Friday, February 27, 2009

แฉถึงตาย สาวฮิตฉีด ยามะเร็ง ให้ผิวขาว

แฉถึงตาย สาวฮิตฉีดยามะเร็งให้ผิวขาว (ข่าวสด)

สธ.เตือนสาวอยากขาวใช้ยา "กลูตาไธโอน" รักษามะเร็งฉีดเข้าร่างกายหวังให้เกิดผลข้างเคียงผิวขาว ชี้อันตรายโดยเฉพาะหากไม่ใช่แพทย์ฉีดให้ เพราะหากพลาดถูกเส้นเลือดดำถึงตายได้ และจะช่วยให้ขาวได้เฉพาะตอนใช้ยาเท่านั้น หากหยุดเมื่อไหร่สีผิวก็จะกลับมาเหมือนเดิม แฉอีกไข่มุกน้ำลายหอยทาก และไข่ปลาคาเวียร์ ที่กำลังฮิตนำมาผสมกับเครื่องสำอางอ้างบำรุงผิวพรรณ ทางการแพทย์ไม่พบว่ามีสรรพคุณดังกล่าว พร้อมติงโฆษณาครีมกันแดดเกินจริง อ้างมีค่าความเข้มข้นในการป้องกันเป็นร้อยๆ จริงๆ แล้วค่าสูงสุดมีแค่ 50 เท่านั้น และต้องทาแบบหนาเตอะถึงจะป้องกันได้เต็มที่ หากทาบางๆ ค่าความเข้มข้นก็จะลดลงอีก

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ รศ.น.พ.ประวิตร อัศวานนท์ ประธานวิชาการสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีการสอบถามเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับไข่มุก ไข่ปลาคาเวียร์ น้ำลายหอยทาก ทั้งที่เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางและใช้โดยตรง โดยอ้างว่าเพื่อบำรุงผิวพรรณนั้น ขอยืนยันว่าจากการสืบค้นข้อมูล ทางการแพทย์ ไม่พบว่ามีสรรพคุณในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณแต่อย่างใด รวมถึงสารกลูตาไธโอนที่เป็นยารักษาโรคมะเร็ง แต่นิยมนำมาทำให้ผิวขาว ก็ยังไม่พบว่ามีการวิจัยทางการแพทย์ในมนุษย์ยืนยันสรรพคุณดังกล่าว จึงไม่สามารถตอบได้ว่าได้ผลจริงหรือไม่ ดีหรือไม่ดี

"ในส่วนของทองคำ พบว่ามีงานวิจัยยืนยันว่ามีประสิทธิภาพในการสมานผิว ลดการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงรักษาโรคปวดข้อ ซึ่งมีการใช้มาตั้งแต่ในโบราณ จึงไม่แปลกใจว่าเรื่องทองจะทำให้ผิวพรรณดีขึ้น แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ อานุภาพของเงินกับทองที่มีขนาดเล็กมาก อาจเข้าไปสะสมตามผิวหนังและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย" รศ.น.พ.ประวิตรกล่าว

รศ. น.พ.ประวิตรกล่าวว่า ใน อดีตเรื่องความสวยงามเป็นกระแส ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์ คอลลาเจน ทำให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องมีคำเหล่านี้ดึงดูดผู้บริโภค ขณะนี้มีเรื่องของเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ โดยมีครีมที่อ้างว่าเป็นสเต็มเซลล์สำหรับทา เพื่อให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง เพราะสเต็มเซลล์จะใช้วิธีฉีดเท่านั้น อีกทั้งการใช้สเต็มเซลล์ทางการแพทย์รับรองแต่เพียงการใช้เพื่อการรักษาโรค ทางโลหิตวิทยาเท่านั้น ดังนั้นเครื่องสำอางที่อ้างว่าเป็นสเต็มเซลล์นั้นไม่เป็นความจริง อย่างมากก็แค่มีสารในน้ำเลี้ยงสเต็มเซลล์เท่านั้นซึ่งไม่ต่างจากมอยส์เจอไร เซอร์ธรรมดาเลย แต่ในอนาคตยอมรับว่าเรื่องสเต็มเซลล์กำลังจะเป็นคำตอบในหลายเรื่อง แต่ขณะนี้ไม่ใช่

"นอกจากนี้ได้รับการสอบถามอย่างมากมาจากผู้บริโภคว่า เห็นผู้ป่วยที่ไปรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวรักษาด้วยยารักษาโรคมะเร็งเม็ด เลือดขาวและมะเร็งทางเดินอาหาร อิมาทินิบ แล้วทำให้ผิวขาวขึ้น จึงมีคนมาถามกันเป็นจำนวนมาก จึงเกรงว่าจะเป็นกระแสที่จะนำยาดังกล่าวมาทาน อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายาอิมาทินิบคงไม่นิยมมากเหมือนกับที่นำยารักษาโรค มะเร็งอย่างกลูตาไธโอนมาใช้ เพราะยาดังกล่าวมีราคาแพงเกือบแสนบาทต่อเดือน จึงขอเตือนผู้บริโภคทั้งหลายให้ระมัดระวัง เพราะยาดังกล่าวถือว่าเป็นยาที่ดีในการรักษาโรคมะเร็ง แต่ไม่เหมาะสมกับการนำมาใช้เพื่อหวังผลข้างเคียงในเรื่องผิวขาว เพราะเมื่อหยุดทานสีผิวก็จะกลับตามกรรมพันธุ์" รศ.น.พ.ประวิตรกล่าว

รศ. น.พ.ประวิตรกล่าวว่า วิธีที่ทำให้ผิวขาวแต่ก็คงไม่ขาวเกินกรรมพันธุ์ของแต่ละคนคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่ว่าจะเป็นการกางร่ม ใส่แว่นดำ รวมถึงการใช้ครีมกันแดด ซึ่งอยากเตือนประชาชนทั้งหลายว่า ค่าประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดหรือเอสพีเอฟ ที่มีค่าเกินกว่า 100 หรือค่าที่สูงกว่า 50 นั้นเชื่อถือไม่ได้ เนื่องจากวิธีทดสอบประสิทธิภาพของครีมกันแดดมาตรฐานสหภาพยุโรปตรวจได้ไม่ เกิน 50 เท่านั้น ซึ่งค่าที่สูงๆ เท่ากับว่าการทดสอบยังไปไม่ถึง

"นอกจากนี้ค่าเอสพีเอฟที่เครื่องสำอางระบุไว้นั้น เป็นค่าที่ต้องใช้ทาใบหน้าในปริมาณครึ่ง-1ช้อนชา หรือหากทาตัวจะต้องทาปริมาณ 35 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณคนปกติไม่ใช้ เนื่องจากจะเยิ้มมาก เท่ากับว่าปริมาณที่ทาใบหน้าหากทาในปริมาณที่น้อยกว่าที่กล่าวไปข้างต้นค่า เอสพีเอฟก็จะลดลงตามไปด้วย จากเอสพีเอฟ 50 แต่ทาปริมาณน้อยอาจเหลือแค่ 10-15 เท่านั้น" รศ.น.พ.ประวิตรกล่าว

ด้าน น.พ.จินดา โรจนเมทินทร์ หัวหน้าศูนย์เลเซอร์ สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า การฉีดสารหรือยาใดๆ เข้าร่างกายถือเป็นเรื่องอันตราย โดยเฉพาะสารกลูตาไธโอนที่นิยมนำมาฉีดให้ผิวขาว จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ฉีดให้เท่านั้น และต้องทำในสถานพยาบาล ไม่สามารถทำในคลินิกเล็กๆ ได้ เพราะหากผู้ป่วยเกิดอาการแพ้รุนแรงจะไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต ที่สำคัญการฉีดสารเข้าร่างกายจะต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะหากพลาดฉีดเข้าเส้นเลือดดำผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ในทันที

รศ.น.พ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 4 มีนาคม จะประชุมหารือแนวทางการปฏิบัติในการโฆษณาครีมกันแดดเพื่อให้โฆษณามีความ เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากประชาชนส่วนมากใช้ครีมกันแดดไม่ถูกวิธี จึงห่วงว่าจะเป็นการสร้างความเข้าใจผิด ซึ่งในต่างประเทศห้ามไม่ให้โฆษณาผลิตภัณฑ์สำหรับกันแดดไปแล้ว เนื่องจากพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมีความเข้าใจผิดว่าทาครีมกันแดดแล้วสามารถ ป้องกันแสงแดดได้ แต่กลับพบว่ามีการเป็นมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้น

รศ. น.พ.นภดล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะปรับฉลากของครีมกันแดดให้เป็นไปตามกฎระเบียบใหม่ โดยให้แสดงคำเตือนชัดเจน มีข้อความเช่น การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารป้องกันแสงแดด เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายจากแสงแดด ทั้ง นี้กฎหมายผ่อนผันให้ผู้ผลิตหรือผู้ขายต้องดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการ เครื่องสำอาง เรื่องการแสดงฉลากคำเตือนที่ฉลากเครื่องสำอางจะมีผลบังคับใช้ภาย ในวันที่ 31ธันวาคม 2553 ซึ่งขณะนี้ผ่อนผันมา 1 ปีแล้ว

"มีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนมายังสมาคมว่าไปรักษาด้วยสเต็มเซลล์ แต่ไม่ได้ผลตามที่ได้โฆษณาแต่ต้องใช้เงินจำนวนมากกับการรักษา แม้จะไม่มีผลข้างเคียงก็ตาม โดยได้สอบถามว่ามีผลในการช่วยได้จริงหรือไม่ ซึ่งได้ให้คำตอบว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง ซึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อาจไม่มีสเต็มเซลล์เลยก็เป็นได้" น.พ.นภดลกล่าว

http://hilight.kapook.com/view/34282

ศาลไม่รับฟ้อง นักเรียนพลาดสอบเอเน็ต

ศาลไม่รับฟ้องพลาด ANET นร.ชวดสอบ (ไอเอ็นเอ็น)

ศาลปกครองมีคำสั่งไม่รับคำร้องของกลุ่มพ่อแม่ ผู้ปกครอง นักเรียน ประมาณ 30 กว่าคน ซึ่งไม่สามารถสมัครสอบเอเน็ตตามกำหนดเวลา เนื่องจากไม่สามารถชำระเงินค่าสมัครได้ตามเวลาที่กำหนด

นายพิสิฐ กิตติเจริญฤกษ์ ประธานเครือข่ายเด็กนักเรียน และผู้ปกครองเพื่อความยุติธรรม กล่าวว่า ตนรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองแล้ว ที่มีคำสั่งให้ยกคำขอทุเลาบังคับคดีที่ขอให้นักเรียนได้เข้าสอบทางการศึกษา แห่งชาติขั้นสูง หรือ เอเน็ต ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม เพื่อคุ้มครองและเยียวยาสิทธิของผู้ฟ้องคดีก่อนคำพิพากษา ซึ่งนักเรียนและผู้ปกครองก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะวันที่ให้ปากคำในวันไต่สวนฉุกเฉินนั้น นักเรียนและผู้ปกครองยังมีความหวัง แต่เมื่อคำตัดสินออกมาเช่นนี้ ก็จำเป็นต้องน้อมรับคำตัดสินของศาล และถือว่านักเรียนและผู้ปกครองได้ทำดีที่สุดแล้ว ทั้งในเรื่องสำนวนและหลักฐานที่ได้ยื่นแสดงต่อศาล

ทั้ง นี้ ผลที่ออกมาถือเป็นการประหารชีวิตทางการศึกษาของนักเรียน โดยไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ไม่สามารถชำระเงินได้ทันตามกำหนดจะทำให้หมดอนาคต ทางการศึกษาเช่นนี้ จากนี้นักเรียนที่พลาดสอบเอเน็ตก็คงต้องไปหาที่เรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เปิดรับตรง ที่ไม่ใช้คะแนนเอเน็ต อย่างไรก็ตามตนรู้สึกสงสารผู้ปกครองที่มีฐานะไม่ดี เนื่องจากคงหาสถานที่เรียนดีๆ ให้กับลูกได้ยาก โดยจะหารือกับฝ่ายกฎหมายว่าจะดำเนินการฟ้องศาลปกครองสูงสุดต่อไปหรือไม่ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ

เบี้ยยังชีพคนชรา ... รับเงินที่ไหน อย่างไร เรามีคำตอบให้


นับเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่ ที่หลายคนให้ความสนใจกันอย่างมาก หลังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ออกประกาศ ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไฟเขียวจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั่วประเทศ เดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 6 เดือน และยังให้วาระดังกล่าวเป็นประเด็นเร่งด่วนอีกด้วย ทั้งนี้เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทางหนึ่งแล้ว ยังถือเป็นการตอบแทนผู้สูงอายุที่ทำงานเพื่อบ้านเมืองมาทั้งชีวิตด้วย

สำหรับเบี้ยยังชีพคนชรา ถือเป็นบริการสวัสดิการสังคมประเภทหนึ่ง ที่รัฐบาลจัดสรรให้กับคนชราอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป แม้จะดูเหมือนไม่มีบทบาทสักเท่าไหร่ในหลายยุคที่ผ่านมา แต่เวลานี้ได้ถูกชุบให้กระชุ่มกระชวยขึ้นอีกครั้งด้วยแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่แจกจ่ายนโยบายประชานิยมอย่างทั่วถึง ไม่เว้นแม้แต่ผู้สูงอายุ โดยแต่เดิมนั้นจะจ่ายให้เฉพาะผู้ที่มีฐานะยากไร้ รายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ถูกทอดทิ้ง หรือขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู หรือไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ ราว 1.8 ล้านคนเท่านั้น

แต่จุดต่างของเบี้ยยังชีพคนชราในรัฐบาลชุดนี้ คือ การจ่ายให้ผู้สูงอายุทั่วประเทศทุกคน เว้นเฉพาะรายที่เป็นราชการเท่านั้น อย่างไรก็ดี การจ่ายเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาท ครอบคลุมผู้สูงอายุทั่วประเทศที่ว่านี้ จะมีระยะเวลาสั้นๆ เพียง 6 เดือน โดยเริ่มเดือนเมษายนจะจ่ายเงินเป็นงวดแรก ไปจนถึงเดือนกันยายน 2552 ซึ่งหลายคนอาจเกิดคำถามต่อว่า เมื่อหมดจาก 6 เดือนนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไป คำตอบคือ คงต้องรอดูผลจาก ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ที่รัฐบาลลั่นประกาศิตว่าจะจัดสรรงบประมาณลงไปในงบประจำปีตาม พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ที่จะออกมาใหม่) ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุทุกคนได้รับเบี้ยยังชีพ

ทางด้าน นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ข้อมูลว่า รัฐบาลได้อนุมัติวงเงินงบประมาณกลางปีจำนวน 9 พันล้านบาท เพื่อเตรียมจ่ายให้กับผู้สูงอายุทั้งสิ้น 7.1 ล้านคน โดยผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ให้ไปลงทะเบียนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม 2552 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ

1. ผู้มีสิทธิต้องมีสัญชาติไทย

2. ผู้มีสิทธิต้องมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยต้องเกิดก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2492 ส่วนผู้สูงอายุที่ทราบเพียงปีเกิด แต่ไม่ทราบวันและเดือนเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคมของปีนั้นๆ

3. ต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินเดือน สวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากรัฐ ทั้งบำเหน็จ บำนาญ เบี้ยยังชีพ หรือผลประโยชน์อื่นใดจากรัฐ ทั้งรายวันและรายเดือน

4. ต้องไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์คนชราที่รัฐดูแลอาหารและที่พักให้อยู่แล้ว

ขั้นตอนการยื่นคำขอรับเงิน

1. ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติครบตามรายละเอียดข้างต้น สามารถยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง

2. ในกรณีที่ผู้สูงอายุมีความจำเป็นที่ไม่สามารถมาลงทะเบียนยื่นคำขอรับเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้ สูงอายุแทนได้ (สามารถขอรับแบบฟอร์มได้ที่สำนักงานเขต องค์การบริหารส่วนตำบล หรือใช้หนังสือมอบอำนาจทั่วไปก็ได้)

3. การยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552-15 มีนาคม 2552

หลักฐานประกอบการยื่นคำขอ

- บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ ที่มีรูปถ่ายพร้อมสำเนา

- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร พร้อมสำเนาสำหรับในกรณีที่ผู้ขอรับเงินเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุประสงค์ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร (ทุกธนาคาร)

สถานที่ลงทะเบียน

- เขตภูมิภาค ยื่นได้ที่เทศบาล/อบต. ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

- เขตกรุงเทพมหานคร ยื่นได้ที่สำนักงานเขต ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ระหว่างเวลา 08.00 – 16.00 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้แก่ผู้มีสิทธิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ่ายเป็นรายเดือนๆ ละ 1 ครั้ง ในอัตราเดือนละ 500 บาท โดยรัฐบาลกำหนดจ่ายงวดแรกในวันที่ 13 เมษายน ดังนี้

- จ่ายเป็นเงินสด หรือโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

- จ่ายเป็นเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากผู้มีสิทธิได้รับ เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นลายลักษณ์อักษร

อย่างไรก็ดี หลังจากที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศได้เปิดรับลง ทะเบียนผู้สูงอายุรับเบี้ยยังชีพเป็นวันแรก ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฎว่า ปัญหาที่พบมากที่สุด คือ เรื่องเอกสารไม่ครบ และผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเขียนหนังสือไม่ได้ จึงขอแนะนำว่าผู้สูงอายุที่จะมาลงทะเบียนให้นำบุตรหลานมาด้วยจะเป็นการดี ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านเอกสารให้เรียบร้อย นอกจากนี้ จะเป็นการช่วยดูแลเรื่องรายละเอียดในการลงทะเบียน หากผิดพลาดอะไรก็สามารถแก้ไขได้ทันทีอีกด้วย

อย่าลืมนะคะ เริ่มลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ตั้งแต่วันนี้ – 15 มีนาคม 2552 ดังนั้น ครอบครัวไหนที่มีผู้สูงอายุ ตามคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังเหลือเวลาให้ได้มาแสดงสิทธิ์กันค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

- ศูนย์ประชาบดี โทร. 1300
- ศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
- ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร.1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
- สำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร โทร 0-2245-5166 ในวันและเวลาราชการ (เฉพาะกรุงเทพมหานคร)

คลายข้อสงสัย

ถาม : ผู้ที่ได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมายถึงใครบ้าง?

