งกองกำลังถูกลดส่วนลงจากการชุมนุมใหญ่ เป็นระดับกองโจร และอาศัยวิธีจรยุทธ์ คือการเดินทางไปเพื่อกำหนดเป้าหมายแต่ละครั้งเป็นจุดๆ นับเป็นการทำสงครามรูปแบบใหม่ ที่จะไม่ใช้การโฆษณาชวนเชื่อฟัง ความปลอดภัยในประเทศนี้หามีไม่ เพราะว่ารัฐบาลได้ใช้อำนาจสูงสุดที่มีอยู่ ด้วยการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ก็ไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนได้ แสดงว่าจะต้องมีกลไกอะไรบ้างอย่างที่ไม่ทำงาน หรือทำงานอยู่ฝั่งตรงข้ามรัฐบาล

นาย สมเกียรติ กล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์กับทางกลุ่มแกนนำฯ คาดว่ากลไกของรัฐในส่วนของตำรวจ และทหารบางกลุ่มไม่ทำงาน และอาจจะรวมตัวเป็นปฏิบัติต่อภาคประชาชน โดยตั้งข้อสังเกต 2 ข้อ คือ 1. การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ตำรวจ และทหารยืนอยู่ทุกสี่แยก แต่ไม่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ปล่อยให้มีการนำพาอาวุธสงครามผ่านไปได้ และกล้องวงจรปิดตรงที่เกิดเหตุเสีย ไม่เห็นภาพปรากฏเลย นั้นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าการใช้อำนาจสูงสุดของรัฐสิ้นสภาพ และ 2. สถานการณ์ขณะนี้เป้าหมายของศัตรูของประชาชน และศัตรูของประเทศชาติ ได้มุ่งทำลายรัฐบาลที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำลายทั้งภาพลักษณ์ที่โดเด่นในสายตาของประเทศ ด้วยการล้มการประชุมอาเซียน +3 และ+6 ทำลายโดยจัดวางความรุนแรงมาใส่ตัวนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อจัดการรัฐบาลเสร็จ ก็พุ่งเป้ามาจัดการพันธมิตรฯ การจัดวางที่ถูกออกแบบมาเป็นลำดับขั้น ทำให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ประสบภาวะเดียวกันกับรัฐบาล

นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มว่า จึงขอเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในกลไกของรัฐ โดย สนับสนุนภาวะผู้นำของนายอภิสิทธิ์ ใช้ ภาวะผู้นำ และอำนาจสูงสุด ในการเปลี่ยนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนผู้บัญชาการเหล่าทัพบางเหล่าทัพ และเปลี่ยนศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ เปลี่ยนกลไกและองค์กรเกี่ยวกับด้านความมั่นคงทั้งหมดของรัฐ ไม่เช่นนั้น นายกฯ และ ครม. ก็จะเอาตัวไม่รอดเช่นกัน และเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ พี่น้องประชาชน จะรวมกันฝ่าข้ามวิกฤติการณ์นี้ การจัดคอนเสิร์ตกลางเมืองพรุ่งนี้ (18 เม.ย.) ที่จังหวัดภูเก็ต ยังคงดำรงอยู่เหมือนเดิม และวันที่ 25 เม.ย. คอนเสิร์ตกลางเมือง ที่จังหวัดระยอง โดยยืนยันว่าไม่มีอำนาจใดมาขัดขวางได้

ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯยัง ไม่ปักใจเชื่อว่าใครอยู่เบื้องหลัง หรือสั่งการ ให้เวลารัฐบาลหาคนที่เกี่ยวข้อง แต่มีข้อสังเกตุอาจเกี่ยวกับอำนาจรัฐบางกลุ่ม เป็นคนในเครื่องแบบ ขอเรียกร้องนายกฯ อย่างชะล่าใจ ต้องเร่งรัดดำเนินการหาตัวคนลอบสังหารนายสนธิ ขณะเดียวกัน นายกฯ ต้องจัดระเบียบกลไกรัฐ โดยเฉพาะ สตช. การล้มอาเซียน ที่พัทยา การก่อจลาจลในเมืองหลวง ท่านจะนิ่งนอนใจไม่ได้

"เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนภาพการเมืองระบบเก่า ถูกคุกคามแต่ไม่มีความคืบหน้าในการหาคนกระทำผิดมาดำเนินการ" นาย สุริยะใส กล่าว และว่า พี่น้องพันธมิตรฯ อย่าหวั่นไหว รอความคืบหน้าจากแกนนำฯ ความคืบหน้าที่เกี่ยวกับการลอบสังหารนายสนธิ นายกฯ ต้องให้หลักประกันว่า จะไม่มีใครเป็นเหยื่ออีก

ส่วนนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ตนมองเป็นสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมือง พร้อม ขอให้นายกฯ แสดงความเป็นผู้นำ หากมุ่งหวังพัฒนาประชาธิปไตยสร้างการเมืองใหม่ ต้องจัดการกลไกอำนาจรัฐให้ได้ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ นายสนธิ ถูกลอบฆ่าโดยทหารไม่รับรู้ ส่วนอำนาจรัฐที่ซ้อนรัฐอยู่ คือแก๊งค์มาเฟียอยู่ในสังคมไทย วันนี้หากการสอบสวนไม่สามารถหาคนทำผิดมาได้ แสดงว่า ผบ.ทบ.ไม่ร่วมมือกับนายกฯ ผบ.ตร.ไม่ร่วมมือกับนายกฯ หาก ไม่กล้าตัดสินการตายของผู้นำภาคประชาชนจะมีอีกหลายคน ตนพร้อมให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าพันธมิตรฯ พร้อมร่วมมือในการแก้ไขวิกฤติของประเทศชาติครั้งนี้

ขณะ ที่นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรรุ่นที่ 2 กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งที่พัทยา และกรุงเทพฯ ว่า มีเบื้องลึกเบื้องหลัง เป็นเกมเพื่อล้มรัฐบาล มีการหวังว่า หากล้มนายสนธิได้ สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ต้องสิ้นชีพ และหวังผลว่า นายสนธิดับไปพันธมิตรฯ ต้องอ่อนกำลังลง ไม่สลายก็เหมือนสลาย ซึ่งเขาก็คิดผิด ผลพลอยได้ คือการสั่นคลอนสเถียรภาพรัฐบาล หลายฝ่ายทั้งกลุ่มที่มาขับไล่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ หน้าทำเนียบฯ ส่วนหนึ่งต้องการล้มรัฐบาล ล้มด้วยรูปแบบต่างๆ เป็นต้น นัดเดียวหวังยกอย่างน้อย 4 ตัว

" ถึงเวลาที่นายกฯ ได้อดทนถูกทุบถูกตี มา 2-3 รอบจะได้แสดงภาวะผู้นำเด็ดเดี่ยว แต่อย่าปล่อยให้ถูกกระทำมากๆ ผมให้กำลังใจและฝ่าข้ามวิกฤติตรงนี้ไปให้ได้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช้เต็มกำลังแล้วก็ได้แค่นี้ ต้องกระชับอำนาจ" นายสำราญ กล่าว และว่า ต่อคดีนายสนธิ ต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)มาดูแล แต่ต้องเปลี่ยนตัวอธิบดีดีเอสไอ ตนไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่คิดว่าเพื่อความสบายใจ โล่งโปร่ง

Thursday, April 2, 2009

แพง เตือน ชัญญ่า ใครดีไม่ดี เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

แพง ฟลุค


แพง หนุนคำ ฟลุค ด่าเตือน ชัญญ่า ร้ายระวังเวรกรรม (สยามดารา)

ความ ลับแตก "ชัญญ่า ทามาดะ" ถูกแฉหมดเปลือก จัดฉากกับทุกๆ เรื่อง เพื่อเกาะกระแส "ฟลุค-เกริกพล" ดัง ด้าน "แพง-ขวัญข้าว" เสริมทัพ "ชัญญ่า" ร้ายกว่าที่คิด...เคลียร์ข่าว "น้องอชิ" เรียกแม่ แอบกระซิบพี่ๆ นักข่าวว่าเร็วๆ นี้ หนุ่มฟลุคเตรียมทุ่มงบไม่อั้น ปิดผับจัดงานวันเกิดให้ ในวันที่ 11 เมษายนนี้

เรียกว่าผ่านมรสุมข่าวมาด้วยกันแบบกระหน่ำสุดๆ ไปเลย สำหรับคู่รักที่มักตกเป็นข่าวฉาวอยู่บ่อยๆ อย่าง "ฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช" กับ "แพง-ขวัญข้าว เศวตวิมล" ซึ่งล่าสุดดูเหมือนว่าทั้งคู่กำลังจะผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ไปได้ด้วยดี แถมล่าสุดหนุ่มฟลุคยังใจป้ำทุ่มงบไม่อั้นปิดร้านอาหารย่านเจริญกรุง เลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบ 27 ปี ในวันที่ 11 เมษายนนี้ เป็นของขวัญให้กับสาวแพง โดยเชิญทั้งเพื่อนๆ ในวงการ, นอกวงการ รวมถึงพี่ๆ นักข่าวอีกด้วย

ทั้ง นี้ผู้สื่อข่าวมีโอกาสเจอหน้าสาวแพงในงาน Central Toys&Games Fair 2009 ที่เซ็นทรัล ชิดลม เมื่อวันก่อนเลยถือโอกาสนี้ถามถึงข่าวคราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีคนออกมาแฉว่า "ชัญญ่า" คู่กรณีของหนุ่มฟลุคเป็นคนจัดฉากกับทุกเรื่อง เพราะอยากดังและสร้างกระแสให้กับตัวเอง, มีข่าวว่าล่าสุดน้องอชิเรียกสาวแพงว่าแม่แล้ว ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ สาวแพงเคลียร์ให้ฟังชัดๆ ดังนี้

แพง : เรื่องที่พี่ฟลุคปิดร้านเลี้ยงวันเกิดเหรอ คือจริงๆ แล้วตั้งใจอยากจะชวนพี่ๆ น้องๆ มารวมถึงพี่ๆ ที่ทำข่าวให้เราก็รู้สึกว่าพี่ๆ ที่ทำข่าวเรามาทุกคนเป็นเหมือนพี่น้องเป็นเหมือนเพื่อนแพงด้วยมีความรู้สึก ว่าน่าจะชวนมาทุกๆ คน เรื่องนี้พี่ฟลุคเป็นคนต้นคิดทั้งหมดเลย เพราะว่าเราก็รู้สึกผูกพันกันมานาน อยากให้พี่ๆ ได้เอนเตอร์เทน ไม่ต้องมาซีเรียสบ้างไม่ต้องมาทำข่าวบ้างให้มาสนุกๆ กัน ถามว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญก็คงอยากได้ความสบายใจค่ะ เจอเรื่องร้ายๆ มาเยอะแล้ว ก็ขอเจอเรื่องดีๆ บ้าง และที่พี่ฟลุคจัดงานนี้ให้นั้น ก็คงเป็นเพราะเห็นแพงเจอเรื่องร้ายๆ มา ก็อยากให้แพงสบายใจบ้างเลยจัดให้ค่ะ ก็รู้สึกดีที่เค้าทำแต่สิ่งดีๆ ให้ไม่ทำร้ายเรา ก็รู้สึกดีเสมอค่ะ

จากนั้นผู้ สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่ว่า ตอนนี้มีข่าวแว่วมาว่าสาวแพงสนิทกับน้องอชิมากๆ ถึงขั้นที่น้องอชิเรียกสาวแพงว่าแม่แล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้สาวแพงตอบแบบเขินๆ ว่่า

แพง : ไม่ขนาดนั้น อย่าสิอายุแค่นี้เอง ไม่ขนาดนั้นค่ะ

ต่อคำถามถึงประเด็นร้อนๆ ที่ว่าตอนนี้มีคนออกมาแฉถึงสาวชัญญ่า เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งหมด รวมถึงภาพหลุดที่หนุ่มฟลุคไปนั่งกินหมูกระทะกับสาวชัญญ่านั้น จริงๆ แล้วสาวชัญญ่าเป็นคนจัดฉากเองและจ้างคนไปถ่ายรูปเองเพื่อเกาะกระแสหนุ่มฟลุค ดัง เกี่ยวกับเรื่องนี้สาวแพงชี้แจงให้ฟังว่า

แพง : ความ เห็นแพงคือแพงตอบไปแล้ว ตั้งแต่ตอนแรก และแพงบอกกับพี่ๆ แล้วว่าแพงจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ความเห็นส่วนตัวแพงคือใครทำอะไร ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเห็นค่ะ วันเวลาเป็นสิ่งที่จะบอกเราว่าใครมีความจริงใจแค่ไหน เค้าจริงใจกับประชาชนหรือกับสื่อมวลชนแค่ไหนคือแพงเป็นกลางมาก ทุกอย่างจะต้องเห็น ความจริงจะต้องปรากฏค่ะ แพงขอไม่พูดเรื่องนี้ แพงพูดแล้วว่าแพงไม่อยากพูด มันพูดแล้วเสียความรู้สึกค่ะ แล้วเดี๋ยวก็เห็นกันเอง ใครเป็นคนดีเราเห็นใครทำไม่ดีเราเห็นค่ะ ซึ่งแพงไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้และเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็ถ้าเกิดว่าสมมตินะ มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นจริงแพงว่าไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ขนาดนี้ค่ะ ไม่คิดว่าจะสร้างเรื่องได้ขนาดนี้ มันซับซ้อนกว่าที่เราคิดแต่ไม่สามารถพูดได้จริงๆ ค่ะ เอาเป็นว่าคนดีก็คือคนดี คนที่พูดความจริงก็คือความจริง คนที่ทำอะไรไม่ดีไว้ วันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เองค่ะ

http://hilight.kapook.com/view/35484

Friday, March 27, 2009

ทักษิณพูดชัดป๋าเปรมคือผู้มีบารมีนอก รธน.

ทักษิณพูดชัดป๋าเปรมคือผู้มีบารมีนอกรธน.


