Thursday, January 1, 2009

ที่สุดแห่งปี ข่าวโลก 2551

สัปดาห์นี้สื่อมวลชนฝั่งตะวันตก ต่างเปิดผลการจัดอันดับข่าวใหญ่ของปีนี้ ซึ่งออกมาคล้ายกันมาก โดยเฉพาะในอเมริกา ล้วนเลือกข่าว นายบารัก โอบามา ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้นำผิวสีคนแรกของประเทศเหมือนกันหมด ไม่ว่านิตยสารไทม์ นิวสวีก หรือสำนักข่าวเอพี

ตามมาติดๆ ชนิดไม่ทิ้งฝุ่น คือ ข่าววิกฤตการเงินในอเมริกาที่ลุกลามไปทั่วโลกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกทั่วหัวระแหง

สำหรับเอเชียแล้ว หายนะจากภัยพิบัติครั้งร้ายแรงติดต่อกันในพม่าและจีน คร่าชีวิตผู้คนรวมกันเกินกว่า 2 แสนราย เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าตกตะลึงถึงที่สุด การจัดอันดับจึงขึ้นอยู่กับมุมมอง ความรู้สึก และผลกระทบของแต่ละภูมิภาคนั้น ซึ่งในส่วนของ "ข่าวต่างประเทศ ข่าวสด" สรุปสถานการณ์ "ที่สุดแห่งปี" ได้ดังนี้

หายนะที่สุด

พม่า เพื่อนบ้านไทยถูกพายุไซโคลนนามว่า "นาร์กีส" กระหน่ำเมื่อวันที่ 2-3 พ.ค. ในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี ยอดตายเพิ่มเป็นหลักแสนในช่วงสัปดาห์เดียว

เรื่องที่ช็อกความรู้สึกชาวโลกยิ่งกว่าแรงของพายุก็คือ ท่าทีของรัฐบาลทหารพม่าที่ไม่ยอมเปิดประเทศให้ชาติอื่นเข้าไปช่วยกู้ภัย นานาชาติต้องงอนง้อขนาดหนัก จึงได้ยอมแง้มประตูให้เฉพาะชาติจากอาเซียนเข้าไปช่วยบรรเทาทุกข์ให้ผู้รอด ชีวิตที่ไร้บ้านเรือนกว่า 2.4 ล้านคน หลังจาก 138,000 รายเสียชีวิตและสูญหาย

ช่วงเวลาไม่ทิ้งห่างกัน เหตุแผ่นดินไหวระดับรุนแรงถึง 8 ริกเตอร์ เขย่าบ้านเรือนในมณฑลเสฉวนและมณฑลใกล้เคียงของจีนพังราบเป็นหน้ากลองในวัน ที่ 12 พ.ค.

ความแตกต่างที่ปรากฏต่างจากพม่าก็คือ จีนเปิดประเทศให้เห็นถึงการระดมกำลังกันเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่ง รีบและไม่หยุดหย่อน

ก่อนสรุปตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตที่ 88,000 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บมีกว่า 375,000 ราย ผู้สูญเสียบ้านเรือนและต้องหาที่อยู่ใหม่มีราว 1.5 ล้านราย

ความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยตรงอยู่ที่ 124,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนค่าฟื้นฟูบูรณะเมืองขึ้นมาใหม่อาจกินมูลค่าถึง 245 ล้านดอลลาร์ในอีกหลายปีข้างหน้า

โฉดที่สุด

เรื่องราวบั่นทอนความเป็นมนุษย์ยิ่งกว่าในภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่องใดๆ เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ ที่ประเทศออสเตรีย ทวีปยุโรป อาชญากรรมใต้ผืนดิน เผยโฉมนายโจเซฟ ฟริตเซิล วัย 73 ปี ออกมาในเดือนเมษายน คนผู้นี้กักขังเอลิซาเบธ ลูกสาวตนเองไว้ในห้องใต้ดิน ไม่เคยให้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน นานถึง 24 ปี ระหว่างนั้นข่มขืนลูกสาวจนตั้งครรภ์ มีลูกมาแล้วถึง 7 คน

ส่วนนางโรสแมรี ภรรยาและแม่ของเอลิซาเบธ ไม่ระแคะระคายว่าลูกถูกทรมานอยู่ใต้บ้านของตนเอง เพราะเชื่อที่นายฟริตเซิลหลอกลวงว่า ลูกสาวหนีออกจากบ้านไป ทั้งยังรับหลาน 3 คนมาเลี้ยงไว้โดยไม่รู้ที่มาที่ไป

การสืบสวนขยายผลจนนำไปสู่การฟ้องร้อง ว่านายฟริตเซิลก่อคดีไว้กับหญิงรายอื่นด้วย โดยฆาตกรรมเหยื่อในปี 2539