ตอบ : ผู้รับเงินบำนาญ ผู้ได้รับเงินเบี้ยยังชีพตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำหรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น จัดให้เป็นประจำ

ถาม : ในกรณีบุตรรับราชการหรือสามีรับราชการ หรือภรรยารับราชการ สามารถยื่นค่าขอขึ้นทะเบียน รับสิทธิได้หรือไม่?

ตอบ : หากผู้ยื่นค่าขอรับเงินเบี้ยยังชีพไม่ได้รับบำนาญ และมีคุณสมบัติตามคำตอบในคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ สามารถยื่นค่าขอรับเงินเบี้ยยังชีพได้

ถาม : รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ตอบ : เมื่อผ่านการตรวจสอบสิทธิว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติ โดยรับได้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2552 เป็นต้นไป

ถาม : การรับเงินเบี้ยยังชีพผ่านธนาคาร ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอนเงิน?

ตอบ : ผู้สูงอายุเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมในการโอนเข้าบัญชีธนาคาร ยกเว้นธนาคารกรุงไทยในส่วนภูมิภาค ที่ผู้สูงอายุไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร

ถาม : การยื่นค่าขอขึ้นทะเบียน เพื่อรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถให้ผู้อื่นยื่นค่าขอแทนได้หรือไม่?

ตอบ : ได้ แต่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ

ระเบียบคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ. 2552

แบบคำขอขึ้นทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

http://hilight.kapook.com/view/34277

Wednesday, February 18, 2009

พอลล่า แรง! รักรุ่ง งานก็รุ่ง ได้เล่นหนังฮอลลีวู้ด

พอลล่า เทเลอร์
พอลล่า เทเลอร์

เข้าตาฮอลีวู้ด ถึงขั้นถูกเรียกตัวไป Casting หนัง แล้วก็ไม่ทำให้แฟนๆ ชาวไทยผิดหวังจริงๆ สำหรับวีเจและนักแสดงสาวสุดฮ็อต พอลล่า เทเลอร์ ว่าผ่านการคัดเลือก ได้เล่นหนังเรื่อง Shadows


" พอลล่า ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรก ซึ่งตอนนี้ได้ถ่ายไปแล้ว ก็เลยขอบอกเล่าข่าวดีซะเลย (บอกด้วยอาการดีใจอย่างสุดขีด) Cast หนังฮอลิวู้ด เรื่อง Shadows มา แล้วเราก็ได้เล่นหนังเรื่องนี้ด้วยนะ หนังเรื่องนี้นะน่าสนใจมาก เป็นหนังแนวลึกลับ Sixth Sense อะไรประมาณนั้น พอ ลล่าเล่นเป็นตัวเดินเรื่อง พระเอกคือ Cary Elwes (จากภาพยนตร์เรื่อง Princess Bride) และ พอลล่าจะได้เล่นหนังกับ “William Hurt” (วิลเลี่ยม เฮิร์ท) เจ้าของรางวัล ออสการ์ สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมฝ่ายชาย จากบทหนุ่มนักโทษ ที่มีรสนิยมรักร่วมเพศ ใน Kiss of the Spider Woman (1985) แล้วก็ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทีมงานของ Shadows ก็จะบินมาถ่ายทำที่เมืองไทย ขอบอกตื่นเต้นมาก (ยิ้ม) อยากให้มาเร็วๆ สนุกดี ชอบๆ" พอลล่า สาวหน้าสวย รอยยิ้มพิมใจ กล่าว

http://movie.sanook.com/news/news_15267.php






Tuesday, February 17, 2009

14 วิธีเทคแคร์หัวใจ

ดินไปทางไหนในช่วงนี้ก็แสนจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักเต็มไปหมด โดยเฉพาะโดยเฉพาะหัวใจที่มักจะถูกหยิบยื่นให้คนนั้นคนนี้จนวุ่นชุลมุนไปหมด นัยว่าให้ทั้งตัวและหัวใจอะไรประมาณนั้น ให้กันแบบเล่นๆ ก็ดีหรอก อย่าถึงกับควักกันจริงๆ นะจ๊ะ เพราะของอย่างนี้สูญหายไปก็ไม่มีโอกาสหาใหม่แน่ๆ ดังนั้นเราจึงควรดูแลมันให้ดีที่สุด และ 24-7 ก็มี 14 วิธีเทคแคร์หัวใจ มาฝากด้วย

ดูแลหัวใจ รัก1. เดินออกกำลัง 30 นาทีทุกวัน ช่วยลดโอกาสเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้ร้อยละ 30

2. ตรวจความดันเลือดเป็นประจำ และพยายามควบคุมให้ต่ำกว่า 115/75 ค่าความดันเลือดมีผลต่อความเสี่ยงโรคหัวใจมากกว่าไขมันในเลือด (คอเลสเตอรอล) การออกกำลังเป็นประจำและการลดไขมันรอบพุง (รอบเอว) มีส่วนช่วยลดความดันเลือดได้


3. กินถั่วเปลือกแข็งวันละ 1 กำมือ จำพวกถั่วอัลมอนด์ เฮเซลนัท ถั่วเปลือกแข็ง ช่วยลดการอักเสบ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) มีน้ำมันชนิดดีมาก (โอเมกา-3) โปรตีน และเส้นใย (ไฟเบอร์) ให้เลือกถั่วชนิดไม่เติมเกลือจึงจะได้ผลดี

4. ตรวจไขมันในเลือด และพยายามทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) สูงกว่า 50 โดยการออกกำลังเป็นประจำ ใช้น้ำมันที่มีประโยชน์ เช่น น้ำมันมะกอก, น้ำมันคาโนลา, น้ำมันรำข้าว ปรุงอาหาร

5.ใช้ไหมขัดฟัน (Dental Floss) ทุกวัน เพื่อป้องกันคราบจุลินทรีย์ (Plaque) และโรคปริทนต์ หรือโรคเหงือก และเนื้อเยื่อรอบโคนฟันอักเสบ โรคปริทนต์ทำให้เกิดการอักเสบ

6. กินเนื้อมะเขือเทศบดสัปดาห์ละ 10 ช้อนโต๊ะ หรือกินมะเขือเทศใน รูปแบบอื่น เช่น น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ เพื่อให้ได้โพแทสเซียม (Potassium/K) เพียงพอ โพแทสเซียมมีส่วนช่วยป้องกันโรคความดันเลือดสูง
และมะเร็งต่อมลูกหมาก

7. กินกรดไขมันอิ่มตัวไม่เกินวันละ 20 กรัม และกินไขมันแปลงสภาพ (ทรานส์/Transfat) ให้น้อยที่สุด

8. อ่านฉลากอาหาร (Food Label) เลือกอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ และเกลือต่ำ

9. กินผักและผลไม้วันละ 5 ทัพพี โดยเลือกให้มีสีหลากหลายต่างกันไปตามสีรุ้งได้แก่ ม่วง + คราม-น้ำเงิน + เขียว
+ เหลือง + แสดหรือส้ม + แดงและ สีขาว ซึ่งเป็นสีพืชพันธุ์เพื่ออายุยืนยาวได้แก่ หัวหอม, กล้วย

10. กินกระเทียมทุกวัน จากงานวิจัยพบว่า กระเทียมมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ เช่นลดปริมาณของคอเลสเตอรอลในเลือด และผลการศึกษาจากประเทศเยอรมนี ยังระบุอีกว่ากระเทียมช่วยป้องกันและลดการเกาะตัวของคราบไขมันบริเวณผนัง หลอดเลือดหัวใจ

11. ดื่มน้ำส้มเป็นปะจำ ผลวิจัยล่าสุดของ ‘คลีฟแลนด์คลินิก’ ระบุว่าการดื่มน้ำส้มวันละ 2 แก้ว ช่วยลดความดันโลหิตและช่วยสร้างสมดุลของระบบการทำงานในหัวใจได้ดี

12. กินชาดำซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐ-อเมริกา กล่าวว่า การดื่มชาดำช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็น โรคหัวใจ เนื่องจากประกอบด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ สารเคมีตัวนี้ช่วยป้องกันคอเลสเตอรอล ไม่ให้ทำลายเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ

13. บริโภคหัวหอม ถนอมสุขภาพหัวใจ เนื่องเพราะในหัวหอมประกอบด้วยสารคิวเซทิน (Quercetin) พฤกษเคมี ที่ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้มากมาย และหนึ่งในคุณประโยชน์คือ ลดการอักเสบของผนังเส้นเลือดที่ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคเส้นเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต


14. ดื่มชาเขียวเสมอ จากการศึกษาพบว่าสารสำคัญในชาเขียวมีอยู่ 2 ชนิดคือ แคททิชินและธีอะฟลาวินส์ สารเหล่านี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการออกซิไดซ์ของแอล- ดีแอล คอเลสเตอรอลซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ยับยั้งการสร้าง Cyclo Oxygenase ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ทำให้เกิดการรวมตัวของเกล็ดเลือด จึงเท่ากับเป็นการช่วยลดโอกาสเกิดหลอดเลือดอุดตันจากลิ่มเลือด อันเป็นสาเหตุของอาการโรคหัวใจได้


ใจร้าว กับความเข้าใจเรื่องกลไกสุขภาพ

จาก สถิติของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2545 มีคนไทยที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovacular Disease-CVD) เป็นจำนวนมากถึง32,896 คน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 4 คน ในจำนวนนี้เพศชายมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง โดยมีตัวแปรสำคัญคือ อายุที่เพิ่มขึ้น, ประวัติในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ (บิดา-มารดา และพี่น้องสายตรง), การสูบบุหรี่, คอเลสเตอรอลภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (Dyslipidemia), ความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวานและโรคอ้วน, ขาดการออกกำลังกาย

อาการสำคัญของโรคนี้มักเกิดจากภาวะไขมันในเลือด ที่ผิดปกติ ทำให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) เกิดเป็นตะกรันเกาะตัวหนาตามผนังหลอดเลือด นานเข้าหลอดเลือดจะปริกะเทาะ กระตุ้นให้เกล็ดเลือดมาเกาะรวมตัวกันในบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดการอุดตันอย่างเฉียบพลันจนมีโอกาสเสียชีวิต อ่านอาการกันมาถึงบรรทัดนี้ หลายคนชักกลัวใจตัวเองจะเสียหาย อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะเรามีคำแนะนำ 14 ข้อที่ทำง่าย ได้สุขภาพใจมากมายมาฝาก เรื้อรัง การอักเสบเรื้อรังปล่อยสารเคมีไปในเลือด ทำให้เส้นเลือดเสื่อมเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของระบบหัวใจ


อ่านแล้วเริ่มทันที รับรองเห็นผลทันใจ รักตัวเองให้มากๆ แล้วจะมีคนอื่นมารักคุณเอง

http://women.sanook.com/health/tips/tips_54257.php

ชู้รัก เบคแฮม ตั้งครรภ์!!!


ชู้รัก เบคแฮม ตั้งครรภ์!!!

เมื่อปี 2004 ผู้หญิง คนนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก เมื่อออกมาเปิดเผยเองว่า ตัวเองกับ เดวิด เบคแฮม นักเตะคนดัง แอบมีความสัมพันธ์สวาทกัน ระหว่างที่เดวิดอาศัยที่ประเทศสเปน พร้อมให้เหตุผลจิกกัด วิคตอเรีย เบคแฮม ภรรยาไฮโซของเดวิดว่า เป็นต้นเหตุเนื่องจากชอบปล่อยให้คุณสามีเนื้อหอมนอนเกาพุงนานเกินไป เหตุการณ์สุดฉาวโฉ่เมื่อครั้งนั้น สงผลให้ เดวิด ต้องตกอยู่ในสถานะกระอักกระอ่วน กลายเป็นสามีนอกใจภรรยา ขณะที่ผู้หญิงคนนี้กลับได้รับความสนใจและกลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน



.......หากยังพอจำกันได้ เธอคนนี้มีชื่อว่า "รีเบคก้า ลูส" อดีตผู้ช่วยส่วนตัวของเดวิด... นั้นเอง !!!!

แม้เหตุการณ์ดังกล่าวได้ล่วงเลยมาแล้วถึง 5 ปี จนเดวิดและวิคตอเรียกลับมาคืนดีและสมานแผลใจกันได้แล้ว แต่ดู เหมือน รีเบคก้า ยังไม่จบและพร้อมตอกย้ำแผลเหวอะหวะเก่าๆ แผลนี้อีกครั้ง เมื่อเธอต้องการ เพราะล่าสุดเธอได้ลงมือเขียนหนังสือแฉทุกเรื่องราวเกี่ยวกับการคบชู้สะท้าน โลก และรอขายให้กับผู้ที่เสนอราคาสูงสุด ภาพเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เมื่อ รีเบคก้า เผชิญหน้ากับ วิคตอเรีย



แหล่งข่าวเปิดเผยว่า รี เบคก้าพูดมาหลายปีว่าจะตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ เธอพยายามเย้าแหย่ตลอดว่า จะเปิดเผยทุกรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอเองและเด วิด ที่แอบทำกันลับหลังวิคตอเรีย รีเบคก้าจำเป็นต้องทำอย่างนี้ เพื่อหาเงินให้มากพอสำหรับเลี้ยงดูลูก เพราะตอนนี้เธอกำลังท้อง ได้ยินถูกแล้ว ตอนนี้รีเบคก้ากำลังตั้งครรภ์ 4 เดือน แต่ไม่ใช่กับ เดวิด เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของแพทย์ชาวนอร์เวย์ชื่อว่า สเวน ซึ่งเธอออกมายอมรับเองว่าไม่ได้ตั้งใจมีลูก แต่มันเป็นอุบัติเหตุล้วนๆ !!!!!

หนังสือ เล่มนี้ต้องได้เงินอย่างน้อยหลายล้านปอนด์ เพราะเดวิดเป็นนักกีฬาชื่อดังที่สุดในโลก ใครๆ ก็อยากรู้เรื่องลับในช่วงเวลานั้น มันจะเป็นการเปิดโปง ที่เดวิดและวิคตอเรียต้องรู้สึกอึดอัดแน่!!!" แหล่งข่าว กล่าว ก็ต้องรอดูต่อไปว่า สุดท้ายแล้วบ้านเบคแฮมจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร แต่เมื่อสาวรีเบคก้าออกมาทิ้งไพ่อย่างนี้ ก็คงหนีไม่พ้นต้องขึ้นโรงขึ้นศาลหรือการเจรจาเรื่อง เม็ดเงิน ไปตามระเบียบ .....นี่แหละน๊า เมื่อทำอะไรไม่ดีเอาไว้ มันจะตามหลอกหลอนไปตลอดชีวิต ถ้าไม่ทำเสียตั้งแต่แรก ชีวิตคงสบายขึ้นอีกเยอะ ว่าไหม?!?

http://star.sanook.com/gossip/gossip_17529.php

Saturday, February 14, 2009

เกม Lineage 2 ข้อมูล อาเดนาโบราณ

อาเดนาโบราณ อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการหาเงิน

สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้ผมก็ยังคงขออยู่ในระดับพื้นฐานอีกแล้ว จริงๆ มันก็ไม่พื้นเท่าไร เพราะมันเป็นหนึ่งในวิธีการหาเงินที่ค่อนข้างมั่นคง และไม่มีทางขาดทุน แถมยังทำได้จนเลเวล 80 เลย แน่นอนว่ามันไม่ใช่วิธีการหาเงินที่ดีที่สุดนะครับ เอาเป็นว่าผมจะมาบอกวิธีการหาอาเดนาโบราณ หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่า AA รวมทั้งการใช้งานมันให้คุ้มค่า ลืมบอกไปอีกอย่างครับ นอกจากจะเงินดีแล้ว ยังเป็นการเก็บเลเวลที่เร็วอีกด้วย

มูลค่าของอาเดนาโบราณ
ปัจจุบันอาเดนาโบราณ ต่อจากนี้จะขอเรียกว่า AA นะครับ คือเจ้า AA เนี่ยมันเป็นไอเทมที่มีหน้าที่คล้ายๆ กับเงินอาเดนาปกติ ซึ่งเจ้า AA นี้มันสามารถนำไปซื้อขายไอเทมบางชนิดที่ไม่สามารถใช้อาเดนาซื้อได้ ซึ่งปกติจะเป็นพวกยาสักระดับสูง, พลอย, คริสตัล, ยาเพิ่มพลังระดับสูง หรือแม้แต่ใบบวก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถทำเงินให้กับเพื่อนๆ ได้

<" vspace="4" border="0" hspace="4">
จากรูปเป็น 1 ต่อ 8 ครับ ถ้าจะซื้อให้หมดจะต้องใช้เกือบ 26 ล้านอาเดนา > <


อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างอาเดนา กับ AA จะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งนี้จะเป็นเส้นทางทำเงินของเพื่อนๆ ที่กำลังหา AA ครับ โดยอัตราแลกเปลี่ยนจะประมาณ 1 AA สามารถ แลกได้ 7–9 อาเดนา ประมาณว่าหากเพื่อนๆ ต้องการ 100,000 AA จะต้องใช้เงินอาเดนามาซื้อถึง 700,000–900,000 เลย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงซื้อขายของผู้เล่นด้วยกันเองครับ



การหาอาเดนาโบราณ
การหา AA จะเกี่ยวข้องกับระบบ Seven Sign ซึ่งจะขอให้เพื่อนๆ ศึกษาวิธีการของมันในเว็บ http://www.lineage2.in.th/L2Guide/ssq.asp แต่หลักๆ ปัจุบันการหา AA สามารถทำได้ง่ายด้วยตัวคนเดียว เพราะจะมีบัฟผู้เล่นใหม่จนถึงเลเวล 61 รวมทั้งแต้ม iCafe ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สามารถลงไปเก็บเลเวลในอุโมงค์หรือสุสานที่กระจาย อยู่ตามที่ต่างๆ แต่การเข้าออกสถานที่ดังกล่าวจะมีกฎอยู่นิดหน่อย แต่หลักๆ คือการเลือกฝ่ายที่ชนะระหว่างรุ่งอรุณกับสนธยาครับ และสามารถทำได้ตั้งแต่เลเวล 20 เลย เพื่อนๆ สามารถดูได้ว่าหลุมหรือสุสานไหนเหมาะกับเราจาก NPC นักบวชรุ่งอรุณ หรือสนธยา

คุยเพื่อขออยู่ฝ่ายที่คิดว่าชนะในรอบนั้นๆ
คุยเพื่อขออยู่ฝ่ายที่คิดว่าชนะในรอบนั้นๆ


ลงไปหาหินที่ดรอปเฉพาะในที่แบบนี้ เพื่อเอาไปแลกเป็น AA
ลงไปหาหินที่ดรอปเฉพาะในที่แบบนี้ เพื่อเอาไปแลกเป็น AA




การเอาอาเดนาโบราณมาใช้
หลัง จากจบการแข่งขัน Seven Sign หากเลือกฝ่ายที่ชนะจะสามารถนำเอาหินที่เก็บมาไปแลกเป็น AA ได้ หรือถ้าเอาไปให้ NPC ก่อนหน้านั้นก็สามารถไปขอรับ AA ได้เลย เมื่อได้มาวิธีการหาเงินแบบง่ายที่สุดเลยก็คือเอาไปตั้งขายเหมือนไอเทมทั่ว ไป ไม่ต้องกลัวขายไม่ออกครับมีร้อยล้านก็ขายหมด 555+

คริสตัล S สามารถแลกได้กับ “NPC คนขายของแมนมอน” ที่จะออกมาเฉพาะในสุสาน (แบบสุ่ม) เพราะวันที่ผนึกแสดงผลเท่านั้น
คริสตัล S สามารถแลกได้กับ “NPC คนขายของแมนมอน” ที่จะออกมาเฉพาะในสุสาน (แบบสุ่ม) เพราะวันที่ผนึกแสดงผลเท่านั้น


หนึ่งในหลายๆ สิ่งที่ AA สามารถทำได้
หนึ่งในหลายๆ สิ่งที่ AA สามารถทำได้


ใน กรณีที่อยากได้มากกว่านั้น ผมแนะนำให้เอา AA ไปแลกคริสตัล S หรือ พลอย A/S มานั่งขาย แต่ที่แนะนำจริงๆ คือเอาไปแลกเป็นคริสตัล S จะขายง่ายกว่า ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนคือ 1 คริสตัล S ต่อ 25,000 AA แล้วเอามานั่งขายเป็นคริสตัล S แต่ต้องบอกว่าการเอาคริสตัลมาขายจะเสี่ยงอยู่เหมือนกัน เพราะมันราคาขึ้นๆ ลงๆ ครับผม

สรุปคือถ้าเพื่อนๆ ไม่อยากยุ่งยาก ก็เอา AA ตั้งขายไปเลยจะได้กำไรอย่างน้อยๆ ก็ 7 เท่าอย่างแน่นอน ส่วนถ้าอยากได้กำไรหนักๆ เลยก็เอาไปแลกเป็นคริสตัล S แล้วผลิตกระสุนขายซะเลย รับรองได้เลยว่ารวยแน่ เพราะกระสุน S แพงมากครับ ..สำหรับเล่มนี้ขอลาไปก่อนครับ Bye~

http://game.sanook.com/gameupdate/stechnic_09813.php

เมียหลวง งานเข้า!!!!

ติงละครช่อง 7 "เมียหลวง" สื่อในทางไม่ดี


เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่หอประชุม สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จัดโครงการรวมพลังเยาวชนไทย อยู่ได้อย่างรู้เท่าทัน: สื่อรัก สื่อร้าย เยาวชนไทยจะไปทางซ้ายหรือทางขวา? โดยมีเยาวชนในสถานศึกษาเขตกทม.และปริมณฑลระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและอุดม ศึกษากว่า 200 คนเข้าร่วม



นายกิตติ สมานไทย ผอ.สท.กล่าวว่า สื่อมวลชนมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน จึงถูกมองเป็นกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดในการนำเสนอสินค้าการโฆษณาชวนเชื่อ รวมทั้งสื่อบางประเภทมีการนำเสนอในรูปแบบของความรุนแรง ค่านิยมฟุ้งเฟ้อ และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สุ่มเสี่ยงต่อการเลียนแบบ เยาวชนจึงตกเป็นเหยื่อของกระแสดังกล่าว ส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมต่าง ๆ ทั้งนี้การแก้ปัญหาเยาวชนเป็นวาระแห่งชาติ ต้องดำเนินการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวเยาวชนเองต้องใช้สติในการดำรง ชีวิต อย่างไรก็ตามสท.จะจัดประชุมสมัชชาเยาวชนในเดือนมี.ค.นี้โดยเชิญตัวแทนสภานัก เรียน สภาเด็กและเยาวชนทั่วประเทศและเครือข่ายเยาวชนร่วมหาแนวทางพัฒนาเยาวชนและนำ เสนอรัฐบาล


นายเกษม จันทร์น้อย ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย กล่าวว่า สื่อมีอันตรายอย่างยิ่งต่อเยาวชนเนื่องจากมีวุฒิภาวะน้อยทำให้ตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะสื่อทีวีเวลานี้เลี้ยงลูกแทนพ่อแม่อย่างล่าสุดละครเรื่องเมียหลวง ที่คุณอั้ม พัชราภา แสดง น่าเป็นห่วงเพราะสื่อไปในทางที่ไม่ดี ผู้ปกครองต้องคอยให้การศึกษาแก่ลูกว่าถูกหรือผิด ทั้งส่วนหนึ่งก็อยู่ที่จิตสำนึกของเจ้าของสถานีด้วยที่จะต้องให้ความร่วมมือ ในการดูแลสิ่งที่สื่อออกไป เพราะนักวิชาการก็ได้แต่เพียงติติง หรือแม้แต่สื่อหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับวันอาทิตย์ที่มักจะลงรูปโป๊ สื่อหนังสือที่พยายามขายภาพปาปาปาราซซี่ สื่อวิทยุก็เป็นตัวกล่อมทางอารมณ์ และยังมีสื่อลามกภาพยนต์โป๊ที่ทำรายได้ถึง 7,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีสื่อในโลกไซเบอร์และดิจิตอลที่มีทั้งคุณและโทษ ดังนั้นสำคัญที่สุดต้องรู้เท่าทันสื่อ และต้องอาศัยความร่วมมือของบ้าน วัด โรงเรียน หรือ บวร ในการช่วยกันขจัดสื่อร้าย สร้างสื่อดี


พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ กล่าวว่า สิ่งที่อยากให้ปรับมากที่สุดคือพ่อแม่ ครูอาจารย์ต้องเข้าใจและรู้เท่าทันสื่อและสามารถให้คำปรึกษาแก่บุตรหลานและ เยาวชนได้ อย่างละครเรื่องสวรรค์เบี่ยง ทำกันมาไรู้กี่รอบ ไม่รู้ทำไมชอบเชียร์กันให้พระเอกข่มขืนนางเอกจนท้อง จริง ๆ ต้องเชียร์ให้ไปจับพระเอกติดคุกที่ไปข่มขืนจนผู้หญิงท้อง จะได้เห็นภาพว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรทำ แต่ละครที่ออกมากลายเป็นเชียร์ให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง


เครดิตจากมติชน

Sunday, February 8, 2009

วันมาฆบูชา

ในปีหนึ่งๆ นอกเหนือไปจากวันพระตามปกติแล้ว พุทธศาสนิกชนจะมีวันพระที่จัดเป็นวันสำคัญพิเศษอยู่อีก ๓ วันคือวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ซึ่งทั้งสามวันนี้ได้มีผู้เปรียบเทียบว่า
วันวิสาขบูชา อันเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ถือได้ว่าเป็น วันพระพุทธ
ส่วนวันอาสาฬหบูชา อันเป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาครั้งแรก เป็น วันพระธรรม
วันมาฆบูชา วันที่พระสงฆ์มาประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อรับฟังหลักการ อุดมการณ์ ตลอดจนวิธีปฏิบัติในการเผยแพร่พุทธศาสนาเป็น วันพระสงฆ์ ในที่นี้ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะขอกล่าวถึงเพียงวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญอันดับแรกของปีก่อน

วัน มาฆบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญ เดือนมาฆะคือเดือน ๓ หรือเดือน ๔ ในปีที่มีอธิกมาส เนื่องในโอกาสคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒

ในสมัย โบราณก่อนที่จะมีพุทธศาสนานั้น การบูชาในวันเพ็ญเดือนมาฆะเป็นพิธีดั้งเดิมของศาสนาพราหมณ์ เรียกว่า “ศิวาราตรี” คือ เป็นการทำพิธีลอยบาปในแม่น้ำคงคา และประกอบพิธีสักการบูชาพระเป็นเจ้าของพราหมณ์ ซึ่งเป็นพิธีใหญ่ในเทวสถานต่างๆ เมื่อพุทธศาสนาได้กำเนิดขึ้น พระภิกษุพุทธสาวกซึ่งมาจากวรรณะต่างๆ มีทั้งวรรณะกษัตริย์ วรรณะพราหมณ์ และวรรณะอื่นๆ แต่ส่วนใหญ่ก็เคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนทั้งสิ้น เมื่อถึงวันเพ็ญมาฆบูชาได้เห็นพวกพราหมณ์ทำพิธีใหญ่ ซึ่งตนเคยทำมาก่อน ก็คงคิดว่าน่าจะทำอะไรทำนองนั้นบ้าง จึงได้พากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และนี้เอง จึงได้ก่อให้เกิดเหตุที่ถือว่าอัศจรรย์ขึ้นในเวลาต่อมา

กล่าวคือ นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นเวลา ๙ เดือน (ตั้งแต่วันเพ็ญ เดือน ๖ ถึง วันเพ็ญเดือน ๓ ของอีกปี) และเริ่มออกสั่งสอนเป็นเวลา ๗ เดือน (สอนครั้งแรกคือไปโปรดปัญจวัคคีย์ เมื่อวันอาสาฬหบูชา คือวันเพ็ญเดือน ๘ ในปีเดียวกับที่ตรัสรู้ ) พระพุทธเจ้าได้ลูกศิษย์ คือพระภิกษุที่เป็นพระสาวกขณะนั้นกว่า ๑,๓๐๐ องค์ ซึ่งพระสาวกเหล่านี้ พระพุทธองค์ได้ทรงส่งออกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ทรงค้นพบใหม่ไปยังเมือง ต่างๆ ส่วนพระองค์ประทับอยู่ ณ วัดเวฬุวัน (ป่าไผ่) กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ ที่พระเจ้าพิมพิสารถวาย และถือเป็นวัดแห่งแรกในพุทธศาสนา ปรากฏว่าพระสาวกที่เดินทางมาเฝ้าโดยมิได้นัดหมายกันนี้มีถึง ๑,๒๕๐ องค์ ซึ่งถือว่าเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่ง

เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ ตลอดพระชนมชีพของพระพุทธองค์มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้น จึงได้กำหนดเรียกวันนี้ว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” คือวันประชุมใหญ่ครั้งแรกและเป็นครั้งพิเศษ ด้วยเป็นวันที่ประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑.พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งเป็นพุทธสาวก จำนวน ๑,๒๕๐ องค์มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
๒. พระพุทสาวกเหล่านี้ล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือพระพุทธเจ้าทรงประทานอุปสมบทด้วยพระองค์เอง
๓. พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖ ได้แก่ แสดงฤทธิ์ได้ ระลึกชาติได้ ตาทิพย์ หูทิพย์ กำหนดรู้ใจคนอื่นได้ และบรรลุอาสวักขยญาณคือญาณหยั่งรู้ธรรมที่เป็นที่สิ้นแห่งอาสวะหรือกิเลส ทั้งหลาย และ
๔. วันนั้นเป็นวันเพ็ญ เดือนมาฆ พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดคือ เป็นเวลากลางคืน อากาศไม่ร้อน ท้องฟ้าแจ่มใส


ด้วย เหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะให้การมาครั้งนี้ของพุทธสาวกเป็นการ ประชุมพิเศษในการแสดงโอวาทปาติโมกข์เพื่อประกาศหลักการ อุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติในการเผยแพร่พุทธศาสนาให้นำไปใช้ได้ในทุกสังคม ซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญแห่งพุทธศาสนา ที่ชาวพุทธทั้งหลายจะได้ยึดถือเป็นแม่บทสำหรับประพฤติปฏิบัติเพื่อความพ้น ทุกข์ และยังเป็นแม่บทในการเผยแพร่พระพุทธศาสนามาจนทุกวันนี้ โอวาทปาติโมกข์ที่ว่านี้ เป็นคนอย่างกับพระปาฏิโมกข์หรือศีล ๒๒๗ ข้ออันเป็นพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ

และพระภิกษุต้อง ลงโบสถ์ฟังทุกวันพระกึ่งเดือน ซึ่งโอวาทปาติโมกข์ที่พระบรมศาสดาแสดงในวันนั้น ถือเป็นหลักธรรมคำสอนที่สำคัญ หรือเป็น หัวใจของพระพุทธศาสนา เลยทีเดียว หลักธรรมดังกล่าว แบ่งเป็น ๓ ส่วน คือ หลักธรรม ๓ อุดมการณ์ ๔ และวิธีการ ๖ อันได้แก่

หลักการ ๓ ได้แก่ ๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง ไม่ว่าจะด้วยกาย วาจาและใจ ๒.การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดีทุกอย่าง ๓.การทำจิตใจให้ผ่องใส ด้วยการละบาปทั้งปวง ถือศีลและบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อมด้วยการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนา จนถึงขั้นบรรลุอรหันตผล อันเป็นความผ่องใสที่แท้จริง

อุดมการณ์ ๔ ได้แก่ ๑. ความอดทน คือการอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ ๒.ความไม่เบียดเบียน คือ การงดเว้นจากการทำร้าย รบกวนหรือเบียดเบียนผู้อื่น ๓. ความสงบ คือ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย วาจาและใจ ๔.นิพพาน คือ การดับทุกข์ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนา ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘

วิธีการ ๖ ได้แก่ ๑. ไม่ว่าร้าย คือ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือโจมตีใคร ๒.ไม่ทำร้าย คือ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ๓.สำรวมในปาติโมกข์ คือ ความเคารพระเบียบวินัย กติกา กฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของสังคม ๔.รู้จักประมาณ คือ รู้จักพอดี พอกินพออยู่ ๕.อยู่ในสถานที่ที่สงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่สงบและมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ๖.ฝึกหัดจิตใจให้สงบ คือการฝึกจิต หมั่นทำสมาธิภาวนา

สำหรับหลักการ ๓ ที่กล่าวข้างต้น ถือ ได้ว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เป็นการสอนหลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องแก่พุทธศาสนิกชน ส่วนอุดมการณ์ ๔ และวิธีการ ๖ นั้น อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหลักครูหรือหลักของผู้สอนคือวิธีการที่จะนำไปปรับปรุง ตัวให้เป็นกัลยาณมิตรทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งผู้ใดปฏิบัติได้นอกจากจะเป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว ยังจะช่วยเผยแพร่พระศาสนาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ใน โอกาสที่วันมาฆบูชาได้เวียนมาอีกครั้งหนึ่ง นอกเหนือไปจากการทำบุญ ตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมตามควรแล้ว สวช. กระทรวงวัฒนธรรมขอเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนได้ศึกษาและน้อมนำหลักธรรมของพระ พุทธองค์ไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันด้วย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ครอบครัว และความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนาสืบไป

อมรรัตน์ เทพกำปนาท
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

Friday, February 6, 2009

5 ตุ๊กตา ยอดฮิตระดับโลก

5 ตุ๊กตา ยอดฮิตระดับโลก

1. Barbie

กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี 1959 ในงานอเมริกันทอย แฟร์ หลังจากมีการก่อตั้งบริษัท แมตเทล ในปี 1944 โดยเอลเลียด แฮนด์เลอร์ และ ฮาโรลด์ แมคสัน ซึ่งภายหลังแมคสันขายเลอร์หุ้นส่วนหนึ่งของตัวเองให้แฮนด์เลอร์ ทำให้แฮนด์เลอร์กับภรรยาของเขาเข้ามาทำธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว ในงานของเล่นที่นิวยอร์ก เมื่อปี 1959 แมตเทลจึงออกผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "บาร์บี้" เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นตุ๊กตานางแบบวัยรุ่นที่สวมชุดว่ายน้ำลายขาวดำ พร้อมกับแว่นกันแดดสุดเปรี้ยว รองเท้าส้นสูง ตุ้มหูห่วงสีทอง และผมหางม้าสูง 29 เซนติเมตร หนัก 11 ออนซ์ โดยชื่อบาร์บี้นั้นมาจากชื่อลูกสาวของแฮนด์เลอร์

ต่อมาตุ๊กตาบาร์บี้ได้รับความนิยมอย่างสูง จึงทำให้มีสร้างเป็นเรื่องราวออกมาว่าบาร์บี้เกิดที่ เมืองวิลโลว์ ที่วิสคอนชิน มีชื่อจริงว่า บาร์นี้ มิลลิเซ็นต์ โรเบิร์ดส์ เป็นบุตรสาวของ มาการ์เร็ด โรเบิร์ดส์ กับ โรเบิร์ด โรเบิร์ดส์ โดยมีน้องสาว ชื่อว่า สกิปเปอร์ ทูตติสเคซี และเคลลี พร้อมเพื่อนสนิทอย่างมิดจ์ บาร์บี้ได้เข้าเรียนในระดับไฮสคูลที่โรงเรียนวิลโลว์ ในเมืองวิลโลว์ รัฐวิสคอนชิน และเริ่มออกเดทกับเคนในปี 1961 ทั้งสองเป็นคู่รักที่สวีทกันมาตลอดว่า 40 ปี แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงก็มาถึง กระแสของการแสวงหารักใหม่เข้ามามีบทบาทเหมือนคนจริงๆ เพราะสาวบาร์บี้แอบมีกิ๊กจนเลิกกับเคนในปี 2005 หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตสาวโสดอย่างสนุกสนามตามเทรนด์แฟชั่นที่เข้ามาในแต่ละ ปี

การผลิตเสื้อผ้าให้ตุ๊กตาบาร์บี้นั้นมีแบบต่างๆ ให้เลือกมากกว่า 500 แบบ จำหน่ายในกว่า 150 ประเทศ มียอดจำหน่ายมากกว่า 1 พันล้านตัว ราคาบาร์บี้สำหรับเด็กประมาณตัวละ 400-500 บาท หากเป็นรุ่นสะสม ก็จะมีราคา 1,100 บาทขึ้น แต่ถ้าเป็นรุ่นเก่าหายาก ก็จะมีราคาตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไปครับ

teddy bear


2. Teddy Bear

กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี 1903 ที่เยอรมัน โดยในครั้งแรกยังไม่ได้เรียกมันว่าหมีเท็ดดี้ จนกระทั่ง เทโอดอร์ รูสเวลท์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ซึ่งเป็นคนที่ชอบล่าหมีเป็นชีวิตจิตใจ จนมีนักวาดการ์ตูนคนหนึ่งเขียนภาพล้อเลียนโดยมีเจ้าหมีตัวเล็กๆ อยู่ข้างหลังตลอดเวลา ทำให้ทุกคนเรียกหมีตัวนั้นว่าเจ้าเท็ดดี้ต่อมาพ่อค้าหัวใสขาวอเมริกันได้ สั่งซื้อตุ๊กตาหมีจาก นางมาการ์เร็ต เท ซึ่งเป็นผู้ออกแบบจำนวน 3,000 ตัว ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้จึงกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการนับแต่บัดนั้นเมื่อตุ๊กตาหมี ขายดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดการเลียนแบบกันมากขึ้น ทำให้หลานชายของนางมาการ์เร็ต เท ต้องสร้างเอกลักษณ์ของตัวตุ๊กตาขึ้นมาโดยทำเป็นกระดุมติดอยู่ที่หู และมีแถบผ้าชิ้นเล็กๆ เขียนว่า Steiff ซึ่งก็คือชื่อบริษัทผู้ผลิตนั่นเอง

ปัจจุบันบริษัท Steiff ผลิตตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ประมาณปีละ 1.5 ล้านตัว โดยหมีเท็ดดี้ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์คือ หมีที่ทำขึ้นในปี ค.ศ.2000 ที่มีชื่อว่า Teddybr "Louis Vuittan" ในปี 2000 ที่มีมูลค่ารวมแล้วประมาณ 2 แสนยูโร เหตุที่มันแพงขนาดนี้ก็เพราะทำด้วยมือ มีชุดและเครื่องประดับ แถมยังมีลายปักอีกด้วย เมื่อนำไปประมูลราคาจึงสูงมาก โดยผู้ชนะการประมูลในครั้งนั้นเป็นชาวเกาหลีที่นิยมสะสมของหายาก

kitty


3. Kitty

กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี 1974 โดยบริษัท Sanrio ที่ลอนดอนกำเนิดคิตตี้บนกระดานวาดภาพจนมาถึงปี 1975 ก็ได้ทำเป็นโมเดลพลาสติกเล็กๆ ขึ้น ต่อมาในปี 1976 คิตตี้เริ่มปรากฏอยู่ตามกล่องอาหารชุด และไม่นานก็ได้มีการ์ตูนชุดออกมาในสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้นยังมีละครทีวีอีกด้วย

ปี 1980 คิตตี้เข้าไปอยู่ในกิ๊ฟช๊อปต่างๆ โดยเฉพาะไปโด่งดังในญี่ปุ่น ปี 1990 คิตตี้มีพื้นที่แสดงของตนเองที่เมืองมีชื่อว่า "Sanrio Puroland" อยู่ที่เมืองทามะ ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถดึงดูดคนได้มากกว่า 1.4 ล้านคนต่อปี และในปี 1991 ที่คิวชู ญี่ปุ่นถึงกับมีการสร้างสวนสาธารณะที่เป็นเสมือนอาณาจักรของคิตตี้ก็ว่าได้

ส่วนเรื่องราวย่อๆ ของคิตตี้มีดังนี้ครับ คิตตี้นั้นเกิดเดือนพฤศจิกายน ปี 1974 ที่ชานเมืองลอนดอน ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณสองหมื่นคน คิตตี้มีพี่น้องฝาแฝดชื่อ มิมมี่ ชอบทำคุกกี้ให้คิตตี้กิน คิตตี้ชอบกินของความหลายชนิด อย่างลูกกวาด พายแอปเปิล ฝีมือคุณแม่ คิตตี้ชอบสะสมดวงดาวเล็กๆ ปลาทอง เหรียญเงินและริบบิ้น ตั้งแต่พ่อของเธอไปทำงานที่นิวยอร์ค เธอก็มีเพื่อนมากมาย คิตตี้ชอบผู้ชายใจดีและเป็นมิตร รักครั้งแรกของคิตตี้คือหนุ่มที่ชื่อ Dear Danlel แต่ไม่นานเขาก็ต้องจากไปเพราะเดินทางตามครอบครัวไปแอฟริกา คิตตี้จึงได้มาคบกับ Tippy หมีเพื่อนร่วมชั้นเรียน

Blythe


4. Blythe

กำเนิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1972 จากโรง Kenner สหรัฐอเมริกา ในตอนแรกได้จัดทำตุ๊กตาออกมาถึง 4 แบบคือ Blythe, Karess, Willow และ Skye ต่อมาทางโรงงานก็ได้จ้างดีไซน์เนอร์มาช่วยออกแบบให้ ซึ่งทำให้ตุ๊กตาสามารถเปลี่ยนสีลูกตาได้ แถมมีเครื่องแต่งกายมากมายที่สลับสับเปลี่ยนกันแทบไม่รู้จบ อย่างไรก็ตาม แต่แทนที่จะไปได้สวยกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะหน้าตาและสีสันของมันทำให้เด็กกลัวมาก จนต้องหยุดผลิตทั้งที่เปิดตัวได้เพียงแค่ปีเดียว ไม่นานนักก็เลิกใจการไปถึง 30 กว่าปี

หลัง จาก 30 ปีผ่านไป ตุ๊กตาไบลทธ์ก็กลับมาอีกครั้ง และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการที่ Gina Garan โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกาได้รับมอบตุ๊กตาจากเพื่อน และเธอก็พาไบลทธ์ไปกับเธอแทบทุกที่ทั่วโลก และถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบ ภาพของเธอถูกนำมารวมเป็นหนังสือชื่อ This is Blythe และ Finecracker Altemative Book ผลก็คือ Gina Garan โด่งดังและนำพาให้ตุ๊กตาไบลทธ์ก็กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง และเมื่อบริษัท Tokoro ของประเทศญี่ปุ่นได้ลิขสิทธิ์ผลิตตุ๊กตา จึงทำการประชาสัมพันธ์จนทำให้ไบลทธ์เป็นที่รู้จักมากมาย ด้วยการยกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และทำให้มีส่วนร่วมกับวงการแฟชั่นด้วยการหาแบรนด์เนมต่างๆ มาสนับสนุนทำให้วันนี้ไบลทธ์ กลายมาเป็นตุ๊กตาที่มีราคาขึ้นมาทันที ปัจจุบันราคาอยู่ที่หลักหลักพันจนไปถึงหมื่นบาทขึ้น

Rika Chan


5. Rika-Chan

กำเนิดอย่างเป็นทางการ ค.ศ. 1967 โดยบริษัททาคาระ หลังจากที่นักเขียนการ์ตูนชื่อนาง มิยาโกะ มากิ ได้สร้างสรรค์ตุ๊กตาริกะจังขึ้นมาให้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคนญี่ปุ่นมากกว่า ชาวยุโรป ก็ทำให้เด็กสาวชาวญี่ปุ่นในสมัยนั้นเพลิดเพลินกับการเล่นตุ๊กตาเป็นพิเศษ เพราะตุ๊กตาริกะจังมีรูปแบบการแต่งตัวตามแฟชั่นและการเล่นไม่แพ้ตุ๊กตาบาร์ บี้เลยทีเดียว

ยอดขายของริกะจังนั้นสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 53 ล้านตัวทั่วโลกแล้ว และในโอกาสที่มีการเปิดตัวริกะจังในวาระครบรอบ 35 ปี ทางบริษัทโทมี่ได้จัดทำตุ๊กตาริกะจังแบบพิเศษขึ้นมา โดยตัวที่เห็นอยู่ซ้ายมือสุดนี้ที่สูง 22 เซนติเมตร ประดับเพชร 51,433 กะรัด จำนวน 881 เม็ด มูลค่า 935,000 คอลลาร์ หรือราว 31.8 ล้านบาทเลยล่ะครับ

http://hilight.kapook.com/view/33596

Monday, February 2, 2009

คลิปมด เวอร์ชั่นเคลื่อนไหว

http://video.mthai.com/player.php?id=2M1233326567M0

ของขวัญวันวาเลนไทน์

เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

จะบอกรักซะอย่าง ทำไมต้องรอให้ถึงวันวาเลนไทน์?! ก็เพราะบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ น่ะสิคะ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จึงเหมาะที่ซู้ด

สำหรับการเผยความในใจ...บอกกันเฉยๆ ด้วยคำพูดอาจเคอะเขินเกินไป แต่ถ้ามีพร็อพเป็นของขวัญชิ้นเด็ด ผ่านการคัดสรรว่ามัดใจสาวๆ ได้อยู่หมัด รับรองเลยค่ะว่า จะกี่ด่านๆ หัวใจก็ทะลุทะลวงฉลุย เอ… ว่าแต่ของขวัญท็อปฮิตที่เขานิยมมอบให้คนรักในวันวาเลนไทน์นี้มีอะไรบ้างหนอ?


กุหลาบ

จะกี่ยุคกี่สมัย "ดอกกุหลาบ" ก็ยังครองแชมป์ของขวัญยอดฮิตวันวาเลนไทน์ โดยเฉพาะ "กุหลาบสีแดง" สาวคนไหนได้รับ มีแต่จะยิ้มแก้มปริ และยอมเปิดหัวใจให้หนุ่มๆ เข้ามานอนกลิ้งเกลือกไม่โยเย!! ถ้าเป็นหนุ่มจริงใจ...รักจริงหวังแต่ง ไม่เจ้าชู้ มักจะเลือก "กุหลาบสีขาว" แทนคำบอกรัก สื่อถึงความบริสุทธิ์และจริงใจสุดๆ

ถ้ามีหนุ่มคนไหนให้ "กุหลาบสีชมพู" แปลว่า เขากำลังหัวใจพองโต มองเห็นอะไรเป็นสีชมพูไปหมด แต่ถ้าได้ "กุหลาบสีเหลือง" วันวาเลนไทน์ ก็ไม่ต้องงงนะคะ หนุ่มคนนั้นแค่อยากบอกว่า คุยกับคุณถูกคอจัง อยากสานต่อ เผื่อจะคลิกเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นแฟน

แต่ไม่ว่าจะเป็นกุหลาบสีอะไร ถ้าเขาให้ กุหลาบตูม แก่คุณนั่นหมายความว่าความรักกำลังเริ่มต้นเหมือน ความเยาว์วัยของหนุ่มๆ สาวๆ แต่ถ้าให้ดอกกุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น


ดอกไม้อื่นๆ

ดอกไม้อื่นๆ ที่นิยมให้คนรักนอกจากดอกกุหลาบ แล้ว ก็มีดอกคาร์เนชั่น ดอกลิลลี่ ดอกทิวลิป ดอกไวโอเล็ต ซึ่งความหมายของการให้ดอกไม้เหล่านี้ คือ ถ้าให้ ….

ดอกคาร์เนชั่นสีแดง หมายถึง รักอย่างสุดซึ้ง

ดอกลิลลี่สีขาว หมายถึง ความโรแมนติก อ่อนหวานระหว่างคุณและคนรัก

ดอกทิวลิปสีแดง หมายถึง ความรักที่จะร่วมฟันฝ่าไปด้วยกัน

ดอกไวโอเล็ต ที่แทนความหมายของการให้รักตอบแทน


ช็อกโกแลต

นักจิตวิทยาหลายคนเชื่อว่า ช็อกโกแลตเป็นตัวช่วยเสริมอารมณ์รัก และรสชาติความหวานก็เป็นสิ่งที่แทนความรู้สึกวันแห่งความรักได้อย่างดี และยังมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าในช็อกโกแลตมีสารช่วยกระตุ้นสมองโดยออก ฤทธิ์คล้ายแอมเฟตามีน เป็นตัวเบิกทางความรู้สึกลึก ๆ แห่งรักได้ดี

อย่างไรก็ตาม การให้ช็อกโกแลตก็สามารถบ่งบอกนิสัยใจคอผู้ให้ได้ด้วย ถ้าให้...

"ช็อกโกแลตมินต์" แสดงว่า เป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา และมีความคิดสร้างสรรค์

"ช็อกโกแลตนม" เป็นคนโรแมนติก คุยสนุก แต่ชอบทำตัวเด่น

"ช็อกโกแลตสอดไส้" เป็นคนปาร์ตี้ ชอบสังคม ใจดี

"ดาร์ค ช็อกโกแลต" หมายความว่า คุณเจอคนใจร้อนเข้าแล้ว ประเภทรักง่ายติดไฟเร็วซะงั้น

วันวาเลนไทน์


จิวเวลรี่

ไม่ว่าสาวคนไหนก็หลอมละลายทั้งนั้น ถ้ามีหนุ่มมาซื้อเพชร หรือจิวเวลรี่ให้เป็นของขวัญวาเลนไทน์ เพราะจะมีใครกล้าทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ ถ้าไม่ได้รักจริงหวังแต่ง (ไม่นับพวกเสี่ยบุญทุ่ม)!! หนุ่มคนไหนกำลังมองหาของขวัญล้ำค่าประกายระยิบระยับแทนคำบอกรัก

ขอ แนะนำให้เลือกเครื่องประดับเพชร หรือมุก เพราะสื่อถึงความอมตะ บริสุทธิ์ และรักนิรันดร์...ความหมายโดนใจมั่กๆ … และถ้ามีสลักคำว่า LOVE บนจิวเวลลี่ยิ่งโดนสุดๆ ...ว้าวๆๆ!!


การ์ด

อันนี้เป็นของจําเป็นควบคู่ไปกับดอกไม้ และช็อกโกแลต เลือกตามแบบที่ชอบ เขียนความในใจตามแบบที่อยากให้คนที่ได้รับอ่านแล้วเข้าใจในทันที แถมหาซื้อไม่ยากด้วย


ตุ๊กตา

เป็น สิ่งที่ให้กันได้ทุกเทศกาลอยู่แล้ว แต่พิเศษสําหรับวันแห่งความรักคงต้องเลือกสรรให้น่ารัก น่าประทับใจแทนความหมายได้ทุกอารมณ์แล้วแต่คุณจะหยิบแบบไหน


เทียนหอม

มาแรงในหมู่หนุ่มสาวชาวไทย ที่สื่อได้ทั้งความหมายจากรูปทรงหัวใจ และให้กลิ่นหอมชวนหลงใหลตามแต่ใครจะเลือกได้ถูกใจอีกฝ่ายแค่ไหน


มื้อค่ำ

ขาด ไม่ได้เลยสำหรับมื้อพิเศษในวันแห่งความรัก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหน ในบ้าน ร้านอาหาร หรือริมทะเล แต่ขอให้มีแต่คุณและคนรักไปกันสองคนก็แล้วกัน

ที่มา:http://hilight.kapook.com/view/19757