ทักษิณ VDO ลิงค์ถึงคนเสื้อแดงที่ชุมนุมหน้าทำเนียบฯแล้ว แฉคนมีบารมีนอก รธน.พล.อ.เปรม รวมไปถึง พล.อ.สุรยุทธ์ ที่เข้าไปยุ่งการเมือง

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ วิดีโอลิงค์ เพื่อปราศรัยขึ้นจอภาพ บนเวทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า มารวมตัวเพื่ออนาคตของประเทศไทย เพื่อตกลงกันว่า ระบอบประชาธิปไตยที่เรารักเราห่วงแหน เพื่อปกป้องสิทธิของเราไว้

พ.ต.ท.ทักษิณ แฉว่า คนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะองคมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมือง หลังจากนั้นก็มีการเดินสายโจมตีตน โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามายุ่งด้วย

http://news.sanook.com/read/2009/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%8B%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%98%E0%B8%99/585332/

Tuesday, March 24, 2009

เอมมี่-มรกต กิตติสาระ นางงามไทย

เอมมี่-มรกต รส นางงามไทย
เอมมี่-มรกตเอมมี่-มรกต กิตติสาระ ทำฮือโชว์หวือหวา เต้าโผล่ กลางห้าง ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์ (ว่าน เอเอฟ) ขยิบตาตะลึงมองเธอ ตั้งใจรับค่าตัวแค่ไปอาบน้ำโชว์กลางห้างเพียงเท่านั้น แต่ชีวิตเธอกลับผกผัน กลายเป็น “นางเอกฉาว” ขึ้นหน้า 1 พร้อมกันแทบทุกฉบับ ไม่ได้ ตั้งใจโชว์ แต่ฟีดแบ็ก เต้าหลุด กลับดังเหลือเกิน มันเป็น “อุบัติเหตุฉาว” ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้ว รับประกันว่า “ดังทุกราย!” เต้าหลุด “จุกเกือบโผล่” ในงาน เดอะ คัลเลอร์ ออฟ ซาฮาร่า แอท เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า



โดยเฉพาะสองหนุ่ม ว่าน กับ อ้วน-รังสิต นาที นี้ต้องถือเป็นหนุ่มผู้โชคดีที่ได้เห็นเต้า เอมมี่ แบบริงไซด์ ใกล้ชิดในระยะบัตรราคาวีไอพี ว่าน เห็นปุ๊บตาลุกวาว รีบ “เปิดหวอ” ส่งสัญญาณอันตรายให้ เอมมี่ รู้ตัว แต่เธอกำลังอินกับบทบาทที่ได้รับ เวทีที่ถูกเนรมิตขึ้นมาให้เป็นทะเลทรายซาฮาร่าสีชมพู “เอมมี่” ต้องลงไปเล่นน้ำคลายร้อนกลางสระน้ำ ที่สร้างขึ้นมาด้วยผ้ายาง น้ำก็ตื้น แถมชุดก็ยาว รองเท้าส้นสูงก็เป็นอุปสรรคตอนลงสระ เอมมี่ ก็ต้องคลานเข่าลงไป สงสัยจังหวะนั้นคลานเข่าไปรั้งชุดให้เต้าหลุดออกมา เอมมี่ เพิ่งรู้ตัวว่า “โป๊” ก็ตอนทีมงานตะโกนบอก แต่เธอก็มืออาชีพสุดๆ แม้จะมีอุปสรรคก็ยกมือมา “ปิดหัวจุก” แล้วก็กอดเต้า อาบน้ำต่อหน้าตาเฉย เพราะเธอรู้ตัวว่าซุปเปอร์เซฟ มีสก๊อตเทปแปะหัวจุกเอาไว้กันโป๊ ก็เลยไม่สะท้านสายตาของชายใด!





ปีที่ผ่านมา เอมมี่ มีละครเล่น 3 เรื่องติดต่อกัน แต่ปีนี้ผ่านมา 2 เดือนกว่า ยังเงียบฉี่ เอมมี่ เพิ่งบ่นอุบว่างานละครหดหาย พอเกิดเหตุการณ์ “เต้าหลุด”เอมมี่ เลยถูกเม้าท์ระยะเผาขนว่า จงใจสร้างกระแสเพื่อเรียกงานหรือเปล่า?!! เพราะหลังจากนี้เชื่อว่างานอีเว้นท์ต่างๆต้องนึกถึง เอมมี่ จ้าง เอมมี่ แสนคุ้ม!


เอมมี่-มรกต



แต่ เอมมี่ ไม่คิดอย่างนั้น หลังจากสลัดความอาย เธอบอกว่า ขอโทษที่มีใครได้เห็นภาพที่ไม่เหมาะสม เอมมี่ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ รู้สึกอาย แต่ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากจะคาดเดา แต่โทษใครไม่ได้ มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ!




หนุ่มๆ คงพร้อมใจกันให้อภัย ไม่โกรธ แถมอยากโดดเข้าไปปลอบขวัญให้กำลังใจ เอมมี่ วงการบันเทิงจะได้ รื่นรมย์ มีของสวยๆ งามๆ แบบเรียลลิตี้โชว์ (โชว์สด) ให้ดูกันอีก เอมมี่ เป็นสาวฮอตที่เครื่องร้อนตลอดเวลา แฟนคลับเต้าหลุด ไม่ต้องรอนาน เธอสลัดผ้าโชว์เนื้อหนังมังสา อวดความสาว ของสาวผิวสีแทน เซ็กซี่สุดบรรยายให้นิตยสารวอลลุ่ม


เอมมี่-มรกต




ก่อนหน้า นี้ เอมมี่ สนิทกับ ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต ประมาณ ว่า ชมพู่ เป็นคนช่วยเปิด โลกทัศน์วงการแฟชั่นให้ เอมมี่ ตอน เอมมี่-ชมพู่ ควงกันออกงานคู่ ช่างภาพต้องคอยตั้งกล้องรอถ่ายว่าเพื่อนคู่นี้จะใส่ชุดอะไรมาโชว์ ตอนนี้ ชมพู่ ไปอยู่ช่อง 3 ก็เลยห่างๆ กัน เมื่อ “มีของดีอยู่ในตัว” แล้ว...แค่ “โชว์เต้า-งานก็เข้าตรึม!” (ขนาด ของ เต้า ต้อง “เร้าใจ” ด้วย)



เอมมี่-มรกตดวงความรักของ เอมมี่ ช่วง นี้ดีวันดีคืน มีหนุ่มไฮโซนอกวงการ คอยดูแล ซึ่ง เอมมี่ เองก็เปิดตัวเปิดใจว่าคบๆ ดูๆ กันอยู่ พาไปงานแต่งงานเพื่อนๆในวงการมาหลายงาน แต่ก็ยังแทงกั๊ก “รักแบบเพื่อน” แต่ดูก็รู้ว่าถ้าไม่สนิท เอมมี่ คงไม่ควงไปโชว์แน่นอน!



ดีกรี นางงามไทย (มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส) สาวนักเรียนนอก-นาง เอกดัง อย่าง เอมมี่-มรกต กิตติสาระ ถือว่า คุณภาพคับตุ่ม นิตยสาร วอล ลุ่ม โชว์ทุกมุมมองของความสวยของเธอแล้ว... มั่นใจได้แน่ๆ- รับรองทั้งหนุ่ม- แก่ ต้อง “ซี้ดซ้าดกันซ่านทรวง!”





เนื้อหา http://women.sanook.com/dreammodel/women/women_54761.php
ภาพจาก วอลลุ่ม

Friday, March 20, 2009

สุเทพ ยันเฉลิมพูดปด ขู่ฟ้องยุบพรรคอีกรอบ

สุเทพ ยันเฉลิมพูดปด ขู่ฟ้องยุบพรรคอีกรอบ

สุเทพ ยันเฉลิมพูดปด ขู่ฟ้องยุบพรรคอีกรอบ

ไม่ ได้ตั้งใจอภิปราย นายกฯ แต่กลับไปเอาพฤติกรรมของกลุ่มคน ที่ไม่เกี่ยวกับ ปชป. มาอภิปราย ชี้เป็นเจตนาใส่ร้ายกลั่นแกล้ง ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค

เมื่อเวลา 00.10 น.ที่รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ติดตามฟังการอภิปรายมาตลอด 2 วัน ได้พบความจริงว่า เจตนาที่แท้จริงของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ตั้งใจอภิปรายนายกรัฐมนตรี เพราะเท่าที่ฟังไม่มีเนื้อหาสาระที่จะตรวจสอบการทำงานนายกรัฐมนตรี แต่กลับไปเอาพฤติกรรมของกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์มาอภิปราย อีกทั้งในการอภิปรายฝ่ายค้านยังยอมรับเองว่า มีส่วนในการส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาหลายเรื่อง ดังนั้น จึงเป็นเจตนาใส่ร้ายกลั่นแกล้ง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค และตนยังได้ลุกขึ้นถามย้ำต่อ ร.ต.อ.เฉลิมในที่ประชุมด้วยว่า หากพิสูจน์ได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ผิด พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะรับผิดชอบร่วมกันทั้งพรรคใช่หรือไม่

"เรื่องเงินเข้าออกในบัญชีเงินบริจาค นั้นพิสูจน์ได้ไม่ยาก พวกผมพร้อมที่จะรับผิดชอบร่วมกัน เพราะการเซ็นรับรองงบการเงินต้องผ่านที่ประชุมพรรค และการดำเนินการครั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานของสภาผู้แทนราษฎร" นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่า เรามีเอกสารยืนยันว่า ร.ต.อ.เฉลิม พูดปดกลางสภา โดยเฉพาะการที่ระบุว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ซึ่งตนได้รับรายงานจากผู้บัญชากาตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยืนยันว่า ยังไม่มีการออกหมายจับนายกษิต แต่อย่างใด ทั้งนี้จะรอให้ ร.ต.อ.เฉลิม เดินทางไปร้องเรียนกับ กกต.ในวันที่ 21มี.ค.เพื่อขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องไปฟ้องให้จริง เพราะบอกเองว่า เป็นลูกผู้ชายตัวจริง ซึ่งตนก็จะเดินทางไปร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทยต่อทันทีเช่นกัน และเราคงจะได้เห็นสัมภเวสีทางการเมืองกันอีกรอบ

Sunday, March 15, 2009

ยาคุมฉุกเฉิน กินเลยหรือรอเช้าก่อนดี

ยาคุมฉุกเฉิน กินเลยหรือรอเช้าก่อนดี

 ยาคุมกำเนิด

ยาคุมกำเนิด หรืออีกชื่อหนึ่งคือ morning after ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนไม่รู้จัก ที่ปากบอกว่ารู้จักก็ไม่รู้จริง เคยได้ยินยาคุมกำเนิดที่เรียกว่า มอร์นิ่ง อาฟเตอร์ กันบ้างมั๊ย เขียนตรงๆ ตัวเลยว่า morning after piill คนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนอาจงง ยาเช้าวันต่อมามันยาอะไรกัน

ยาคุมกำเนิด ชนิดนี้เป็นยาที่ให้ผู้หญิงกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ มีส่วนประกอบของฮอร์โมนที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้มีประสิทธิภาพ ยามอร์นิ่ง อาฟเตอร์สามารถทานหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ทันที ไม่ต้องรอให้เช้าก่อน หมอบางคนจึงสะดวกปากเรียกว่า “ยาคุมฉุกเฉิน” มากกว่า

ยาคุมฉุกเฉินพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย และสามารถใช้คุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพนานถึง 5 วันหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือในกรณีการป้องกันรูปแบบอื่น เช่นยาคุมกำเนิด หรือถุงยางอนามัยไม่ได้ผล ถึงกระนั้น ดร.ซินเธีย เจอ มอลเลน จากโรงพยาบาลเด็กฟิลาเดลเฟีย กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า คนยังเข้าใจยาฉุกเฉินผิดหลายเรื่อง

เธอและทีมงานได้ทดสอบความรู้ และทัศนคติเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินจากเด็กผู้หญิงอายุ 15-19 ปีที่เข้ารับการรักษาในแผนกฉุกเฉิน เด็กหญิง 16 คนบอกว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ (ในจำนวนนี้ 5 คนบอกว่าเคยมีประวัติตั้งครรภ์) และ 14 คนไม่เคยมีเพศสัมพันธ์

จากการสัมพันธ์คนละ 1 ชั่วโมง ได้ผลออกมาว่า เด็กที่เคยมีเพศสัมพันธ์ 94% รู้จักยาคุมฉุกเฉิน หรือ มอร์นิ่ง อาฟเตอร์มาแล้ว แต่ 40% ของเด็กกลุ่มนี้ กลับอธิบายไม่ได้ว่ามันใช้งานอย่างไร

ส่วนเด็กที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ 50% ไม่เคยได้ยินยาชื่อนี้มาก่อน มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่บอกว่ารู้จัก และรู้ว่าใช้เมื่อไร และหาซื้อได้ที่ไหน ทีมวิจัยยังพบอีกว่า เด็กหญิง 7 คน (5คนเคยมีเพศสัมพันธ์ และ 2 คนไม่เคยมีเพศสัมพันธ์) รู้ว่าคณะกรรมการอาหารและยารับรองให้ยา “แพลนบี” ซึ่งเป็นชื่อยาคุมกำเนิดฉุกเฉินยี่ห้อหนึ่สำหรับผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์

เด็กหลายคนมีทัศนคติว่า คนที่กินยาคุมฉุกเฉินจะมีความรู้สึกอับอาย และคิดว่า ร้ายขายยาอาจเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง เด็กเหล่านี้รวมถึงกลุ่มที่ไม่รู้จักยาตัวนี้ด้วย ยังกังวลว่ากินยาแล้วจะมีผลข้างเคียง

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ละคร เพลงรักข้ามภพ

ละคร เพลงรักข้ามภพ
บทประพันธ์ น.ส.สุขยิ่ง
บทโทรทัศน์ วรพันธ์ รวี
กำกับการแสดง วัชรา สังข์สุวรรณ
ออกอากาศทุก วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ 20.25 น. ทางช่อง 7 สี

เรื่องย่อ
นก ยูง เป็นลูกสาวคนเดียวของ นวล อดีตหางเครื่องวงดนตรี พ่อของนกยูงเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดัง ก้องหล้า ที่เสียชีวิตไปแล้ว นวลแต่งงานใหม่กับ เสี่ยใหญ่ในต่างจังหวัดชื่อ มังกร นกยูงเป็นเด็กเรียนหนังสือไม่เก่ง ตอนเด็กๆ ในขณะที่เพื่อนนกยูงเรียนชั้นป.6 แล้วนกยูงยังเรียนชั้นป.2 อยู่เลยนกยูงชอบเล่นสนุกซุกซนมากกว่านั่งฟังครูสอน เพื่อนๆ ดูถูกว่านกยูงเป็นเด็กโง่ เซ่อซ่า มองโลกบริสุทธิ์เกินไป ทุกคนตราหน้าว่านกยูงคงเป็นได้แค่เด็กเลี้ยงควายในจังหวัด ไม่มีทางได้ดิบได้ดีมีงานทำแน่นอน นกยูงยิ้มขอบใจเพื่อนที่อุตส่าห์แนะนำอาชีพแบบนี้ให้ อาชีพเด็กเลี้ยงควายทำให้ตนเองได้ร้องเพลง ท่ามกลางทุ่งนาอันกว้างใหญ่ช่างเป็นอาชีพที่น่าสนใจจริงๆ ด้วย

นก ยูงทั้งแก่นแก้ว และใสซื่อจนถูกพ่อเลี้ยงตี เพราะพ่อเลี้ยงรู้สึกอายเพื่อนที่มีลูกสาวเรียนหนัง สือไมเก่ง แม่นวลของนกยูงต้องคอยปกป้องลูกรักจนทะเลาะกับมังกรบ่อยๆมังกรคาดโทษว่าถ้า นกยูงสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้นกยูงต้องถูกเฆี่ยน หลังจากนั้นมังกรก็นั่งเหลาไม้ให้นกยูงกลัวที่หน้าบ้านทุกวันวันประกาศผลนก ยูงสอบไม่ได้ มังกรดักรอตีนกยูงหน้าบ้าน นวลวิ่งไปดูประกาศผลสอบ นวลตัดสินใจส่งนกยูงไปกับวงดนตรีลูกทุ่ง ที่มีเพื่อนเก่าชื่อ น้อยหน่า เป็นตลกอาวุโสอยู่ นกยูงร้องไห้เสียใจที่ต้องจากแม่ น้อยหน่ากับคณะตลกชายหนุ่มจิตใจดีอีกสองคนชื่อ ลำไย และ มังคุด ทุกคนช่วยกันเล่นตลกให้นกยูงดู นกยูงจึงรู้สึกดีขึ้น

นกยูงมีความสุข ที่อยู่กับคณะตลกของน้อยหน่า ร่อนเร่ไปกับวงดนตรีลูกทุ่ง นกยูงคิดเปลี่ยนใจเลิกเป็นเด็กเลี้ยงควายมาเป็นอาชีพตลกหญิง จากนั้นก็เริ่มหัดเล่นตลกทึงโป๊ะอยู่ในคณะมุขต่างๆ เริ่มแพรวพราวมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ครูทิน เจ้าของคณะอดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ขึ้นร้องเพลงแล้วเป็นลมล้มลงเพราะโรคหัวใจ นกยูงจึงขึ้นร้องเพลงแทน ด้วยเสียงใสกังวาน ทุกคนตกใจเพราะไม่รู้มาก่อนว่านกยูงร้องเพลง “ดวงใจ” เพราะขนาดนี้ ที่แท้นกยูงเคยฟังเพลงนี้ที่พ่อร้องเมื่อตอนเด็ก เพราะเพลงดวงใจเป็นเพลงประจำตัวพ่อ และเป็นเพลงที่ทำให้พ่อมีชื่อเสียงก่อนจะตาย

น้อยหน่า และดาวตลกทั้งหลายช่วยกันพูดให้ครูทินยอมรับนกยูงเป็นนักร้องในคณะ ครูทินผู้เข้มงวด และดุดัน สอนนกยูงร้องเพลงอย่างจริงจัง ทินตั้งใจจะพานกยูงเข้าประกวดในรายการ “เส้นทางดาว” รายการทีวีแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่งทางโทรทัศน์ที่กำลังจะเปิดคัดเลือกในอีก ไม่กี่วันข้างหน้าการที่นกยูงได้เป็นนักร้องในวง ทำให้นักร้องหญิงคนเดิมที่อายุมากแล้ว ส้มจี๊ด รู้สึกไม่พอใจ เช่นเดียวกับ มะปรางลูกสาวจอมขี้เกียจของครูทินที่หวังจะเป็นนักร้องดังแต่ไม่เคยซ้อม ทั้งคู่ช่วยกันกลั่นแกล้งนกยูงมะปรางใช้งานนกยูงให้เป็นคนรับใช้ในวง ถ้านกยูงไม่ยอมมะปรางจะโทรบอกพ่อเลี้ยงให้มารับนกยูงกลับ นกยูงจำต้องอดทน เมื่อนกยูงต้องทำงานหนักจนไปซ้อมไม่ทัน ครูทินลงโทษนกยูงด้วยการให้วิ่งรอบสนาม นกยูงเหนื่อยทั้งคืน ถึงตอนเช้ามะปรางก็ยังปลุกนกยูงจากที่นอนไปซักผ้า ทำงานบ้านอีก

เมื่อ ถึงเวลาเรียนกับครูทิน นกยูงจึงร้องเพลงได้ไม่ดี จู่ๆ ก็ยืนหลับกลางเพลง ครูทินโมโหด่าไปถึงพ่อนกยูง หาว่าพ่อของนกยูงเป็นนักร้องขี้เมา กินเหล้าจนอายุสั้น และไม่เคยซ้อมร้องเพลงเลย ถึงเวลากลับมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าตนศิษย์ครูเพลงคนเดียวกันที่ขยันซ้อมทุก วันแต่ไม่เคยดังเท่ากับก้องหล้าพ่อของนกยูง นกยูงเพิ่งรู้ครูทินเป็นเพื่อนของพ่อ แถมยังเกลียดพ่อของตนอย่างมากด้วย และที่สำคัญพ่อของตนไม่ใช่คนดีอย่างที่ตนเข้าใจมาตลอดนกยูงเสียใจวิ่งไป ร้องไห้ที่ต้นลั่นทมหลังบ้านครูทิน นกยูงจดจำคำแม่ได้ แม่สั่งว่าเมื่อไหร่ที่อยากร้องไห้ให้ร้องเพลง นกยูงร้องเพลงใต้ต้นลั่นทมที่กำลังจะตาย จู่ๆ ก็เกิดปาฏิหาริย์ เสียงเพลงไพเราะของนกยูงทำให้ลั่นทม ผลิใบงดงาม และออกเป็นดอกสวยงามไม่เพียงเท่านั้นที่ใต้ต้นลั่นทม หล่อนยังได้พบกับ นำทาง หนุ่มหล่อในชุดสูทขาวผูกเนคไทเหลืองสีชุดที่เหมือนดอกลั่นทม เขาออกมาช่วยพูดคุย และให้กำลังใจเธอก่อนจะเดินหายเข้าไปในต้นลั่นทม

วัน รุ่งขึ้นนกยูงพยายามตามหานำทางอีกแต่ก็ไม่พบ พวกของน้อยหน่าเล่าว่าวันก่อนมีชายหนุ่มขี่มอเตอร์ไซด์มาประสบอุบัติเหตุคอ หักตายอยู่แถวนี้รู้สึกเขาจะใส่ชุดสูทสีขาวด้วยได้ฟังแค่นั้น นกยูงก็จับไข้หัวโกร๋นสามวันเพราะกลัวผีของนำทางจับใจ ระหว่างที่นกยูงไม่สบาย มะปรางเอายาถ่ายผสมน้ำส้มมาให้หล่อนกิน แต่จู่ๆ แก้วน้ำส้มก็ถูกสลับกลายเป็นมะปรางกินมันเองแล้วท้องเดิน เรียนร้องเพลงไม่ได้นกยูงสงสัยว่าใครมาช่วยหล่อน นำทางก็โผล่ออกมาที่ข้างเตียงของเธอ นกยูงกรี๊ดเป็นลมสลบไป นำทางพยาบาลหล่อนจนฟื้น นกยูงตื่นมาวิ่งไปหาพระมาใส่นำทางก็ช่วยเต็มที่หาสร้อยคอคล้องพระให้เธอด้วย นกยูงรับสร้อยจากนำทางเห็นนำทางอีก นกยูงก็เป็นลมร่วงลงไปอีกเมื่อเจอผีไม่กลัวพระเข้า นกยูงเลยตัดใจสู้นั่งคุยกับนำทาง นำทางบอกว่าไม่รู้ทำไมตนเองต้องตามนกยูงมา แต่สงสัยเป็นเพราะนกยูงเอาดอกลั่นทมจากต้นลงมาเหน็บไว้ที่ผมนำทางเลยติดตาม นกยูงมาได้

นกยูงพยายามเอาดอกลั่นทมนั้นออกจากผม แต่ก็ไม่สำเร็จเอาออกวางครู่เดียวเดี๋ยวก็กลับมาติดที่ผมใหม่ โชคชะตาหรือไรทำให้ดอกลั่นทมนั้นติดกับผมของเธอ และนำทางก็ติดกับตัวเธอไปทุกหนแห่ง ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ยกเว้นในเวลากลางวัน นำทางต้องผูกติดอยู่กับต้นลั่นทมออกไปไหนไม่ได้นกยูงประสาทเสียที่จู่ ๆ มีวิญญาณหนุ่มหล่อคอยติดตามหล่อนไปทุกที่ แม้ในเวลาที่ต้องเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ และเวลานอน นำทางนอกจากเป็นผีแล้วยังความจำเสื่อม เขาจำเรื่องราวของตนไม่ได้จะกลับไปสิงที่บ้าน กลับไปหาญาติก็ไปไม่ถูก ทั้งโลกมืดใบนี้ มีแต่นกยูงคนเดียวที่มองเห็นนำทางเขาเลยยึดนกยูงเป็นเพื่อนตลอดเวลา ทั้งที่นำทางเองก็รำคาญความซุกซน ซุ่มซ่าม และเซ่อซ่าของนกยูงไม่น้อย

นก ยูงเองก็รำคาญนำทาง นำทางเป็นผีไฮโซ ท่าทางเจ้าสำอางค์ และเจ้าระเบียบ เวลาหล่อนกินน้ำพริกปลาร้า ก็คอยมายืนเหม็นอยู่ข้างๆ เวลาหล่อนซ้อมร้องเพลงตอนกลางคืน นำทางก็ชอบมาคุยกับเธอเรื่องเพลงลูกทุ่งที่เขาเพิ่งเคยได้ยินจากนกยูงเป็น ครั้งแรกในชีวิต นำทางใช้ภาษาไทยคำอังกฤษคำทั้งที่นกยูงนั้นเขียนภาษาไทยยังผิดๆ ถูกๆ ความแตกต่างของคนทั้งคู่ทำให้นกยูงและนำทางมีเรื่องปะทะกันอยู่เสมอถึงวัน คัดเลือกนักร้องเข้าประกวดของรายการเพลง “เส้นทางดาว” พวกเขาจัดการคัดเลือกนักร้องจากทั่วประเทศที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ครูทินส่งนกยูง และมะปรางเข้ามาคัดเลือกในครั้งนี้ด้วย แต่ส้มจี๊ดนั้นอายุเกินทำให้หล่อนรู้สึกไม่พอใจอย่างมากยืนโวยวายเจ้า หน้าที่กองประกวดเสียงดังลั่น ส้มจี๊ดอิจฉาริษยาเด็กสาวทุกคน และตั้งใจว่าจะกลั่นแกล้งทั้งนกยูง และมะปรางให้หมดทางจรัสแสง สำหรับนกยูงทันทีที่เดินเข้ามาสมัคร นกยูงก็แทบวิ่งหนีกลับบ้าน หล่อนได้พบกับคู่แข่งที่น่ากลัวมากมาย

มินท์ นักร้องจบนอก ไฮโซสาวสวย ที่มีครูเพลง ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม และสไตลิสต์ ติดตัว คอยเทรนด์ และเอาใจเธอให้ขึ้นร้องเพลงอย่างมืออาชีพที่สุด และมินท์ก็เป็นคนแรกที่ผ่านเข้ารอบพิม นักร้องเพลงป๊อบแดนซ์เท้าไฟ ที่มาพร้อมเสื้อผ้า และรูปร่างเซ็กซี่ จนกรรมการเหลียวหลัง พิมผ่านเข้ารอบเช่นกัน เจ้าหล่อนมีท่าทางจะอยู่ในการประกวดอีกนาน เพราะเธอแสดงตัวว่าพร้อมจะใช้ร่างกายในทุกทางเพื่อเอาชนะปีเตอร์ นักร้องฮิพฮอพ ชอบดูถูกคนบ้านนอก เกลียดความเป็นไทย และความล้าหลังทุกชนิด ปีเตอร์ทำให้นกยูงรู้สึกต่ำต้อยได้ทุกเวลาที่มีโอกาสขุน นักร้องเพลงป๊อบชายจากวงบอยแบนด์ หลงตัวเอง เจ้าชู้ และหวังจะหลอกเคลมสาวทุกคน เขาคือตัวอันตราย ที่นกยูงจะไม่มีวันอยู่ด้วยสองต่อสอง ทั้งหมดผ่านเข้ารอบไป เหลือที่ว่างไว้สำหรับหนึ่งคนสุดท้ายเท่านั้นส้มจี๊ดแกล้งทำดีกับนกยูงจนนก ยูงผู้ใสซื่อหลงเชื่อ พอนกยูงเผลอส้มจี๊ดก็พานกยูงไปขังไว้ในห้องน้ำที่เปิดประตูไม่ออกโดยตั้งใจ ว่าจะให้นกยูงอยู่ในนั้นจนหมดเวลาสมัครนกยูงร้องไห้บอกดอกลั่นทมที่ติดตัวมา เพื่อขอความช่วยเหลือจากนำทาง นำทางดิ้นพราดอยู่ที่ต้นไม้ ได้ยินคำร้องเรียกของนกยูงแต่ออกไปไม่ได้จนกว่าอาทิตย์จะตกดิน

มะปราง ขึ้นร้องเพลง เล่นบทน่าสงสาร แต่งประวัติของตนใหม่ ว่าตนเองถูกพ่อเลี้ยงตี และถูกแม่ส่งขึ้นมากับคณะลูกทุ่ง พร้อมแสดงทัศนคติเชิดชูเพลงลูกทุ่งให้กรรมการฟัง ทั้งที่ทั้งหมดนั้นเป็นประวัติ และแผนการของน้อยหน่า ที่เตรียมไว้ให้นกยูงเมื่อมะปรางใช้แผนนี้ มะปรางก็เข้ารอบสำเร็จเป็นคนสุดท้าย ไม่มีที่ว่างสำหรับนกยูงอีกแล้ว การรับสมัครสิ้นสุดลง เวทีปิดไปแล้วพระอาทิตย์ตกดิน นำทางออกจากต้นลั่นทมสำเร็จ เขารีบวิ่งมาเปิดประตูให้นกยูงออกจากห้องน้ำแล้วพานกยูงไปที่ห้องกระจาย เสียงของโรงแรม ทั้งนกยูง และนำทางต่างแปลกใจที่นำทางรู้ทางไปห้องกระจายเสียงของโรงแรม โรงแรมนี้คงมีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติลึกลับของนำทาง แต่ไม่มีเวลาสนใจแล้ว นำทางให้นกยูงร้องเพลงใส่ไมโครโฟนกระจายเสียง

ครู เพลง กรรมการทั้งหลายต่างแปลกใจ และชื่นชอบเพลงของนกยูง แต่พวกเขาไม่มีอำนาจในการรับสมัครนักร้องเพิ่มเติม ในที่สุด เพทาย ลูกชายสุดหล่อเจ้าของบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ผู้จัดงานครั้งนี้ ในฐานะกรรมการคนหนึ่ง รู้สึกประทับใจในความน่ารักของนกยูง ตัดสินใจรับเธอให้เป็นนักร้องอีกคนหนึ่งของโครงการเส้นทางดาวในที่สุด ทั้งนกยูง และมะปรางก็ได้เข้าประกวดในรายการเส้นทางดาว ในฐานะสองนักร้องลูกทุ่งดาวรุ่ง ทั้งสองสาว และนักร้องคนอื่นอีกสี่คน จะต้องซ้อมร้องเพลงแล้วเข้าประกวดทั้งหมดสี่ครั้ง ทุกครั้งจะคัดคนออกหนึ่งคน โดยผู้ตัดสินจะเป็นเหล่ากรรมการ ครูเพลงทั้งหลาย รวมทั้งผู้บริหารค่ายเพลงซึ่งก็คือเพทายนั่นเอง

นก ยูงรู้สึกหวาดหวั่นกับการประกวดครั้งนี้มาก ตลอดเวลาหกเดือนนับจากนี้ หล่อนต้องซ้อมอย่างหนัก แถมยังต้องเผชิญกับผู้เข้าแข่งขันสุดโหดอีกห้าคน แค่คิดนกยูงก็แทบจะหนีกลับบ้านแล้ว โชคดีที่นำทางยังคงคอยช่วยเหลือเคียงข้างเธอแม้ว่าทุกๆ คืนจะต้องทะเลาะกันจนนอนแทบไม่ได้ก็ตาม หลังจากที่นกยูงสมัครเข้าโครงการสำเร็จ นกยูงก็คิดช่วยเหลือนำทางเป็นการตอบแทน ด้วยการออกตามสืบว่า เบื้องหลังของนำทางคือใครกันแน่นกยูงติดตามคดีการขับรถชนต้นลั่นทมที่สถานี ตำรวจ และตามไปถึงบ้านใหญ่โตของนำทาง ในที่สุดนกยูง และนำทางจึงได้รู้ว่า นำทางคือเศรษฐีเจ้าของโรงแรมกรีน สปอนเซอร์ และสถานที่จัดงานในโครงการเส้นทางดาวนั่นเองนำทางเป็นทายาทของมรดกนับพัน ล้าน การตายของนำทางมีเงื่อนงำ คนที่น่าสงสัยมากที่สุด คือ มาร์ก นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ หุ้นส่วนคนสำคัญของเขา ทันทีที่นำทางมาถึงบ้าน ความจำของนำทางกลับคืนมาทันที นำทางวิ่งฝ่ากำแพงเข้าไปในคฤหาสถ์ของตนเพื่อเข้าไปดูหญิงสาวคนหนึ่ง นำทางนั่งร้องไห้ข้างหญิงสาวบนรถเข็นนั้น หญิงสาวสวยดวงตาเศร้าบนรถเข็นมีชื่อว่า ตามพร หรือ น้องตาม น้องสาวแท้ๆ ของนำทาง น้องตามนอกจากพิการแล้ว บัดนี้ยังกลายเป็นคนเศร้า และหดหู่ มีน้ำตาอยู่ในดวงตาเสมอ

น้องตามเดินไม่ได้เพราะได้รับอุบัติเหตุจาก การขับรถพร้อมนำทางเมื่อปีที่แล้ว นำทางรอดมาได้แต่น้องตามขาพิการต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต นำทางรู้สึกผิดกับการขับรถคราวนั้นจนขับรถไม่ได้อีก แต่ครั้งหลังสุดเขาจำต้องออกจากงานเลี้ยงยืมมอเตอร์ไซด์ของคนแถวนั้นขับรถ อีกครั้งเพราะน้องตามตกบันไดพร้อมรถเข็นต้องถูกส่งโรงพยาบาลคืนนั้น นำทางขับรถมอเตอร์ไซด์เสียหลักรถเซไปหัวของเขากระแทกเข้ากับต้นลั่นทม และถูกพาส่งโรงพยาบาล นกยูงรับรู้เรื่องของนำทางด้วยความสงสารนำทางมาถึงบ้านแล้ว เขาบอกลานกยูง ตั้งใจจะสิงสถิตที่นี่เพื่อดูแลน้องตาม นำทางห่วงน้องสาวของเขามาก เพราะเมื่อเขาสิ้นชีวิตน้องตามคือทายาทมรดก ในสภาพที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนลอบฆ่าเขา ชีวิตของน้องตามกำลังอยู่ในอันตรายนกยูงดึงดอกลั่นทมออกจากผมของหล่อนตั้งใจ จะวางไว้ที่ผมของน้องตามขณะหลับ แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด ดวงวิญญาณของนำทางกลับตามร่างของนกยูงออกมาอีก แม้ว่าเขาจะเจอบ้าน เจอคนที่เขาห่วงแล้ว เขาก็ยังต้องติดอยู่กับนกยูงอีก น้ำตาของนำทางไหลริน เขาอยากอยู่กับน้อง และบ้านของเขา แต่ทำไม่ได้

นกยูงสงสาร เลยรับปากว่าจะพาเขามาหาน้องสาวบ่อยๆ ที่คฤหาสน์ดังกล่าว และเพื่อให้แนบเนียน นำทางสั่งให้เด็กบ้านนอกจอมเซ่อซ่าอย่างนกยูงปลอมตัวเป็นหมอหมอนกยูงจึงกลาย เป็นหมอที่พิลึกพิลั่นที่สุดของน้องตาม หมอนกยูงใช้หูฟังฟังเสียงปอดน้องตามแทนเสียงหัวใจ แถมพอได้ยินเสียงหัวใจจริงๆ ก็ตื่นเต้นจนร้องจ๊ากออกมา พอถึงเวลาฉีดยาหมอนกยูงก็วางเข็มฉีดยาบนเก้าอี้แล้วก็เผลอนั่งทับจนทิ่มก้น ตนเองแต่กระนั้น น้องตามก็ชอบหมอนกยูงเป็นพิเศษ หมอนกยูงเป็นคนเดียวที่ทำให้น้องตามหายเศร้าเรื่องพี่ชายตายได้ ทั้งหมดนี้มีคำอธิบายได้ง่ายมาก เพราะนำทางติดตามหมอนกยูงมาหาน้องสาวทุกครั้ง นำทางขอให้นกยูงช่วยคุยแต่ในเรื่องที่น้องตามชอบ และยังฝากนกยูงให้กำลังใจน้องตามอยู่เสมอ

การแข่งขันครั้งที่ 1 ใกล้มาถึงแล้ว นกยูงได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนผู้เข้าแข่งขันอีกห้าคน งานแรกคือการถ่ายสัมภาษณ์ และถ่ายภาพสำหรับทำโปรโมทรายการ เพื่อนผู้ร่วมแข่งขันของนกยูงออกลวดลาย ใช้สารพัดวิธีเพื่อเอาชนะ มินท์ซื้อมือถือแจกกรรมการทั้งหลาย พิมให้ท่ากรรมการชาย ปีเตอร์ใช้ความป็นเด็กนอกพาเด็กแนวมาให้กำลังใจเขาหลายสิบคน มะปรางเล่นบทน่าสงสารอ้อนเอาคะแนน ส่วนขุนก็แอบจีบกรรมการหญิง หรือแม้แต่แอบดูนกยูงขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวสารพัดปัญหาทำให้นกยูง อ่อนอกอ่อนใจ นกยูงเอาเรื่องต่างๆ มาเล่าให้ส้มจี๊ดฟังเพราะคิดว่าส้มจี๊ดคือพี่สาวที่เข้าใจหัวอกของหล่อน นกยูงผู้ใสซื่อหลงเชื่อส้มจี๊ด ส้มจี๊ดเห็นว่านกยูงกำลังใจถดถอย จึงมักพูดให้นกยูงละทิ้งความฝันลากลับบ้านนอกเสมอๆ

จนถึงวันแข่งขัน ส้มจี๊ดให้นกยูงใส่ชุดของตนในวันสมัคร นกยูงขึ้นร้องเพลงจนชุดขาดหน้าเวที นกยูงวิ่งหนีลงจากเวทีทั้งที่ร้องเพลงไม่จบ โชคดีที่พระอาทิตย์ลาโลกไปทันเวลา พอตกกลางคืน นำทางก็ช่วยขโมยชุดของคนแถวนั้นมาให้เธอนำทางบอกหล่อน นกยูงไม่ใช่นกธรรมดาขอเพียงมีความเชื่อมั่นแล้วนกยูงจะพบวิธี รำแพนหางของตน เมื่อไหร่นกยูงทำสำเร็จนกยูงจะได้เป็นราชินีแห่งนกนกยูงตื้นตัน หล่อนไม่เคยรู้ความหมายของชื่อหล่อนที่พ่อตั้งให้เลย นกยูงเกิดกำลังใจที่จะต่อสู้อีกครั้ง เพทายออกโรงสนับสนุนนกยูงด้วยการให้ขึ้นร้องเพลงอีกครั้ง ผลออกมาผู้ที่ตกรอบไปกลายเป็นขุนนั่นเอง คนอื่นๆ ที่เหลือ จึงเข้ารอบไปโดยเฉพาะนกยูงที่มีคะแนนรั้งท้ายส้มจี๊ดเอ่ยคำขอโทษ และใส่ร้ายว่าขุนจอมลามกนั่นเองที่แกล้งตัดชุดนกยูง ตอนที่แอบเข้าไปดูนกยูงเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ละครตบตาของส้มจี๊ดได้ผล นกยูงกลับมาเชื่อใจส้มจี๊ดอีกครั้ง

นกยูงขอบคุณนำทาง นำทางขอให้นกยูงพาเขาไปสถานที่แห่งหนึ่งเป็นการตอบแทน บ้านของหญิงสาวสวยชาติตระกูลดี ไฮโซสาวชื่อ มุตตานกยูงใจกระตุกเมื่อเห็นสายตาของนำทางที่มองมุตตา ที่แท้สาวสวยอ่อนโยน การศึกษาดีเยี่ยมที่กำลังเล่นเปียโนอยู่ตรงนั้นคือนางในดวงใจของนำทางนั่น เอง ผู้หญิงคนนี้เหมือนเจ้าหญิงที่เหมาะสมกับเจ้าชายอย่างนำทางก็ไม่ปานนกยูงยอม ลืมความเจ็บในใจที่ตัวหล่อนเองไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรเข้าไปอยู่ ใกล้ๆ มุตตา ในครั้งนี้นกยูงต้องปลอมตัวเป็นหมอนวดแผนโบราณ หมอส่วนตัวของมุตตาเพื่อเข้าบ้านหลังนั้นหมอนวดกำมะลอ แสดงผลงานครั้งแรกก็ทำให้พ่อของมุตตาชื่อ มารวย เศรษฐีผู้เย่อหยิ่งเกือบคอหัก ดีแต่เพทายที่เป็นเพื่อนของมุตตามาช่วยพาส่งโรงพยาบาลทันเวลาเพทายแปลกใจที่ รู้ว่านกยูงรับจ๊อบเป็นหมอนวดแผนโบราณด้วย เพทายหาเรื่องมาหามุตตาเพื่อนรักในวันที่มุตตานัดกับหมอนวดชื่อนกยูงแต่เขา ก็พบสิ่งผิดปรกติ นกยูงชอบเอาอกเอาใจมุตตาจัดอาหาร จัดดอกไม้ และดูแลมุตตาอย่างรู้ใจ เพทายพาลคิดไปเรื่อย หรือว่านกยูงเป็นทอมบอยที่แอบหลงรักมุตตา

นกยูงอยากอธิบายแต่ก็ไม่ สำเร็จ ที่หล่อนทำไปทั้งหมดนั่นเพราะนำทางสั่งให้ทำต่างหาก ผีหลงทางสุดหล่อ ไม่รู้จะแสดงความรักกับแฟนสาวอย่างไรเลยใช้ให้หล่อนทำ มุตตาเองก็รู้สึกแปลกใจในหมอนวดสาวคนนี้ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนักถึงวันประกวดครั้งที่ 2 นกยูงก็พบอุปสรรคอีก ส้มจี๊ดคอยส่งข่าวให้หล่อนรู้ว่าแม่นวลที่บ้านนอกของนกยูง ถูกพ่อเลี้ยงตบตีอย่างหนักเพราะมีข่าวลือทั่วอำเภอว่า นกยูงเข้ารอบการแข่งขันเพราะไปนอนกับกรรมการชายทุกคน เดือดร้อนนกยูงนั่งไม่ติดต้องเดินทางกลับต่างจังหวัดเพื่อไปดูแม่ นกยูงกลับไปอธิบายกับแม่ ถูกพ่อเลี้ยงมังกรด่าทอเสียหายเพราะพ่อเลี้ยงเชื่อสนิทว่าข่าวลือเป็นความ จริง มังกร และนวลทะเลาะกันใหญ่โต นวลหนีออกจากบ้านติดตามนกยูงเข้ากรุงเทพ นำทางและนกยูงต้องออกไปช่วยกันตามหาจนเกือบมาไม่ทันขึ้นร้องเพลงในงานประกวด นำทางจึงเข้าสมาธิเพื่อใช้พลังจิตของตนออกตามหานวล ทั้งที่ไม่ควรทำเพราะนั่นจะทำให้พลังวิญญาณของนำทางเบาบางลงจนเกือบดับสูญนก ยูงพยายามห้ามนำทาง นำทางบอกลานกยูง และฝากฝังน้องน้องตามของตนไว้กับนกยูง นำทางบอกนกยูง เขาจะตามหานวลมาคืนนกยูงให้ได้ เพื่อให้นกยูงขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีทันเวลา ก่อนจะเข้าสมาธิแล้วหายจากไป

นก ยูงเพิ่งรู้ การจากลากับนำทางทำให้หล่อนใจหาย แต่แล้วนำทางก็ทำสำเร็จ นกยูงรู้ข่าวของแม่ นวลอยู่ที่โรงพยาบาล ที่แท้นวลถูกหลอกไป มะปราง และส้มจี๊ดโทรหานวล โกหกว่านกยูงได้รับอุบัติเหตุนั่นจึงเป็นสาเหตุให้นวลหนีออกจากบ้านแล้วหาย ตัวไปนกยูงพบนวลแล้ว แต่ดวงวิญญาณของนำทางยังไม่กลับเข้าต้นลั่นทม เพราะพลังเบาบางเกินไป นกยูงจึงตั้งใจขึ้นร้องเพลงอย่างสุดความสามารถ ครั้งนี้หล่อนจะร้องเพลงให้ดวงวิญญาณที่กำลังอ่อนแรงได้มีพลังอีกครั้งเพลง ของนกยูงในครั้งนี้สะกดคนดูทีวีทั่วประเทศ กรรมการใจอ่อนยอมเทคะแนนให้เพลงของนกยูง ผู้ที่ตกรอบจึงกลายเป็นพิม สาวเซ็กซี่ที่ชอบใช้เรือนร่างแข่งขันมากกว่าเสียงเพลง

เหมือนครั้ง แรกที่พบกัน เสียงเพลงของนกยูงทำให้ต้นลั่นทมผลิดอกใบขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ดวงวิญญาณของนำทางกลับสดชื่นขึ้นมาใหม่ นำทางกลับมาอีกครั้งผลการประกวดครั้งที่สอง พิมตกรอบ โดยมีนกยูงได้คะแนนนำเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อนกยูงได้คะแนนเสียงท่วมท้น ทำให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนออกลวดลายมากกว่าปรกติ กรรมการหลายคนเทคะแนนไปที่มินท์ เพราะลับหลังมินท์แอบเอาทองไปแจกกรรมการเหล่านั้นถึงที่บ้าน ส่วนปีเตอร์ก็มีพลังของเด็กฮิพฮอพมาสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ ปีเตอร์ประกาศว่าผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ต้องเป็นผู้ถนัดเพลงฮิพฮอพ เพื่อให้วงการเพลงไปสู่สากลมากยิ่งขึ้นมะปรางเองก็เริ่มเล่นละครหนักข้อขึ้น สร้างเรื่องว่าถูกพ่อเลี้ยงรังแกตบตีจนไม่สบายเพราะเอาแต่ฝึกร้องเพลง ตำรวจ และนักข่าวจึงมาตามเอาเรื่องครูทินเพราะเข้าใจว่าครูทินคือพ่อเลี้ยงใจร้าย คนนั้น ด้วยหัวอกของคนเป็นพ่อ ครูทินจึงต้องก้มหน้าถูกสังคมตราบาป ยอมรับการด่าว่าเป็นพ่อเลี้ยงใจร้ายเพื่อลูก ทำให้คะแนนสงสารเทมาที่มะปราง และคนที่มีแนวโน้มจะหลุดจากตำแหน่งมากที่สุด กลับกลายเป็นนกยูง

ถึง วันแข่งขันครั้งที่สาม นกยูงพกกำลังใจ และฝึกซ้อมมาอย่างเต็มที่ แต่แล้วก่อนขึ้นเวที นำทาง และนกยูงก็ได้รับข่าวร้าย น้องตามน้องสาวของนำทางหายตัวไปมาร์กนั่นเองที่ลักพาตัวน้องตามไป มาร์กต้องการหุ้นโรงแรมที่เหลือที่อยู่ในมือของน้องตาม จึงจับตัวน้องตามไปเพื่อให้เซ็นขายหุ้นให้เขา เขาจะได้ครอบครองกิจการโรงแรมของนำทางได้อย่างสมบูรณ์นกยูงออกไปช่วยเหลือ น้องตาม โดยมีชายหนุ่มชื่อ ไม้ เพื่อนสนิทของนำทางที่แอบหลงรักน้องตามตามไปเป็นกำลังสำคัญ นกยูง และไม้ช่วยกันฝ่านักเลงเข้าไปช่วยน้องตามออกมาที่เวทีการประกวด ทุกคนร้องเพลงไปหมดแล้ว นกยูงยังไม่มานำทางขอให้นกยูงกลับไปที่เวทีการประกวด นกยูงออกไปได้เพียงครู่ก็กลับมาใหม่ หล่อนคิดว่าชีวิตของน้องตามสำคัญกว่าการแข่งขัน นกยูงอยู่ช่วยไม้ต่อไป จนพาน้องตามออกมาได้

นำทางน้ำตาคลอ ขอบคุณการเสียสละของนกยูง เขาแอบจูบที่หน้าผากของนกยูงขณะหลับ ไม่รู้ว่าด้วยความรู้สึกอันใด แต่ในเวลานี้หัวใจของนำทางผูกพันกับนกยูงแนบแน่น แต่นกยูงไม่รู้ตัวหล่อนไม่สามารถรับรู้สัมผัสจากร่างอันไร้ตัวตนของวิญญาณ ได้นกยูงกลับบ้านครูทิน ตัดสินใจเก็บข้าวของกลับบ้านนอก เพราะการแข่งขันผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว หล่อนกำลังจะขึ้นรถกลับแต่เพทายไปตามหล่อนกลับมา เพทายพาหล่อนมาดูทีวีที่บ้านของเขานกยูงจึงได้รู้ว่า ขณะแข่งขันเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น กลุ่มคนรักเพลงลูกทุ่งบุกมาประท้วงปีเตอร์ที่กล่าววาจาดูถูกเพลงลูกทุ่ง และยกย่องเพลงฮิพฮอพ ทำให้คณะกรรมการทุกคนต้องตัดปีเตอร์ออกจากการแข่งขัน นกยูงจึงได้เข้ารอบโดยไม่ต้องขึ้นร้องเพลง เพทายยังบอกอีกว่า เขาเดือดร้อนมากที่นกยูงหายตัวไป กว่าจะคิดแผนนี้ได้ต้องใช้เวลานานเหมือนกัน แต่ในที่สุดก็รวบรวมคนรักเพลงลูกทุ่งให้ออกมารวมตัวกันได้

เพทายทำ ทั้งหมดนี้เพื่อนกยูง เขาอยากให้นกยูงที่รักเพลงลูกทุ่งจริงๆ เป็นคนชนะ และโดยส่วนตัวแล้ว เขาก็ชื่นชอบนกยูงด้วย เพทายพูดจบก็จูบที่หน้าผากของนกยูง นกยูงตกใจเป็นลมไป รู้สึกอายเพทายเพราะเข้าใจว่าเพทายขโมยจูบแรกของหล่อน นำทางได้แต่เศร้า เขาต่างหากที่จูบหน้าผากหล่อนเป็นคนแรก แต่เพราะเขาเป็นผีไม่ใช่คน เขาจึงรักนกยูงเหมือนที่เพทายรักไม่ได้ คืนนั้น ต้นลั่นทมหลังบ้านครูทินปลิดใบร่วงหล่นลงมาจนเกือบหมด เพราะความเศร้าใจของชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ในต้นไม้ประหลาดต้นนั้น การที่น้องตามถูกจับตัวไป ทำให้พี่ไม้ของน้องตามวางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่บ้านของน้องตามอย่าง หนัก เขาไม่มีหลักฐานเอาผิดมาร์ก แต่ไม้ตั้งใจจะรักษาโรงแรมของเพื่อนรักต่อไป ไม้ไม่รู้ว่าเพื่อนรักของเขากลายเป็นผี ไม้ไม่มีทีท่าจะเชื่อเรื่องผีสาง นำทาง และนกยูงจึงไม่ได้บอกความจริงกับไม้

มุตตาให้ความสนใจในตัวนก ยูงมากขึ้น หล่อนเริ่มสงสัยว่านกยูงมาทำดีกับหล่อนเพราะอะไร หมู่นี้มุตตาร้องไห้คิดถึงนำทางบ่อยขึ้น เริ่มซึมเศร้าไม่ยอมออกไปเล่นดนตรี และไม่ออกจากบ้านไปไหน อาการป่วยของมุตตาทรุดหนักลงเรื่อยๆ นกยูงจึงบอกความจริงให้มุตตารู้ว่า นำทางฝากความรักมาถึงหล่อน เพราะเขาเป็นวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นลั่นทมจากนั้นก็เริ่มมีเหตุการณ์ ประหลาดเกิดขึ้นที่ต้นลั่นทม มาร์กส่งคนมาขอซื้อต้นไม้จากครูทิน มาร์กเอารถแบคโฮมาตั้งใจจะขุดรากถอนโคนต้นลั่นทม ทุกครั้งที่ต้นลั่นทมโดนกระทบกระเทือน นำทางจะเจ็บปวดอย่างหนัก นกยูงจึงวิ่งออกไปขวางรถเหล่านั้นไว้ และขู่ครูทินว่าจะออกจากการแข่งขัน จะเปิดโปงเรื่องมะปรางโกหกกรรมการ ถ้าครูทินทำอะไรต้นลั่นทม การออกโรงปกป้องต้นลั่นทมของนกยูง ทำให้ผู้คนเริ่มสนใจว่ามีผีสิงอยู่ที่ต้นลั่นทม ผู้คนแห่แหนมาขอหวย มาขูดต้นไม้ มาบนบานศาลกล่าว จนดวงวิญญาณของนำทางไม่เป็นสุข ที่สำคัญหมู่นี้พลังของเขาเริ่มอ่อนลง นำทางเริ่มสงสัยว่าเขาจะมีเวลาอยู่ในโลกนี้ได้ไม่นาน ดวงวิญญาณของเขากำลังจะเดินทางเปลี่ยนภพไป ไม่สามารถอาศัยอยู่กับนกยูงได้อีก

นก ยูงแทบไม่มีเวลาซ้อมร้องเพลง เพราะส่วนใหญ่ต้องปกป้อง และดูแลต้นลั่นทม หลายครั้งนกยูงต้องนั่งมองดูนำทางเจ็บปวดเพราะถูกคนมาแอบรังแกการแข่งขันรอบ สุดท้ายใกล้เข้ามา เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงสามคน มินท์ มะปราง และนกยูง ครั้งนี้จะไม่มีการคัดคนออกแต่จะคัดเลือกหาคนที่ร้องเพลงดีที่สุด เพื่อให้เป็นผู้ชนะเลิศในช่วงเวลานี้เอง นกยูงยังพบความจริงว่า ที่แท้คนที่ตามรังควานครอบครัวของนำทางไม่ใช่มาร์กคนเดียวแต่มีมุตตารวมอยู่ ด้วย มุตตาคบกับมาร์กมานานแล้ว ทั้งสองคนตั้งใจฮุบกิจการโรงแรมของนำทาง จึงแอบตัดสายเบรกทำให้รถของนำทางคว่ำจนน้องตามพิการ และยังดัดแปลงรถมอเตอร์ไซด์ที่นำทางขับในคืนวันที่เขาตายใต้ต้นลั่นทมด้วย มุตตาเป็นคนทำให้น้องตามพิการ และวางแผนฆ่านำทาง

ด้วยเหตุนี้เมื่อนก ยูงเผลอเล่าเรื่องผีนำทางที่ต้นลั่นทมให้มุตตาฟัง จึงมีคนมาวุ่นวายกับต้นลั่นทม มุตตานี่เองที่หักหลังนกยูง และนำทาง สั่งคนมาตัดต้นลั่นทมเมื่อไม่นานมานี้ นกยูงพบเรื่องนี้ในเวลากลางวันขณะที่นำทางไม่อยู่ด้วย นำทางไม่เชื่อหล่อน เขาไม่เชื่อว่ามุตตาจะทรยศเขาเพียงเพื่อจะฮุบโรงแรม ทั้งสองทะเลาะกันอย่างหนัก นกยูงน้อยใจจึงละทิ้งต้นลั่นทมไปไม่ดูแลอีก นกยูงหันไปสนิทสนมกับเพทายที่เสนอตัวมาช่วยหล่อนซ้อมร้องเพลง
น้องตามได้ ข่าวเรื่องต้นลั่นทม หล่อนเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าวิญญาณที่สิงอยู่นั้นคือพี่นำทาง พี่ชายของหล่อน แต่หล่อนเป็นคนพิการที่สำคัญหมู่นี้ไม้ก็หายตัวไป ไม่มีใครสามารถพาหล่อนไปที่ต้นลั่นทมได้ หล่อนจึงไปที่ต้นลั่นทมเพียงลำพังกับคนขับรถมาร์ก และมุตตาตามน้องตามไป ขณะที่กำลังจะทำอันตรายน้องตาม น้องตามตกจากรถเข็น นาทีนั้นหล่อนจำเป็นต้องลุกเดินเองให้ได้เพื่อเอาชีวิตรอด นำทางที่ต้นลั่นทมตั้งสมาธิปรากฏกายให้น้องตามเห็น น้องตามมีกำลังใจมากขึ้นเมื่อเห็นนำทาง หล่อนขยับขาออกแรงเดินไปหยิบปืนที่หล่นอยู่ และยิงต่อสู้กับมาร์ก ไม้เดินทางมาช่วยทันเวลา มาร์ก และมุตตาถูกตำรวจจับ เวลานี้นำทางอ่อนแรงลง นำทางรู้สึกว่าดวงวิญญาณของเขาอาจดับสูญภายในคืนนี้