คลั่งฆ่าที่สุด

ฟินแลนด์ ประเทศฝั่งเหนือของยุโรป อาจเป็นที่รู้จักของชาติอื่นๆ ว่าเป็นประเทศสงบเงียบ แต่คดีอาชญากรรม "คลั่งยิง" กลับปรากฏในประเทศนี้อีกครั้ง

ในเดือนกันยายน นายมัตติ จูฮานี ซาฮารี นักเรียนวิชาศิลปะอาหารวัย 22 ปี ในชุดสีดำทะมึน ใส่หน้ากากสกี เดินเข้าไปในโรงเรียนแล้วกราดยิงเพื่อนนักเรียนไปทั่วห้อง ก่อนยิงตัวตาย

ตำรวจสรุปยอดเหยื่อที่เสียชีวิต 10 ราย และพบคลิปภาพนายซาฮารีในเว็บไซต์ยูทูบ แอ๊กท่าถือปืนแบบเดียวกับที่นักเรียนชายวัย 18 ปีของฟินแลนด์ ที่ก่อเหตุคลั่งยิงในโรงเรียนเมื่อปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 9 ราย

ส่วนที่ญี่ปุ่น ชาติที่มีอาชญากรรมต่ำสุดในโลก ย่อมไม่คาดฝันกับเหตุการณ์ที่นายโทโมฮิโร่ คาโตะ คนงานโรงงานรถยนต์วัย 26 ปี ขับรถตะลุยฝ่าเข้าไปใจกลางเมือง แล้วลงมาไล่แทงผู้คนเสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บอีก 10 ราย ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตัวไปดำเนินคดีได้ คาดว่าจะถูกตัดสินโทษประหาร

จากนั้นในญี่ปุ่นมีคดีควงมีดไล่แทงผู้คน เลียนแบบคดีนี้อีก 4 ครั้ง แม้เป็นอัตราที่น้อยมาก แต่ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ

เสียหน้าที่สุด

การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเป็นความฝันสูงสุดในรอบร้อยปีของจีนแต่ทั้งก่อนและ หลังความยิ่งใหญ่อลังการ จีนเสียหน้าในเวทีโลกครั้งแล้วครั้งเล่า นับตั้งแต่ช่วงเตรียมการที่เกิดข้อกังขาด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศที่ย่ำแย่ในกรุงปักกิ่ง ทำให้สื่อตะวันตกประโคมข่าวกันจนนักกีฬาบางคนแขยง พิษทางอากาศไม่ทันจาง พิษทางน้ำก็ตามมา เมื่อสาหร่ายสีเขียวแพร่พันธุ์ปกคลุมผืนน้ำในเมืองชิงเต่า สถานที่จัดการแข่งขันเรือใบ เจ้าหน้าที่และชาวบ้านระดมกำลังกันโกยสาหร่ายอย่างทุลักทุเลเป็นการใหญ่

ส่วนพิบัติภัยทางดิน จากเหตุธรณีไหวที่เสฉวน แม้จะเป็นเรื่องสุดวิสัยทางธรรมชาติ แต่ชื่อเสียงของจีนหม่นหมองไปด้วยในกรณีที่พ่อแม่ของเหยื่อเด็กน้อยที่เสีย ชีวิตจำนวนมากฮือประท้วงราชการที่ก่อสร้างโรงเรียนไม่ได้มาตรฐาน ใช้วัสดุด้อยคุณภาพ เป็นเหตุให้ถล่มลงมาทับเด็กตายได้ง่ายดาย นอกเหนือจากเรื่องดินน้ำลมไฟ อุปสรรคใหญ่ทางการเมืองก็โหมเป็นระลอก

เดือนมีนาคม กลุ่มเรียกร้องเอกราชทิเบตฮือประท้วงทางการ บุกทำลายร้านค้าอาคารต่างๆ จนจีนส่งทหารปราบปรามได้ในเวลาอันสั้น

แต่ผลงานดังกล่าวถูกประณามระงม จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนฝั่งตะวันตก กระทบถึงพิธีการวิ่งคบเพลิงในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะที่กรุงปารีส ที่คบเพลิงถูกแย่งชิงไปกลางทาง กลายเป็นเรื่องที่สองชาติขุ่นเคืองกัน

ก่อนเปิดฉากไม่กี่วัน นักข่าวนานาชาติโวยเป็นการใหญ่ที่ศูนย์สื่อมวลชนในปักกิ่ง บล็อกเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาต่อต้านจีน ทั้งที่เคยรับปากจะให้อิสระสื่อเต็มที่