น้องตามบอก เรื่องวิญญาณในต้นลั่นทมให้ไม้รู้ ไม้ตกใจมาก นำทางบอกลาน้องตาม และฝากน้องตามไว้กับไม้ เขาสบายใจเรื่องน้องตามแล้ว ผู้หญิงสองคนที่ยึดเหนี่ยววิญญาณของนำทางไว้ คนหนึ่งปลอดภัยแล้ว แต่อีกคนนี่สิ ...นกยูงกำลังตกอยู่ในอันตรายขณะที่เพทายกำลังจะพานกยูงไปสถานที่จัดประกวด รถของทั้งคู่ถูกปล้น ส้มจี๊ด มะปรางและมินท์นั่นเอง ส่งคนมาตีหัวเพทาย และนกยูง ทั้งคู่หมดสติในรถ มะปราง และมินท์กำลังจะขึ้นร้องเพลงโดยไร้เงาคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างนกยูง นำทางตัดสินใจใช้พลังสมาธิ พลังงานเฮือกสุดท้ายออกตามหานกยูง ภาระหน้าที่สุดท้ายเพื่อตอบแทนนกยูง เขาต้องพานกยูงไปที่งานประกวดให้ได้ จากนั้นชีวิตนกยูงจะเป็นของเพทาย ผู้ที่รักนกยูงด้วยใจจริง

น้องตาม ร้องไห้พยายามห้ามเขาแต่นำทางยืนยัน เขาต้องทำเพื่อให้นกยูงชนะ นำทางเข้าสมาธิอีกครั้ง เขาค้นพบนกยูง และเพทาย เขาทำให้ทั้งสองคนตื่นขึ้น นำทางกระซิบบอกนกยูง เขาเชื่อมั่นว่านกยูงไม่ใช่นกธรรมดา ขอแค่ให้นกยูงเชื่อมั่นในตัวเอง นกยูงจะต้องรำแพนหางอย่างสง่างามบนเวทีสำเร็จ แล้วดวงวิญญาณของนำทางก็แตกสลายเป็นผุยผงต่อหน้าของนกยูงเพทายรีบขับรถพานก ยูงไปร้องเพลง นกยูงร้องไห้เสียใจเรื่องดวงจิตของนำทางแตกสลายเพทายบอกให้นกยูงร้องเพลงให้ นำทางฟัง เขาอาจกลับมาเพราะเสียงเพลงของนกยูงเหมือนครั้งที่แล้ว อีกครั้งที่นกยูงร้องเพลงด้วยหัวใจ ด้วยความรักต่อผู้ชายที่อยู่คนละภพ ชายในชุดสูทขาวเนคไทเหลืองเหมือนดอกลั่นทม ในที่สุดนกยูงก็ชนะคู่แข่งอย่างสง่างาม

นกยูงวิ่งไปที่ดอกลั่นทมหวัง ว่ามันจะเบ่งบานผลิดอกเหมือนทุกครั้ง แต่ตรงกันข้ามครั้งนี้ต้นลั่นทมเหี่ยวแห้งลง กิ่งต่างๆ หล่นลงมาราวกับหมดชีวิต นกยูงทรุดตัวลงร้องไห้ หัวใจสลายแทบจะตายตามต้นลั่นทมไปหลายวันต่อมา เพทายพยายามทำให้นกยูงลุกขึ้นมาใช้ชีวิตอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จนกยูงอยู่ในอาการซึมเศร้า เธอไม่สามารถรัก และแต่งงานกับเพทายได้ตามคำสั่งของนำทาง ที่สำคัญเธอไม่สามารถร้องเพลงได้อีกหลายเดือนต่อมา….บ้านของครูทินถูกซื้อไป ด้วยเงินของชายปริศนา นกยูงเกิดเอะใจ วิ่งไปหาชายคนนั้น แล้วเธอก็ต้องผิดหวัง ไม้ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับน้องตามที่บัดนี้เดินได้แล้ว ไม้และน้องตามชี้ให้ดูต้นลั่นทม วันนี้มีสิ่งผิดปรกติ ตัวอักษรจางๆ ถูกใครบางคนสลักไว้ นกยูง...นำทาง นกยูงน้ำตาไหล เมื่อน้องตามบอกเธอ พี่ชายของเธอ คงอยากบอกเช่นนั้น เขารักนกยูงนำทาง

น้องตามและไม้ขอ ร้องให้นกยูงมางานเลี้ยงคืนนี้ที่หลังบ้านครูทิน เราจะมีคอนเสิร์ตเล็กๆ ให้นกยูงร้องเพลง ไม่แน่นะ... ถ้านกยูงร้องเพลงได้อีก ต้นลั่นทมอาจมีชีวิตขึ้นมาอีกก็ได้ นกยูงตกลง คืนนั้นนวลและเพทายมาด้วย มังกรโผล่มาอย่างไม่คาดฝัน เขามาขอโทษนกยูง และขอคืนดีกับนวล เขาเชื่อว่านกยูงคือนกธรรมดาแต่ไม่เคยเห็นคุณค่าที่แท้จริงของนกยูง นกยูงให้อภัยพ่อเลี้ยงของเธอเช่นเดียวกับนวลและแล้วนกยูงก็ขึ้นร้องเพลง สายตาหล่อนมองไปที่ต้นลั่นทม หวังว่ามันจะผลิดอก แต่แล้วก็ไม่ มันยังคงเหี่ยวแห้งอยู่เช่นนั้น แต่ชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นแทน ชายตัวเป็นๆ ในชุดสูทขาวเนคไทสีเหลือง เดินออกมาจากต้นลั่นทมนั้น... นำทาง ในฐานะมนุษย์กำลังเดินมาหาหล่อน

นกยูงทรุดตัวลงนั่งแทบล้มทั้งยืน นำทางเดินมาหาจูบหล่อนที่หน้าผาก และบอกหล่อนว่า เขาสามารถจูบหล่อนได้เหมือนชายที่มีความรักกระทำต่อหญิงคนรัก นกยูงเข้าใจว่าหล่อนฝันไป แต่น้องตามและไม้ช่วยกันยืนยัน แท้จริงแล้วสิ่งที่มาสิงอยู่ที่ต้นลั่นทมไม่ใช่วิญญาณ แต่เป็นดวงจิตที่หาทางเข้าร่างไม่ได้ของนำทาง ร่างของนำทางถูกพาไปส่งโรงพยาบาลในคืนที่ประสบอุบัติเหตุ ไม้เข้าไปดูแลนำทาง และจัดการย้ายโรงพยาบาลให้นำทางเพื่อรักษาด้วยหมอมืออาชีพ แต่นักข่าวเข้าใจผิดว่านำทางตายแล้ว ไม้เห็นว่านำทางมีคนปองร้าย จึงเก็บเรื่องนำทางยังไม่ตายไว้เป็นความลับ ร่างของนำทางเป็นเจ้าชายนิทราอยู่นานหลายเดือน การรักษาดำเนินไปด้วยการจัดการของไม้ แต่นำทางก็ไม่ฟื้นจนไม้รู้จากน้องตามในคืนที่มาที่ต้นลั่นทมว่ามีดวงจิต สิงอยู่ที่ต้นลั่นทมไม้จึงให้น้องตามนำดอกลั่นทมดอกสุดท้ายจากต้นไปไว้ที่ ร่างของนำทางจากนั้นมาการรักษานำทางก็คืบหน้ามากขึ้น นำทางกลับฟื้นคืนมาราวปาฎิหาริย์จนสามารถลุกเดินมาหานกยูงได้ในที่สุด

นำ ทางกลับคืนมาหานกยูง ตำนานรักต่างภพสิ้นสุดลงทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงาน และใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ และช่วยกันปลูกต้นลั่นทมขึ้นมาใหม่ ชีวิตใหม่ของทั้งคู่ ออกดอกผลิบานด้วยความรักบริสุทธิ์ของนำ ทางและเสียงเพลงของนกยูง


รายชื่อนักแสดง
วงศกร ปรมัตถากร รับบท นำทาง
เขมนิจ จามิกรณ์ รับบท นกยูง
พาทิศ พิสิฐกุล รับบท เพทาย
ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ รับบท มุตตา
พลอยปภัส ธนันต์ชัยกานต์ รับบท ตามพร หรือ น้องตาม
เมย์ เพื่องอารมณ์ รับบท มะปราง
อัมรินทร์ สิมะโรจน์ รับบท มาร์ก


http://movie.sanook.com/drama/drama_15300.php

Thursday, March 12, 2009

เรื่องย่อ ละคร สาปภูษา

ละคร สาปภูษา
แนวละคร สยองขวัญ ดราม่า
บทประพันธ์ พงศกร
บทโทรทัศน์ ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
กำกับการแสดง โชติรัตน์ รักเริ่มวงษ์
ออกอากาศทุกวัน พุธ - พฤหัสบดี เวลา 20. 30 น ทางไทยทีวีสีช่อง 3


เรื่องย่อ
ในอดีตกาล เจ้าสีเกด หญิงสาวฝีมือดีเรื่องการทอผ้าตาดทองที่เป็นที่กล่าวคลานกันในวัง ได้พบกัน หม่อมทัด ขุนนางตำรวจที่หลงรักเจ้าสีเกด หลังจากนั้นเขาก็ตามจีบทำให้เจ้าสีเกดหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ จนเจ้าสีเกดตั้งท้อง แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่เข้าข้าง เพราะหม่อมทัดจะต้องแต่งงานกับหม่อมฉาย ความผิดหวังครั้งนี้ทำให้เจ้าสีเกด เกิดความอาฆาตแค้นพยาบาท เธอจึงทอผ้าตาดทองพร้อมกับสาปแช่งด้วยความโกรธแค้น ทุกเส้นด้ายในผืนผ้า ถูกตราตึงไว้ด้วยแรงพยาบาท ก่อนที่เจ้าสีเกดจะผูกคอตายพร้อมกับลูกในท้อง แม้กาลเวลาผ่านไปแต่ความอาฆาตมิได้ถูกลบเลือนสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน


ปัจจุบันไหมพิม หญิงสาวที่ชอบเรื่องผ้าโบราณ ได้เข้าทำงานที่ร้านตาดทอง ซึ่งมีปรีชญาเป็นเจ้าของ วันหนึ่งก็มีชายลึกลับ เข้ามาอาละวาดในร้านแต่ พชร สถาปนิกหนุ่มเข้ามาช่วยไว้ทัน ชายลึกลับจึงวิ่งออกไปจากร้าน แต่ก็ทิ้งห่อผ้าสีขาวไว้ ซึ่งในนั้นมีผ้าตาดทองโบราณที่สวยงามมากอยู่ มณีกัญญาหุ้นส่วนร้านตาดทอง สั่งให้นำผ้าไปเก็บไว้ในเซฟ แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะวิญญาณของ เจ้าสีเกด ได้ปรากฏขึ้น และจ้องหน้าคนทั้งสีด้วยความแค้น คือนั้นไหมพิมสะดุ้งตื่นกลางดึก และเห็นชายลึกลับกำลังงัดหน้าต่างบ้านเธออยู่ พชร มาช่วยไว้ทัน


ทาวิธ นายตำรวจหนุ่มที่แอบชอบไหมพิม ก็ส่ง ภาติยะ ลูกน้องของเขามาทำคดีให้ไหมพิม ซึ่งเมื่อภาติยะพบไหมพิม ก็ทำให้เข้าตกหลุมรักไหมพิม และพยายามจะนำเรื่องความคืบหน้าของคดีมาคุยกับไหมพิม ต่อมามณีกัญญากลัวว่าชายลึกลับจะกลับมาอีก เธอจึงนำผ้าตาดทองไปฝากไว้ที่บ้านของปรีชญา ด้วยเหตุนี้ทำให้มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้นหลายครั้งภายในบ้านของปรีชญา วิญญาณเจ้าสีเกดที่มากับผ้าตาดทอง วนเวียนอยู่ในบ้านของปรีชญา เมื่อได้เห็นหน้าทาวิธ คู่หมั้นของปรีชญาก็เกิดโกรธขึ้นมาจนให้เกิดลมกรรโชกแรง เพราะชาติที่แล้วทาวิธ ก็คือ หม่อมทัด ต่อมาทาวิธถูกยิงทำให้ต้องมาอยู่ที่บ้านของปรีชญาเพื่อง่ายต่อการดูแล ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าสีเกดได้เข้าร่างของไหมพิม แล้วทำให้ไหมพิมยั่วยวนทาวิธเพื่อจะหวังให้ความรักระหว่างทาวิธกับปรีชญา ต้องจบลงเหมือนกับความรักของเจ้าสีเกดในชาติที่แล้ว



ระหว่างนั้น พชรได้พบกับ แทนไท และ ภุมรี สองสามีภรรยาที่จ้างให้พชรตกแต่งพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณให้กับภรรยาของเขา พชรจึงไปขอความช่วยเหลือเรื่องข้อมูลผ้าโบราณกับไหมพิม ความใกล้ชิดทำให้พชรแอบรักไหมพิมอย่างเงียบๆ คืนหนึ่งไหมพิมลงมาข้างล่างแต่ลืมว่าตัวเองนั้นใส่ชุดนอนอยู่ เมื่อทาวิธเห็นจึงนำผ้าตาดทองที่ตกอยู่มาคลุมให้ทันได้นั้นเองวิญญาณเจ้าสี เกดก็เข้าร่างไหมพิม ทำให้ไหมพิมจูบกับทาวิธพชรมาเห็นพอดีจึงเกิดความเข้าใจผิดกับไหมพิมหญิงที่ ตนแอบรักว่าทำไมถึงหักหลังปรัญชาได้ลงคอ พชรทำตัวเหินห่างจนไหมพิมสงสัย จึงดักถามปรับความเข้าใจ ไหมพิมเสียใจมากที่พชรเข้าใจเธอผิด ขณะเดียวกันภาติยะก็คิดที่จะไหมพิมเข้าโรงแรม พชรที่คอยเฝ้าติดตามไหมพิมก็ช่วยไว้ได้


แทนไทที่นั่งสมาธิก็เห็นว่าเจ้าสีเกดเข้าสิงร่างไหมพิมอยู่จึงนำเรื่องนี้ไป บอกกับพชรว่าสิ่งที่เห็นไหมพิมทำนั้นเธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ทุกอย่างเกิดจากเจ้าสีเกดทั้งนั้น พชรนำเรื่องดังกล่าวไปบอกไหมพิมและนำสร้อยพระให้ไหมพิมใส่ ไหมพิมบอกพชรเรื่องความฝันที่เธอเห็นผู้หญิงโบราณนั่งปักผ้าด้วยความโกรธ แค้น ทั้งสองจึงเล่าเรื่องนี้ให้แทนไทฟัง แทนไทจึงแนะนำให้ไหมพิมนั่งสมาธิเพื่อสื่อสารกับเจ้าสีเกดว่าต้องการอะไร ซึ่งสิ่งที่เจ้าสีเกดต้องการก็คือ ฆ่าปรีชญา เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้าสีเกดเข้าร่างไหมพิมและกำลังจะ ไปฆ่าปรีชญา ขณะนั้นแทนไทก็ทำการสวดมนต์พร้อมทำพิธีเผาผ้า ทำให้วิญญาณของเจ้าสีเกดออกจากร่างไหมพิมอย่างกะทันหัน



เวลาผ่านไป...ทุกคนเดินทางไปวัดเพื่อหล่อพระประธาน ซึ่งไหมพิมก็นำผ้าตาดทองหล่อรวมเข้าไปกับพระประธานด้วย เพื่อให้วิญญาณเจ้าสีเกดไปสู่คติและให้อโหสิกรรมให้กับทุกคน ทาวิธตัดสินใจบวชเพื่อชดเชยกับสิ่งไม่ดีในอดีตและกลับมาแต่งงานกับปรีชญาตาม มที่สัญญาไว้ และทุกคนก็เข้าใจไหมพิมมากขึ้นโดยเฉพาะมณีกัญญาที่ตอนแรกไม่ชอบไหมพิมเท่า ไหร่นัก เธอจึงเปิดโอกาสให้ไหมพิมรักพชรพี่ชายของเธอ



รายชื่อนักแสดง

อิศริยา สายสนั่น รับบท ไหมพริม
วิทยา วสุไกรไพศาล รับบท พชร(พัด)
ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ รับบท หม่อมทัด และ ทาวิธ
ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ รับบท ปรีชญา และ หญิงฉาย
สกาวใจ พูนสวัสดิ์ รับบท มณีกัญญา และ หญิงโฉม
ธัญญาเรศ รามณรงค์ รับบท เจ้าสีเกด
ธีระพงศ์ เหลียวรักวงศ์ รับบท แทนไท

ที่มา http://movie.sanook.com/drama/drama_15301.php

Monday, March 9, 2009

ท่าสบายสำหรับ คนท้อง

ยืนอย่างไร ไม่ให้เมื่อย?
• ยืนตัวตรง ศีรษะและคอตั้งตรง โดยให้น้ำหนักสมดุลอยู่ตรงกลางของบ่าทั้งสองข้าง ปล่อยไหล่ตามสบาย ไม่เอียงศีรษะ เพราะจะทําให้ปวดเมื่อยคอและหลัง

• วางเท้าทั้งสองข้างให้หันไปในทิศทางเดียวกัน ปลายเท้าแยกจากกันเล็กน้อย ทิ้งน้ำหนักตัวลงระหว่างส้นเท้าและกลาง- เท้า พยายามเฉลี่ยน้ำหนักตัวให้สมดุลบนเท้าทั้งสองข้าง หลีกเลี่ยงการยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน เพราะจะทําให้กล้ามเนื้อเกร็งตลอดเวลา เกิดอาการเมื่อยและเป็นตะคริว อาจขยับเปลี่ยนน้ำหนักโดยก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้าและถ่ายน้ำหนักสลับไปมา จะช่วยให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรงและเลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น

• หากต้องยืนติดต่อกันเป็นเวลานาน คุณแม่อาจพักเท้าข้างหนึ่งบนเก้าอี้เล็กๆ สลับไปมาระหว่างเท้าทั้งสองข้างทุกๆ 5-15 นาที ก็จะช่วยคลายอาการเมื่อยลงได้

ตั้งครรภ์, ท้อง



นั่งท่านี้..ไม่มีปวดหลัง
• นั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิงหลังและที่วางแขน เบาะรองนั่งไม่นุ่มจนเกินไป ควรนั่งในท่าเอนเล็กน้อย หลังพิงพนัก-เก้าอี้ในท่าที่ผ่อนคลาย และมีหมอนเล็กมาหนุนไว้ที่หลังบริเวณสะโพก

• ให้ข้อพับขาเหลือออกมาขอบเก้าอี้ประมาณ 1 นิ้ว และมีเก้าอี้ตัวเล็กรองไว้ที่เท้า ให้เข่าอยู่ในลักษณะตั้งฉาก เพิ่มการไหลเวียน โลหิตให้ดีขึ้นและช่วยลดอาการบวมตามเท้า

• เมื่อต้องลุกขึ้นยืน ค่อยๆ เลื่อนเก้าอี้ออกพร้อมกับใช้มือช่วยพยุงตัวและลุกขึ้นอย่างช้าๆ

ตั้งครรภ์, ท้อง



ยกของให้ปลอดภัย
• ก่อนจะยกของ เท้าจะต้องอยู่ในระยะที่เหมาะสมและอยู่ในท่ายืนตัวตรง แยกเท้าออกจากกันประมาณ 1 ฟุต โดยให้ปลายเท้า เฉียงออก

• หากยกสิ่งของที่อยู่ระดับต่ำกว่าเอว หลังต้องตั้งตรง งอเข่าและย่อตัวลงโดยให้น้ำหนักอยู่กลางลําตัวและลงที่ส่วนก้น

• ยกของจากพื้น ให้ใช้กําลังแขนและไหล่ แล้วใช้กําลังขาพยุงตัวให้ยืนขึ้นโดยไม่ใช้หลัง ค่อยๆ ยกของขึ้นมา เพื่อมิให้เสียการทรงตัวและจะช่วยผ่อนแรงไม่ให้หลังรับน้ำหนักมากจนเกินไป ทั้งนี้ ไม่ควรก้มลงยกของจากพื้นตรงๆ เพราะจะทําให้กล้ามเนื้อ หลังโค้งงอและรับน้ำหนักมากเกินกําลัง

ตั้งครรภ์, ท้อง



แม่ท้อง..นอนสบาย
• เมื่อตั้งท้องได้ 16 สัปดาห์ขึ้นไป ควรหลีกเลี่ยงท่านอนหงาย เนื่องจากมดลูกจะเริ่มโตขึ้น การนอนหงายจะทําให้มดลูกอาจไปกดทับ เส้นเลือดใหญ่บริเวณส่วนกลางหลัง เป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดหลัง ความดันโลหิตต่ำลง เวียนศีรษะหรือหน้ามืด เป็นลมได้

• ท่านอนที่ดีที่สุดสําหรับแม่ท้อง คือท่านอนตะแคงข้างซ้าย โดยใช้หมอนรองรับในส่วนคอและไหล่ใบหนึ่ง และใช้หมอนอีกใบสอดที่หว่างขาขวา เพื่อช่วยรองรับน้ำหนักและป้องกันไม่ให้มดลูกกดทับเส้นเลือดใหญ่ ทําให้เลือดหมุนเวียนได้ดีตลอดร่างกาย

http://women.sanook.com/mom-baby/pregnancy/pregnancy_54456.php

บันทึกนักร้องยาแก้ปวด ไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิช ผมเป็นพาราฯ ที่โชคดีมาก

ไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิช



แต่ นึกดูว่ายาแก้ปวดถ้ามันมี ชีวิตจิตใจมันจะน้อยใจแค่ไหน ที่พอเวลาปวดโน่นปวดนี่ ไม่สบาย ก็มาใช้บริการ พอหายปวดก็เลิกกินเสียเฉยๆ ไม่ต้องกินบ่อยๆ เหมือนวิตามิน หรือกินให้ครบคอร์สแบบยาแก้อักเสบ

ไอ้ความรู้สึกแบบนี้แหละที่ ไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิช บอกว่า มันเป็นสิ่งที่เขารู้สึกอยู่ตลอดเวลา

"อยู่บ้านเรา ผมเหมือนเป็นนักร้องยาสามัญประจำบ้าน ผมเป็นแค่พาราเซตามอล ได้ไม่ได้มีความสำคัญอะไร" เขาเปรย

ที่ เขาว่า แบบนี้ก็เพราะเชื่อหรือไม่ว่าเป็นนักร้องดังขนาดนี้เข้าไม่เคยมี คอนเสิร์ตของตัวเองในประเทศไทยเลยทั้งที่ออกอัลบั้มมาตั้ง 3 สตูดิโออัลบั้ม กับ 15 อัลบั้มพิเศษแล้วแท้ๆ แถมงานแถลงข่าวครั้งแรกในฐานะศิลปินของเขาก็มีขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น และคอนเสิร์ตของตัวเองครั้งแรกก็มีที่ญี่ปุ่น

ไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิช"น่าหมั่นไส้เนอะ" เขายิ้ม

เร็วๆ นี้เขากำลังจะมีคอนเสิร์ตของตัวเองครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมากจะมีแขกรับเชิญอย่าง เป้ย-ปานวาด เหมณี, พีค-ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ, หยาด-หยาดทิพย์ ราชปาล, พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช และ กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ

"ผมใส่ทุกอย่าง แบบบ้าคลั่งเลย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม? ก่อนหน้านี้อยู่มาตั้งนานก็ไม่มี ทุกอย่างที่ผมทำได้ ผมก็จะทำหมดเลย" ไอซ์ว่า

ถ้าจะถามว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่เคยมี คอนเสิร์ตของตัวเองมาก่อน ทั้งๆ ที่เพลงของเขาอย่าง คนใจง่าย ก็เป็นเพลงชาติประจำผับเกือบทุกผับทั้งประเทศไทยไปแล้ว ไอซ์ได้แต่ส่ายหน้า เพราะไม่รู้เหมือนกัน

"ส่วนหนึ่งมันอาจจะมาจากสภาพเศรษฐกิจ แล้วก็ทุกที่น่ะไม่ว่าเราไปอยู่ที่ไหนแล้วเราจะได้ดี ก็ต้องมีสิ่งที่ดี มีผู้อุปถัมภ์ การขายได้ของตัวเรา ฯลฯ"

ซึ่งก็น่าจะเป็นตามนั้น

" แต่เท่าที่ผ่านมา ผมเดินมาด้วยตัวเองตลอดเวลา ผมไม่ได้เก่งนะ อัลบั้มออกเฟิร์สสเตจ มีเพลงฮิตอย่าง คนมันรัก, หมอน 2 ใบ แล้วก็มีอัลบั้มพิเศษเพลง เพอฮาปเลิฟ กับการมีเพลงฮิตเท่านี้ มันก็น่าประหลาดมาก คนอื่นเพลงฮิตเพลงเดียวก็ออกอัลบั้มแล้ว กว่าผมจะได้ออกตั้ง 3 ปี"

ไอซ์-ศรัณยู วินัยพานิชแต่ ไอซ์ก็ว่า เขาไม่น้อยใจหรอกเพราะเท่าที่ผ่านมา พาราเซตามอลที่เรื่อยๆ มาเรียงๆ อย่างเขา เป็นยาแก้ปวดที่ไปที่ไหนคนก็ให้โอกาสแล้วเขาก็ไม่เคยทำมันหลุดไปสักครั้ง

" ที่ไปทำงานที่ญี่ปุ่นได้ก็เพราะประธานบริษัทเพลงที่ญี่ปุ่นเขาติดใจ เป้ย (ปานวาด เหมณี) ก็คงเกี่ยวกับเรานิดหนึ่ง เพราะเขาเห็นมิวสิควิดีโอเพลง คนใจง่าย แล้วเขาชอบเป้ย ก็เลยติดต่อมาที่แกรมมี่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วเขาก็เห็นว่าเออเราเป็นคนร้องเพลงนี้ก็เป็นเหตุให้ผมได้ไปคุยงานที่ ญี่ปุ่นแล้วก็ได้ทำงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้มผมตกใจมากเพราะงานแถลงข่าวครั้งแรกในชีวิตจัดกลางชินจูกุ เลยคิดดูเราทำงานมา 2-3 ปีไม่มีงานแถลงข่าวเลย แถลงข่าวครั้งแรกที่ชินจูกุ วันนั้นผมร้องไห้เลย"

เท่านั้นยังไม่พอไม่นานหลังจากนั้น ไอซ์ก็ถูกคนญี่ปุ่นขนานนามว่าเป็นเจ้าชายแห่งรอยยิ้ม แบบฟลุกๆ

" คือมันดันมีนักข่าวหนังสือพิมพ์กีฬาเล่มหนึ่งบอกว่าเราหน้าเหมือนโปรกอล์ฟ เรียว อิชิกาว่า ซึ่งเป้นเจ้าชายแห่งรอยยิ้ม ปริ้นซ์ออฟสไมล์ ที่ญี่ปุ่นแล้วเอารูปเราไปลงเทียบ ที่สำคัญมันเป็นหนังสือพิมพ์กีฬาที่ยอดขายอันดับของญี่ปุ่นพอลงปั๊บ วันรุ่งขึ่นผมได้ออกรายการ วาระเตะอิโตโมะ รายการเรทติ้งอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นทันที พอหลังจากนั้นก็ได้งานที่ญี่ปุ่นอีกหลายงานจากฉายาที่ว่า"

"เวลาผมไป ออกรายการที่ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจะมีธรรมเนียมว่าจะต้องมีคำพูดประจำตัวอย่างผมก็ เอกาโอะโอ๊ะวะทสึไนอิเดะ แปลว่าอย่าลืมยิ้มนะครับ ทุกครั้งที่ออกรายการก็เป็นประโยคเด็ดของผม ส่วนหนึ่งที่ยิ่งทำให้เราดูเป็นคนช่างยิ้มก็เพราะแรกๆ ผมฟังเขาไม่รู้เรื่องเลยไงก็ยิ้มไป จะทำอะไรได้ล่ะ (ฮา) "

นอกจากนี้ เพลงคนใจง่าย ของไอซ์ก็ยังทำงานของมันได้เป็นอย่างดีเพลง Zza Zza La ที่ร้องโดยศิลปินเกาหลี As One ถูกเลือกให้เพลงประกอบละครเกาหลีเรื่อง Love Marriage อีกต่างหาก ไม่ต้องนับว่ายังมีเวอร์ชั่น ภาษาญี่ปุ่น, กวางตุ้ง, จีนกลาง และภาษาอังกฤษอีก

"จะว่าไปก็ไม่ถือว่าประสบความสำเร็จมากหรอกครับ" ไอซ์พูดเขินๆ

" ผมว่าเราดวงดีโอกาสดี ผมไม่ได้มีแรงผลักจากใครเยอะมาก ไม่ได้มีใครหนุนหลังชัดเจน ผมก็ทำงานตามปกติ แค่นั้น เรื่องได้ไปทำอัลบั้มที่ญี่ปุ่น มีเพลงประกอบละครเกาหลีนี่เหมือนฝันเลย"

ถ้าถามว่าอะไรคือจุดสูงสุดในชีวิตเขา ไอซ์ยิ้มอีกตามเคย

" ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีความพร้อมด้านนี้ ผมไม่เคยถูกพัฒนามาเพื่อเป็นนักร้องเลย ชีวิตที่ผ่านมาไปมั่วเอาข้างหน้าตลอด เราแค่อยากเป็นนักร้องออกอัลบั้ม มีอยู่วันหนึ่งปีที่แล้วผมขึ้นเวที ก็รู้สึกว่าจากนี้ผมไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว ผมได้ รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมที่เกาหลีข้นเวทีกับ ดงบังชินกิ, คาเร็น ม็อก, ฟาเรนไฮต์, วินด์, แอคเนส มอนิก้า ฯลฯ ยืนอยู่ตรงนั้นแบบ เราเป็นใครวะเนี่ย เหมือนฝันเลย หลังจากนี้ทุกอย่างเป็นกำไรแล้ว"

"ไม่น้อยใจเลย ถ้าข้างบนเขาขีดให้ผมเท่านี้ก็เท่านี้ ผมเป็นพาราฯ ที่ได้อะไรเยอะแล้วนะ ถึงมันจะไม่ได้อีก ผมก็คงทำงานต่อไป เรื่อยๆ "

http://campus.sanook.com/teen_zone/star_05165.php

Monday, March 2, 2009

โด้จ่อรับค่าจ้าง2แสนปอนด์

โด้จ่อรับค่าจ้าง2แสนปอนด์
"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ หมาดๆ เตรียมทุ่มค่าเหนื่อยสูงถึง 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 10 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ เพื่อรั้งตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกนักรักชาวโปรตุเกส ให้อยู่ค้าแข้งกับทีมต่อไป

สื่อมวลชนเมืองผู้ดีออกมารายงานข่าวว่า ผู้บริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พูดคุยถึงเรื่องสัญญาฉบับใหม่ของ โรนัลโด้ ก่อนเกม คาร์ลิง คัพ นัดชิงชนะเลิศ โดย "ปีศาจแดง" พร้อมจ่ายค่าเหนื่อย 160,000 ปอนด์ (ประมาณ 8 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ บวกกับค่าภาพลักษณ์อีก 40,000 ปอนด์ (ประมาณ 2 ล้านบาท) คิดเป็น 10.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 520 ล้านบาท) ต่อปี

เวลานี้ ปีกทีมชาติโปรตุเกส เหลือสัญญากับ "ปีศาจแดง" อีก 3 ปี ซึ่งปัจจุบันรับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 120,000 ปอนด์ (ประมาณ 6 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ แต่ตามกฎของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ระบุว่า หลังจบซีซั่นหน้า โรนัลโด้ สามารถซื้อสัญญาของตัวเองได้ หากอยากอยากย้ายทีม

ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนในประเทศสเปน ได้ออกมาตีข่าวแล้วว่า โรนัลโด้ ได้ตกลงเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เรียบร้อยแล้ว และเตรียมที่จะย้ายไปร่วมทัพในช่วงปิดฤดูกาลนี้ แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ "ปีศาจแดง" ก็ออกมายืนยันแล้วว่าข่าวลือดังกล่าว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หาก โรนัลโด้ ตกลงต่อสัญญาฉบับใหม่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะทำให้ปีกทีมชาติโปรตุเกส กลายเป็นนักฟุตบอลที่มีค่าเหนื่อยแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีก แซงหน้า จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีม เชลซี ที่รับอยู่ 135,000 ปอนด์ (ประมาณ 6.7 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์

Friday, February 27, 2009

แฉถึงตาย สาวฮิตฉีด ยามะเร็ง ให้ผิวขาว

แฉถึงตาย สาวฮิตฉีดยามะเร็งให้ผิวขาว (ข่าวสด)

สธ.เตือนสาวอยากขาวใช้ยา "กลูตาไธโอน" รักษามะเร็งฉีดเข้าร่างกายหวังให้เกิดผลข้างเคียงผิวขาว ชี้อันตรายโดยเฉพาะหากไม่ใช่แพทย์ฉีดให้ เพราะหากพลาดถูกเส้นเลือดดำถึงตายได้ และจะช่วยให้ขาวได้เฉพาะตอนใช้ยาเท่านั้น หากหยุดเมื่อไหร่สีผิวก็จะกลับมาเหมือนเดิม แฉอีกไข่มุกน้ำลายหอยทาก และไข่ปลาคาเวียร์ ที่กำลังฮิตนำมาผสมกับเครื่องสำอางอ้างบำรุงผิวพรรณ ทางการแพทย์ไม่พบว่ามีสรรพคุณดังกล่าว พร้อมติงโฆษณาครีมกันแดดเกินจริง อ้างมีค่าความเข้มข้นในการป้องกันเป็นร้อยๆ จริงๆ แล้วค่าสูงสุดมีแค่ 50 เท่านั้น และต้องทาแบบหนาเตอะถึงจะป้องกันได้เต็มที่ หากทาบางๆ ค่าความเข้มข้นก็จะลดลงอีก

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ รศ.น.พ.ประวิตร อัศวานนท์ ประธานวิชาการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีการสอบถามเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับไข่มุก ไข่ปลาคาเวียร์ น้ำลายหอยทาก ทั้งที่เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางและใช้โดยตรง โดยอ้างว่าเพื่อบำรุงผิวพรรณนั้น ขอยืนยันว่าจากการสืบค้นข้อมูล ทางการแพทย์ ไม่พบว่ามีสรรพคุณในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณแต่อย่างใด รวมถึงสารกลูตาไธโอนที่เป็นยารักษาโรคมะเร็ง แต่นิยมนำมาทำให้ผิวขาว ก็ยังไม่พบว่ามีการวิจัยทางการแพทย์ในมนุษย์ยืนยันสรรพคุณดังกล่าว จึงไม่สามารถตอบได้ว่าได้ผลจริงหรือไม่ ดีหรือไม่ดี

"ในส่วนของทองคำ พบว่ามีงานวิจัยยืนยันว่ามีประสิทธิภาพในการสมานผิว ลดการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงรักษาโรคปวดข้อ ซึ่งมีการใช้มาตั้งแต่ในโบราณ จึงไม่แปลกใจว่าเรื่องทองจะทำให้ผิวพรรณดีขึ้น แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ อานุภาพของเงินกับทองที่มีขนาดเล็กมาก อาจเข้าไปสะสมตามผิวหนังและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย" รศ.น.พ.ประวิตรกล่าว

รศ. น.พ.ประวิตรกล่าวว่า ใน อดีตเรื่องความสวยงามเป็นกระแส ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์ คอลลาเจน ทำให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องมีคำเหล่านี้ดึงดูดผู้บริโภค ขณะนี้มีเรื่องของเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ โดยมีครีมที่อ้างว่าเป็นสเต็มเซลล์สำหรับทา เพื่อให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง เพราะสเต็มเซลล์จะใช้วิธีฉีดเท่านั้น อีกทั้งการใช้สเต็มเซลล์ทางการแพทย์รับรองแต่เพียงการใช้เพื่อการรักษาโรค ทางโลหิตวิทยาเท่านั้น ดังนั้นเครื่องสำอางที่อ้างว่าเป็นสเต็มเซลล์นั้นไม่เป็นความจริง อย่างมากก็แค่มีสารในน้ำเลี้ยงสเต็มเซลล์เท่านั้นซึ่งไม่ต่างจากมอยส์เจอไร เซอร์ธรรมดาเลย แต่ในอนาคตยอมรับว่าเรื่องสเต็มเซลล์กำลังจะเป็นคำตอบในหลายเรื่อง แต่ขณะนี้ไม่ใช่

"นอกจากนี้ได้รับการสอบถามอย่างมากมาจากผู้บริโภคว่า เห็นผู้ป่วยที่ไปรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวรักษาด้วยยารักษาโรคมะเร็งเม็ด เลือดขาวและมะเร็งทางเดินอาหาร อิมาทินิบ แล้วทำให้ผิวขาวขึ้น จึงมีคนมาถามกันเป็นจำนวนมาก จึงเกรงว่าจะเป็นกระแสที่จะนำยาดังกล่าวมาทาน อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายาอิมาทินิบคงไม่นิยมมากเหมือนกับที่นำยารักษาโรค มะเร็งอย่างกลูตาไธโอนมาใช้ เพราะยาดังกล่าวมีราคาแพงเกือบแสนบาทต่อเดือน จึงขอเตือนผู้บริโภคทั้งหลายให้ระมัดระวัง เพราะยาดังกล่าวถือว่าเป็นยาที่ดีในการรักษาโรคมะเร็ง แต่ไม่เหมาะสมกับการนำมาใช้เพื่อหวังผลข้างเคียงในเรื่องผิวขาว เพราะเมื่อหยุดทานสีผิวก็จะกลับตามกรรมพันธุ์" รศ.น.พ.ประวิตรกล่าว

รศ. น.พ.ประวิตรกล่าวว่า วิธีที่ทำให้ผิวขาวแต่ก็คงไม่ขาวเกินกรรมพันธุ์ของแต่ละคนคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่ว่าจะเป็นการกางร่ม ใส่แว่นดำ รวมถึงการใช้ครีมกันแดด ซึ่งอยากเตือนประชาชนทั้งหลายว่า ค่าประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดหรือเอสพีเอฟ ที่มีค่าเกินกว่า 100 หรือค่าที่สูงกว่า 50 นั้นเชื่อถือไม่ได้ เนื่องจากวิธีทดสอบประสิทธิภาพของครีมกันแดดมาตรฐานสหภาพยุโรปตรวจได้ไม่ เกิน 50 เท่านั้น ซึ่งค่าที่สูงๆ เท่ากับว่าการทดสอบยังไปไม่ถึง

"นอกจากนี้ค่าเอสพีเอฟที่เครื่องสำอางระบุไว้นั้น เป็นค่าที่ต้องใช้ทาใบหน้าในปริมาณครึ่ง-1ช้อนชา หรือหากทาตัวจะต้องทาปริมาณ 35 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณคนปกติไม่ใช้ เนื่องจากจะเยิ้มมาก เท่ากับว่าปริมาณที่ทาใบหน้าหากทาในปริมาณที่น้อยกว่าที่กล่าวไปข้างต้นค่า เอสพีเอฟก็จะลดลงตามไปด้วย จากเอสพีเอฟ 50 แต่ทาปริมาณน้อยอาจเหลือแค่ 10-15 เท่านั้น" รศ.น.พ.ประวิตรกล่าว

ด้าน น.พ.จินดา โรจนเมทินทร์ หัวหน้าศูนย์เลเซอร์ สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า การฉีดสารหรือยาใดๆ เข้าร่างกายถือเป็นเรื่องอันตราย โดยเฉพาะสารกลูตาไธโอนที่นิยมนำมาฉีดให้ผิวขาว จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ฉีดให้เท่านั้น และต้องทำในสถานพยาบาล ไม่สามารถทำในคลินิกเล็กๆ ได้ เพราะหากผู้ป่วยเกิดอาการแพ้รุนแรงจะไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต ที่สำคัญการฉีดสารเข้าร่างกายจะต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะหากพลาดฉีดเข้าเส้นเลือดดำผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ในทันที

รศ.น.พ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 4 มีนาคม จะประชุมหารือแนวทางการปฏิบัติในการโฆษณาครีมกันแดดเพื่อให้โฆษณามีความ เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากประชาชนส่วนมากใช้ครีมกันแดดไม่ถูกวิธี จึงห่วงว่าจะเป็นการสร้างความเข้าใจผิด ซึ่งในต่างประเทศห้ามไม่ให้โฆษณาผลิตภัณฑ์สำหรับกันแดดไปแล้ว เนื่องจากพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมีความเข้าใจผิดว่าทาครีมกันแดดแล้วสามารถ ป้องกันแสงแดดได้ แต่กลับพบว่ามีการเป็นมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้น

รศ. น.พ.นภดล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะปรับฉลากของครีมกันแดดให้เป็นไปตามกฎระเบียบใหม่ โดยให้แสดงคำเตือนชัดเจน มีข้อความเช่น การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดด เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายจากแสงแดด ทั้ง นี้กฎหมายผ่อนผันให้ผู้ผลิตหรือผู้ขายต้องดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการ เครื่องสำอาง เรื่องการแสดงฉลากคำเตือนที่ฉลากเครื่องสำอางจะมีผลบังคับใช้ภาย ในวันที่ 31ธันวาคม 2553 ซึ่งขณะนี้ผ่อนผันมา 1 ปีแล้ว

"มีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนมายังสมาคมว่าไปรักษาด้วยสเต็มเซลล์ แต่ไม่ได้ผลตามที่ได้โฆษณาแต่ต้องใช้เงินจำนวนมากกับการรักษา แม้จะไม่มีผลข้างเคียงก็ตาม โดยได้สอบถามว่ามีผลในการช่วยได้จริงหรือไม่ ซึ่งได้ให้คำตอบว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง ซึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อาจไม่มีสเต็มเซลล์เลยก็เป็นได้" น.พ.นภดลกล่าว

http://hilight.kapook.com/view/34282