8 สิงหาคมมาถึง จีนจัดพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ด้วยการแสดงอันวิจิตร แต่วันรุ่งขึ้นต่อๆ มา เว็บสนทนาของจีนเต็มไปด้วยเรื่องแฉเบื้องหลัง "ผักชีโรยหน้า" เป็นฉากๆ ตั้งแต่การใช้หนูน้อยดาราโฆษณามาทำท่าร้องเพลง ส่วนเจ้าตัวเสียงจริงหลบอยู่หลังเวที เพียงเพราะหน้าตาบ้านๆ รวมไปถึงการใช้เอฟเฟ็กต์แต่งภาพดอกไม้ไฟ แทรกเข้าไปรวมกับภาพจริงในการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก หลังโอลิมปิกปิดฉาก กรณีอื้อฉาวเรื่องใหม่ก็ตามมา

สื่อมวลชนจีนเสนอข่าวการป่วยของเด็กเล็กหลายคนที่ดื่มนมผงปนเปื้อนสารเมลา มีน จากการที่ผู้ผลิตใส่เข้าไปเพื่อลวงตาว่านมมีโปรตีนสูง เนื่องจากองค์ประกอบของเมลามีน สารที่ใช้ผลิตพลาสติก คล้ายกับโปรตีน การตรวจสอบสินค้าเพิ่มดีกรีน่าตกใจขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าจะไปตรวจของกินยี่ห้ออะไรที่มีส่วนผสมของนม ล้วนปนเปื้อนเมลามีนทั้งสิ้น

การเรียกเก็บสินค้าอย่างแตกตื่นลุกลามไปถึงประเทศที่รับสินค้าจีนไปขาย ไม่ว่าในเอเชีย หรือดินแดนไกลออกไปอย่างแอฟริกา ส่วนยุโรปและอเมริกาต่างก็ผวา สั่งแบนด้วย จีนสรุปยอดเด็กที่ป่วยช่วงปลายปีไว้ที่เกือบ 300,000 คน และเสียชีวิตแล้ว 6 ราย

แตกต่างที่สุด

ถ้ากล่าวว่า ชัยชนะของบารัก โอบามา ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ คือผลงานของจอร์จ ดับเบิลยู. บุช คงไม่ผิด เพราะผลการวิเคราะห์ของเซียนการเมืองในอเมริกาตั้งแต่ช่วงศึกเลือกตั้งเปิด ฉาก ตรงตามความเป็นจริงว่า ชาวอเมริกันต้องการผู้นำใหม่ที่อยู่คนละขั้วกับบุช

ในขณะที่บุชก่อสงครามอิรัก โอบามาคือผู้แทนของสภาสูงที่ต้านสงครามอิรักสุดลิ่มทิ่มประตู ในขณะที่รัฐบาลบุชปล่อยให้ปัญหาเศรษฐกิจลุกลาม โอบามาคือคนที่อาสาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

แม้ว่า ฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งในพรรคเดโมแครตของโอบามาจะมีภาษีดีกว่าในด้านประสบการณ์และความ เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ แต่โอบามาได้เปรียบในด้านความสดใหม่และท้าทาย

โดยเฉพาะความแตกต่างห่างไกลจากบุช ชีช้ำที่สุด พิษค่อยๆ กระจายไปตามส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ต้นปีนับจาก ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตกโพละในปี 2550

สถาบันการเงิน วาณิชธนกิจ และธนาคารพาณิชย์ที่เคยสนุกสนานกับการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ถึงคราวกระอักเลือดในปีนี้ เมื่อพิษเข้าถึงหัวใจ มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งวูบวาบตลอดปี ไม่ว่านานามหาอำนาจจะฉีดเงินเข้าไปเท่าไหร่ ก็สยบไว้ได้ชั่วครั้งชั่วคราว

เมื่อมีข่าวเขย่าขวัญสั่นประสาทมาเรื่อยๆ ไม่ว่า การล้มละลายของแฟนนีเม, เฟร็ดดี้แมค เมอร์ริลลินช์ หรือ เลห์แมน บราเธอร์ ต่อด้วยบริษัทประกันภัยเบอร์ 1 เอไอจี ที่สั่นคลอนจนรัฐบาลบุชต้องรีบควักเงินมหาศาลโอบอุ้มกิจการจากอเมริกา พิษก็ลามถึงยุโรป ธนาคารรายใหญ่ล้มกันระเนระนาด พิษวิกฤตการเงินต้มยำกุ้งในเอเชียเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ว่าแน่ๆ อาจต้องหลบให้กับวิกฤตครั้งนี้ที่ฉุดเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยเต็มรูปแบบ

ราคาน้ำมันที่พุ่งกระฉูดกว่า 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดิ่งลงไปแตะ 40 ดอลลาร์ เพราะเชื่อว่า เศรษฐกิจปีหน้าจะต้องนอนซึมพักฟื้นไปอีกยาว



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

No comments: